ทันทีที่ เจ. เค. โรว์ลิง เขียนต้นฉบับหนังสือ แฮรี่ พอตเตอร์ เสร็จ
ต้นฉบับของเธอก็ถูกส่งไปยังสำนักพิมพ์ 12 แห่ง เพื่อพิจารณา
ผลก็คือ ทุกแห่ง ปฏิเสธ
เจ. เค. โรว์ลิง เล่าให้ฟังในภายหลังว่า บรรณาธิการของบางสำนักพิมพ์ปฏิเสธด้วยถ้อยคำที่หยาบคายมาก
คำถามก็คือ ทำไมบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ทั้ง 12 แห่ง ถึงคิดตรงกันว่า
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ไม่มีค่าพอที่จะตีพิมพ์
ผมเชื่อว่าทั้ง 12 คน คงไม่ใช่พนักงานฝึกหัดกระจอกงอกง่อย
เพราะการจะเป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ได้ จะต้องมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในวงการหนังสือมากพอสมควร
แต่ทำไมพวกเขากลับมองไม่ออกว่า
อนาคตของต้นฉบับที่ได้อ่าน
เมื่อตีพิมพ์แล้วจะขายได้มากถึง 107 ล้านเล่มทั่วโลก
คำตอบมีอยู่ 2 ประการ คือ
1. เจ. เค. โรว์ลิง เป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่มีใครรู้จัก
เป็นธรรมชาติของคนส่วนใหญ่ในโลกอยู่แล้ว
ที่มักจะสนใจว่าสิ่งนั้น เป็นผลงานของใครมากกว่าจะสนใจว่ามันดีหรือไม่
ถ้าวันนี้ เจ. เค. โรว์ลิง ส่งต้นฉบับหนังสือที่ไม่ได้ดีเท่ากับแฮรี่ พอตเตอร์ ให้กับสำนักพิมพ์
ทั้ง 12 แห่งที่เคยปฏิเสธ เชื่อเถอะว่าทั้ง 12 แห่งต้องแย่งกันตีพิมพ์เลยทีเดียว
หรือบางแห่งอาจจะไม่สนใจเนื้อหาด้วยซ้ำว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้ เจ. เค. โรว์ลิง เขียน
ก็พร้อมจะตีพิมพ์ทันที
2. บรรณาธิการใช้ความคิดตนเองมาตัดสินใจแทนผู้อ่าน
ถ้าคุณไม่ชอบไก่ชน คุณคงไม่มีความสุขที่จะได้อ่านนิตยสารไก่ชน
ถ้าคุณไม่ใช่นักสะสมพระเครื่อง คุณก็คงไม่ชอบอ่านหนังสือพระเครื่อง
เช่นเดียวกับ บรรณาธิการทั้ง 12 สำนักพิมพ์ ที่ไม่ใช่เด็ก
แต่นำความคิดของตนมาตัดสินใจแทนเด็ก
พวกเขาจึงไม่รู้สึกสนุกไปกับ วรรณกรรมเด็กเรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์
ในขณะที่ประธานบริหารสำนักพิมพ์บลูมบิวส์รี เลือกที่จะให้เด็กเป็นผู้ตัดสินใจ
โดยนำต้นฉบับ แฮรี่ พอตเตอร์ ของ เจ. เค. โรว์ลิง ไปให้ลูกสาวอายุ 8 ขวบอ่าน
ปรากฎว่าเมื่อลูกสาวของเขาอ่านบทแรกจบก็ขออ่านบทต่อไปทันที
เขาจึงตัดสินใจตีพิมพ์หนังสือของโรว์ลิง
*****
ผมขออนุญาตไม่บรรยายเล่าให้ฟังว่า เกิดอะไรขึ้นหลังจากหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ เล่มแรกถูกตีพิมพ์
เพราะทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า หนังสือเล่มนี้ประสบความสำเร็จมากขนาดไหน
แต่ผมอยากจะให้ข้อคิด โดยสรุปจากเนื้อหาที่ได้เขียนไปข้างต้น ซึ่งก็คือ
หากคุณไม่ใช่ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คุณจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น
ถ้าคุณมั่นใจจากหัวใจว่า ผลงานของคุณดีจริง ๆ
แม้จะโดนปฏิเสธจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้มากประสบการณ์ ก็ขอให้รู้ว่า
ความคิดเห็นของเขา ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่ความเห็นส่วนบุคคล
มีคนจำนวนมากในโลกที่โดนดูถูก เหยียดหยาม แต่สุดท้ายก็สามารถก้าวข้ามคำสบประมาท
กลายเป็นบุคคลผู้ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด คุณเองก็ย่อมสามารถทำได้เช่นกัน
ขอปัญญาจงอยู่กับท่าน
พิสิษฐ์ จง
ที่มา :
http://www.pisitzhong.com/แฮร์รี่-พอตเตอร์/
เหตุผลที่ 12 บรรณาธิการ ปฏิเสธตีพิมพ์ แฮร์รี่ พอตเตอร์
ต้นฉบับของเธอก็ถูกส่งไปยังสำนักพิมพ์ 12 แห่ง เพื่อพิจารณา
ผลก็คือ ทุกแห่ง ปฏิเสธ
เจ. เค. โรว์ลิง เล่าให้ฟังในภายหลังว่า บรรณาธิการของบางสำนักพิมพ์ปฏิเสธด้วยถ้อยคำที่หยาบคายมาก
คำถามก็คือ ทำไมบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ทั้ง 12 แห่ง ถึงคิดตรงกันว่า
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ไม่มีค่าพอที่จะตีพิมพ์
ผมเชื่อว่าทั้ง 12 คน คงไม่ใช่พนักงานฝึกหัดกระจอกงอกง่อย
เพราะการจะเป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ได้ จะต้องมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในวงการหนังสือมากพอสมควร
แต่ทำไมพวกเขากลับมองไม่ออกว่า
อนาคตของต้นฉบับที่ได้อ่าน
เมื่อตีพิมพ์แล้วจะขายได้มากถึง 107 ล้านเล่มทั่วโลก
คำตอบมีอยู่ 2 ประการ คือ
1. เจ. เค. โรว์ลิง เป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่มีใครรู้จัก
เป็นธรรมชาติของคนส่วนใหญ่ในโลกอยู่แล้ว
ที่มักจะสนใจว่าสิ่งนั้น เป็นผลงานของใครมากกว่าจะสนใจว่ามันดีหรือไม่
ถ้าวันนี้ เจ. เค. โรว์ลิง ส่งต้นฉบับหนังสือที่ไม่ได้ดีเท่ากับแฮรี่ พอตเตอร์ ให้กับสำนักพิมพ์
ทั้ง 12 แห่งที่เคยปฏิเสธ เชื่อเถอะว่าทั้ง 12 แห่งต้องแย่งกันตีพิมพ์เลยทีเดียว
หรือบางแห่งอาจจะไม่สนใจเนื้อหาด้วยซ้ำว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้ เจ. เค. โรว์ลิง เขียน
ก็พร้อมจะตีพิมพ์ทันที
2. บรรณาธิการใช้ความคิดตนเองมาตัดสินใจแทนผู้อ่าน
ถ้าคุณไม่ชอบไก่ชน คุณคงไม่มีความสุขที่จะได้อ่านนิตยสารไก่ชน
ถ้าคุณไม่ใช่นักสะสมพระเครื่อง คุณก็คงไม่ชอบอ่านหนังสือพระเครื่อง
เช่นเดียวกับ บรรณาธิการทั้ง 12 สำนักพิมพ์ ที่ไม่ใช่เด็ก
แต่นำความคิดของตนมาตัดสินใจแทนเด็ก
พวกเขาจึงไม่รู้สึกสนุกไปกับ วรรณกรรมเด็กเรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์
ในขณะที่ประธานบริหารสำนักพิมพ์บลูมบิวส์รี เลือกที่จะให้เด็กเป็นผู้ตัดสินใจ
โดยนำต้นฉบับ แฮรี่ พอตเตอร์ ของ เจ. เค. โรว์ลิง ไปให้ลูกสาวอายุ 8 ขวบอ่าน
ปรากฎว่าเมื่อลูกสาวของเขาอ่านบทแรกจบก็ขออ่านบทต่อไปทันที
เขาจึงตัดสินใจตีพิมพ์หนังสือของโรว์ลิง
*****
ผมขออนุญาตไม่บรรยายเล่าให้ฟังว่า เกิดอะไรขึ้นหลังจากหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ เล่มแรกถูกตีพิมพ์
เพราะทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า หนังสือเล่มนี้ประสบความสำเร็จมากขนาดไหน
แต่ผมอยากจะให้ข้อคิด โดยสรุปจากเนื้อหาที่ได้เขียนไปข้างต้น ซึ่งก็คือ
หากคุณไม่ใช่ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คุณจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น
ถ้าคุณมั่นใจจากหัวใจว่า ผลงานของคุณดีจริง ๆ
แม้จะโดนปฏิเสธจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้มากประสบการณ์ ก็ขอให้รู้ว่า
ความคิดเห็นของเขา ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่ความเห็นส่วนบุคคล
มีคนจำนวนมากในโลกที่โดนดูถูก เหยียดหยาม แต่สุดท้ายก็สามารถก้าวข้ามคำสบประมาท
กลายเป็นบุคคลผู้ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด คุณเองก็ย่อมสามารถทำได้เช่นกัน
ขอปัญญาจงอยู่กับท่าน
พิสิษฐ์ จง
ที่มา : http://www.pisitzhong.com/แฮร์รี่-พอตเตอร์/