มีใครไม่คาดคิดก่อนเข้าไปดูมั้ยว่า หนังการ์ตูนอย่าง
Inside Out จะเป็นหนังที่ทำให้เราอินกับมันจนซึ้งได้ขนาดนี้(สำหรับคนที่อิน)
เป็นหนังที่ผมไม่ได้เลือกเอง แฟนเลือกให้ Pixel ก็อยากดู แต่เรื่องนี้ก้น่าสนใจ ตรงที่มันคิดว่ามีอารมณ์อยู่ในหัวของเรา5อารมณ์นั่นเอง
ก่อนเข้าไปดู ผมก็คิดว่าเป็นหนังการ์ตูนเด็กๆธรรมดาเหมือนที่เคยดูมา ไม่ว่าจะเรื่องไหนซึ่งผมชอบดูอยู่แล้ว แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแตกต่างออกไป
เรื่องเกาะต่างๆ เรื่องการแสดงอารมณ์ตอนเริ่มเป็นวัยรุ่น ซึ่งดูแล้วเหมือนสะท้อนเห็นตัวเองในช่วงที่ผ่านๆมา หลายๆอย่างที่เราอาจจะลืมไปแล้วว่าเราเคยมีความสุข เกะครอบครัว เกาะมิตรภาพ เกาะติ๊งต๊อง ทุกๆครั้งที่เราเติบโตต้องผ่านอะไรมากมาย มีกี่เกาะแล้วที่มันพังลง และแม้จะเกิดขึ้นใหม่บางครั้งก็ไม่เหมือนเดิม
ปิ๊งป่องเหมือนเป็นตัวแทนวัยเด็ก ไร้เดียงสา และผมคิดว่าผมต้องเคยมีเพื่อนในจินตนาการแบบ Riley แน่ๆ แต่นึกไม่ออก พอโตมา เพื่อนคนนั้นตอนนี้ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว เราอาจจะลืมทิ้งไว้ในไหนสักแห่ง ไปแล้ว
เกาะติ๊งต๊อง เป็นบุคลิกในวัยเด็ก ที่ตอนเด็กเราเล่นสนุกได้แบบไม่คิดอะไร มองโลกในแง่ดี แต่พอโตมามันก้ค่อยๆน้อยลง
ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นจนทุกวันนี้ ผมเป็นเหมือน Riley ที่เป็นคนเย็นชาแทบไม่รู้สึกอะไร(หรือไม่อยากรับรู้อะไร)อีกแล้ว มาหลายครั้ง
และถ้าเปรียบเทียบกัน
เกาะครอบครัวผมอาจจะพังมาแล้วนับไม่ถ้วน และหลายครั้งที่ผมใจสลาย มาดูหนังเรื่องนี้ก้เหมือนดูชีวิตในตอนนั้นว่าเราผ่านช่วงนั้นมาได้ยังไง ต้องเจ็บปวดแค่ไหน
ผมเคยไม่พอใจพ่อแม่ เพราะท่านไม่มีเวลาให้ลูก ซึ่งตอนเด็กๆผมเคยคิดผิดหลายครั้ง ทำผิดหลายรอบ
มันน่าคิดนะ ว่าเราผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ยังไง
จนมาถึงตอนนึง ที่ Riley คิดได้แล้วกลับไปหาพ่อกับแม่ แล้วทั้งสามคนก็ร้องไห้และคุยกันจนเข้าใจ
ฉากนี้เป็นฉากที่ทำให้ผมถึงกับน้ำตาไหลออกมา เป็นฉากที่ปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ ไม่เก็บมันอีกต่อไปแล้ว ซึ่งไม่เคยมีหนังการ์ตูนเรื่องไหนทำให้ผมอินไปกับมันขนาดนี้เลย
เพราะตอนเด็กๆผมเคยทำแบบนั้น พอดูฉากนี้เหมือนกลายเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำ อยากจะระบายกับท่านมากที่สุด แต่ผมทำไม่ได้ ได้แค่คิด(แต่ลึกๆแล้วอยากทำ) เพราะผมเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ
ผมจึงน้ำตาไหลออกมานิดนึง เพราะมันทำให้ฉุกคิดได้ว่า ตอนนั้นเรายังไม่คิดอะไรซับซ้อนเท่าตอนนี้ ทำไมเราโตมาเป็นแบบนี้นะ
เรามาถึงจุดๆนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
กี่อย่างแล้วที่ถูกเราลืมหรือมองข้ามไป กี่หนแล้วที่เราคิดผิดจนเคยหลงทาง กี่ครั้งแล้วที่เรามีความทรงจำดีดีในชีวิต
หนังเรื่องนี้ แม้จะเป็นหนังการ์ตูน
แต่มันได้สะกิดผม(และเชื่อว่าอีกหลายๆคน)ที่ดูได้กลับบ้านไปคิด คนที่กำลังเป็นพ่อคนแม่คน หรือมีลูกที่เพิ่งเริ่มหรือเป็นวัยรุ่น ผมว่าคงจะทำให้เค้าเข้าใจลูกมากขึ้น
แต่ที่สำคัญคือ
คนที่เคยผ่านตรงนั้นมาก่อน ตอนอยู่ในวัยที่อารมณ์อ่อนไหว เขาจะยิ่งเข้าใจดี หรือบางคนอาจจะทำให้เข้าใจตัวเขาดีขึ้น และทำให้เข้าใจครอบครัวมากขึ้นด้วย ตอนเราคิดผิด หลงทางเพราะคิดมาก แล้วพ่อแม่ล่ะ ท่านต้องคิดมากกว่าเราแน่ๆ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกจริงไหม
ผมอยากจะพาพ่อแม่มาดูเรื่องนี้มาก เพราะถึงผมจะโตบ้างแล้ว แต่ผมก็อยากมีครอบครัวที่น่ารักเหมือนที่ผมเคยมีตอนเด็ก มีหลายฉากที่Rileyในวัยเล็กๆเล่นกับครอบครัวอย่างร่าเริง แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนแต่ก่อน หนังเรื่องนี้มันเหมือนสิ่งที่ผมเคยคิด(หรือคิดอยู่)ในหัว คิดว่าพ่อแม่ตอนเขาอยู่วัยนั้นก็คงไม่ต่างกัน และผมหวังว่าผมกับพ่อแม่จะได้เข้าใจกันมากกว่านี้ เมื่อเราดูจบแล้วก้าวออกมาจากโรงหนัง กลับมาบ้าน
ผมหวังว่าเราจะมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นเหมือนครอบครัวของ Riley ... เหมือนตอนผมยังเด็กๆ...
และมีประโยคนึง ซึ่งถ้าผมนั่งดูเครดิตจนจบ ผมคงจะบ่อน้ำตาแตกอีกสักรอบ 555 เพราะเขาเขียนไว้ว่า
“This film is dedicated to our kids. Please don’t grow up. Ever.” – “หนังเรื่องนี้อุทิศให้กับลูกๆ ขอให้เป็นเด็กของพวกเราอย่างนี้ต่อไป อย่าโตเลยนะ”
อ่านแล้วนึกถึงพ่อแม่ เท่าก็คงคิดแบบเดียวกัน
ตอน5-6ขวบที่ผมเคยนั่งรถกับพ่อแม่แล้วพูดออกมาว่า
“อยากหยุดเวลาจังเลยแม่ ไม่อยากโตเลย ผมจะได้อยู่กับพ่อแม่ไปตลอด”
แล้วเมื่อดูหนังจบ พวกคุณคิดอะไรกันได้บ้างครับ
ขอบคุณที่อ่านนะครับ
ป.ล เป็นหนังที่เล่นแรงกับความรู้สึกตัวเอง และซึ้งหนักมากสำหรับผมจริงๆ ขอบคุณ PIXAR ที่ทำหนังการ์ตูนแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมตลอดมา จากใจครับ
เหมือนเห็นสะท้อนตัวเอง เมื่อผมดู Inside Out
เป็นหนังที่ผมไม่ได้เลือกเอง แฟนเลือกให้ Pixel ก็อยากดู แต่เรื่องนี้ก้น่าสนใจ ตรงที่มันคิดว่ามีอารมณ์อยู่ในหัวของเรา5อารมณ์นั่นเอง
ก่อนเข้าไปดู ผมก็คิดว่าเป็นหนังการ์ตูนเด็กๆธรรมดาเหมือนที่เคยดูมา ไม่ว่าจะเรื่องไหนซึ่งผมชอบดูอยู่แล้ว แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแตกต่างออกไป
เรื่องเกาะต่างๆ เรื่องการแสดงอารมณ์ตอนเริ่มเป็นวัยรุ่น ซึ่งดูแล้วเหมือนสะท้อนเห็นตัวเองในช่วงที่ผ่านๆมา หลายๆอย่างที่เราอาจจะลืมไปแล้วว่าเราเคยมีความสุข เกะครอบครัว เกาะมิตรภาพ เกาะติ๊งต๊อง ทุกๆครั้งที่เราเติบโตต้องผ่านอะไรมากมาย มีกี่เกาะแล้วที่มันพังลง และแม้จะเกิดขึ้นใหม่บางครั้งก็ไม่เหมือนเดิม
เกาะติ๊งต๊อง เป็นบุคลิกในวัยเด็ก ที่ตอนเด็กเราเล่นสนุกได้แบบไม่คิดอะไร มองโลกในแง่ดี แต่พอโตมามันก้ค่อยๆน้อยลง
ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นจนทุกวันนี้ ผมเป็นเหมือน Riley ที่เป็นคนเย็นชาแทบไม่รู้สึกอะไร(หรือไม่อยากรับรู้อะไร)อีกแล้ว มาหลายครั้ง
และถ้าเปรียบเทียบกัน เกาะครอบครัวผมอาจจะพังมาแล้วนับไม่ถ้วน และหลายครั้งที่ผมใจสลาย มาดูหนังเรื่องนี้ก้เหมือนดูชีวิตในตอนนั้นว่าเราผ่านช่วงนั้นมาได้ยังไง ต้องเจ็บปวดแค่ไหน
ผมเคยไม่พอใจพ่อแม่ เพราะท่านไม่มีเวลาให้ลูก ซึ่งตอนเด็กๆผมเคยคิดผิดหลายครั้ง ทำผิดหลายรอบ
มันน่าคิดนะ ว่าเราผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ยังไง
เพราะตอนเด็กๆผมเคยทำแบบนั้น พอดูฉากนี้เหมือนกลายเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำ อยากจะระบายกับท่านมากที่สุด แต่ผมทำไม่ได้ ได้แค่คิด(แต่ลึกๆแล้วอยากทำ) เพราะผมเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ
ผมจึงน้ำตาไหลออกมานิดนึง เพราะมันทำให้ฉุกคิดได้ว่า ตอนนั้นเรายังไม่คิดอะไรซับซ้อนเท่าตอนนี้ ทำไมเราโตมาเป็นแบบนี้นะ เรามาถึงจุดๆนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
หนังเรื่องนี้ แม้จะเป็นหนังการ์ตูน แต่มันได้สะกิดผม(และเชื่อว่าอีกหลายๆคน)ที่ดูได้กลับบ้านไปคิด คนที่กำลังเป็นพ่อคนแม่คน หรือมีลูกที่เพิ่งเริ่มหรือเป็นวัยรุ่น ผมว่าคงจะทำให้เค้าเข้าใจลูกมากขึ้น
แต่ที่สำคัญคือ คนที่เคยผ่านตรงนั้นมาก่อน ตอนอยู่ในวัยที่อารมณ์อ่อนไหว เขาจะยิ่งเข้าใจดี หรือบางคนอาจจะทำให้เข้าใจตัวเขาดีขึ้น และทำให้เข้าใจครอบครัวมากขึ้นด้วย ตอนเราคิดผิด หลงทางเพราะคิดมาก แล้วพ่อแม่ล่ะ ท่านต้องคิดมากกว่าเราแน่ๆ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกจริงไหม
ผมอยากจะพาพ่อแม่มาดูเรื่องนี้มาก เพราะถึงผมจะโตบ้างแล้ว แต่ผมก็อยากมีครอบครัวที่น่ารักเหมือนที่ผมเคยมีตอนเด็ก มีหลายฉากที่Rileyในวัยเล็กๆเล่นกับครอบครัวอย่างร่าเริง แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนแต่ก่อน หนังเรื่องนี้มันเหมือนสิ่งที่ผมเคยคิด(หรือคิดอยู่)ในหัว คิดว่าพ่อแม่ตอนเขาอยู่วัยนั้นก็คงไม่ต่างกัน และผมหวังว่าผมกับพ่อแม่จะได้เข้าใจกันมากกว่านี้ เมื่อเราดูจบแล้วก้าวออกมาจากโรงหนัง กลับมาบ้านผมหวังว่าเราจะมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นเหมือนครอบครัวของ Riley ... เหมือนตอนผมยังเด็กๆ...
“This film is dedicated to our kids. Please don’t grow up. Ever.” – “หนังเรื่องนี้อุทิศให้กับลูกๆ ขอให้เป็นเด็กของพวกเราอย่างนี้ต่อไป อย่าโตเลยนะ”
อ่านแล้วนึกถึงพ่อแม่ เท่าก็คงคิดแบบเดียวกัน
ตอน5-6ขวบที่ผมเคยนั่งรถกับพ่อแม่แล้วพูดออกมาว่า “อยากหยุดเวลาจังเลยแม่ ไม่อยากโตเลย ผมจะได้อยู่กับพ่อแม่ไปตลอด”
แล้วเมื่อดูหนังจบ พวกคุณคิดอะไรกันได้บ้างครับ
ขอบคุณที่อ่านนะครับ
ป.ล เป็นหนังที่เล่นแรงกับความรู้สึกตัวเอง และซึ้งหนักมากสำหรับผมจริงๆ ขอบคุณ PIXAR ที่ทำหนังการ์ตูนแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมตลอดมา จากใจครับ