ทริปนี้ เป็นทริปที่ผมใฝ่ฝันมาหลายปี ว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองให้ได้ ทั้งๆ ที่ภาษาอังกฤษก็ไม่เก่งเท่าไหร่ ผมก็เลยเลือกประเทศเพื่อนบ้านเรานี่แหละ นั่นคือประเทศมาเลเซีย บวกกับผมหาตั๋วเครื่องบินราคาโปรโมชั่นเจอด้วยครับ (นั่งค้นหากันจนตาแฉะเลยทีเดียว) ซึ่งค่าใช้จ่ายทริปผมก็มีดังนี้
- ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน Thai Lion Air ดอนเมือง - หาดใหญ่ = 395 บาท
- ค่ารถสองแถวเข้าเมืองหาดใหญ่ = 30 บาท
- ค่ารถจักรยานยนต์รับจ้างไปขนส่งตลาดเปิดท้าย = 40 บาท
- ค่ารถตู้จากหาดใหญ่ไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ = 50 บาท
- ค่ารถจักรยานยนต์รับจ้างเข้าไปส่งถึง ตม. ฝั่งมาเลเซีย = 50 บาท
- ค่ารถไฟด่วน ETS จากปาดังเบซาร์ไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ = 29 ริงกิต + ค่าบริการผ่านอินเตอร์เน็ต 2 ริงกิต รวมเป็น 31 ริงกิต (285.49 บาท อ้างอิงจากรายการเรียกเก็บเงินบัตรเครดิต ณ เดือนกรกฎาคม 2558)
- ค่ารถไฟซึ่งเป็นรถนอน จากบัตเตอร์เวอร์ธไปยังสถานี KL Central = 46 ริงกิต + ค่าบริการผ่านอินเตอร์เน็ต 2 ริงกิต รวมเป็น 48 ริงกิต (439.97 บาท อ้างอิงจากรายการเรียกเก็บเงินบัตรเครดิต ณ เดือนกรกฎาคม 2558)
- ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตอนอยู่ในมาเลเซีย รวมทั้งค่าซิมการ์ด ของฝาก ฯลฯ = 192.15 ริงกิต (1729.35 บาท ค่าเงิน ณ ตอนนั้น 9 บาทต่อ 1 ริงกิต)
- ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน Malindo airline กัวลาลัมเปอร์ - ดอนเมือง = 575 บาท
รวมทั้งหมดก็ 3594.81 หรือประมาณ 3600 บาท ทั้งทริปนี้ และที่สำคัญ ฟรีค่าที่พักครับ เพราะพักอยู่บ้านเพื่อนที่เป็นชาวมาเลเซีย
เริ่มต้นการเดินทางกันได้เลยครับ
วันแรก ผมก็เดินทางมายังสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือที่ทุกคนชอบเรียกกันว่า สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อที่จะขึ้นรถไฟไปยังสถานีดอนเมือง เพื่อไปสนามบินดอนเมือง เพราะไฟท์บินผมออกตอน 07.45 ครับ
และก็ไปรับตั๋วรถไฟ ซึ่งเป็นขบวนรถไฟฟรีเพื่อประชาชน (ขบวนรถชานเมืองที่ 339 กรุงเทพ - ชุมทางแก่งคอย) เป็นรถให้บริการเชิงสังคม ซึ่งออกจากสถานีกรุงเทพตอน 05.20 น. และไปถึงสถานีดอนเมืองเวลา 05.52 น. ซึ่งมีเดินเฉพาะวันทำงานเท่านั้น วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขตฤกษ์ไม่มีเดินนะครับ
ขบวนรถลงเทียบชานชลาและรอเวลาออก
และเราก็ได้มาถึงสถานีดอนเมืองเป็นที่เรียบร้อย ช้ากว่ากำหนดในตั๋วอยู่ประมาณ 10 นาที ก็ถือว่าไม่เลวร้ายมากนัก
จากนั้นก็เดินเข้าสู่สนามบินดอนเมือง คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
เที่ยวบินที่ SL8530 พร้อมบินสู่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่แล้วครับ
เตรียม Take off
และก็ใช้เวลาบินอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็ถึงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย
และหลังจากนั้นผมก็เข้าเมืองด้วยรถสองแถวสีฟ้าที่จอดอยู่หลังสนามบินครับ ต้องขออภัยด้วย ไม่ได้ถ่ายภาพไว้ เนื่องจากสัมภาระเยอะมาก ถ่ายรูปไม่ถนัด และผมก็เดินเล่นอยู่ที่เมืองหาดใหญ่ประมาณ 2 ชั่วโมง และก็ได้เวลาไปขึ้นรถตู้ที่ท่ารถเปิดท้ายเพื่อไปยังปาดังเบซาร์
คนมารอเยอะเหมือนกัน
หลังจากนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที ก็ได้มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์เรียบร้อย
หลังจากที่ผมทำพิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ผมก็ได้มาถึงสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ซึ่งอยู่ในฝั่งของประเทศมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อย
ตอนนี้ก็ได้แต่รอเวลารถไฟครับ ซึ่งรถไฟจะออกจากที่นี่เวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของมาเลเซีย ซึ่งไวกว่าเรา 1 ชั่วโมง
ป้ายบอกเวลารถไฟเข้า-ออก
นี่คือตั๋วรถไฟของผมครับ จากปาดังเบซาร์ ไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ
ผู้โดยสารมารอรถไฟกันแล้ว
รถไฟถอยมาเข้าเทียบแล้ว อธิบายเพิ่มนิดนึงนะครับ รถไฟขบวนนี้เพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา จะเป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งด้วยความเร็ว 145 กม./ชม. บนราง 1 เมตร เท่ากับประเทศไทย ซึ่งวิ่งจากปาดังเบซาร์ไปยังกัวลาลัมเปอร์จะใช้เวลาแค่ 5 ชม. นิดๆ จากปกติ 14 ชม. ถือว่าไวขึ้นหลายเท่าตัวเลย
ภายในรถ
ป้ายบอกความเร็วรถในขณะที่วิ่ง
ระหว่างทาง
จอดรับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีอะราว
และก็มาถึงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธเรียบร้อย ซึ่งช้ากว่ากำหนดเวลาในตั๋วไป 16 นาที (ใครบอกว่ารถไฟไทยไม่ตรงเวลาอยู่ประเทศเดียว รถไฟมาเลเซียก็มีไม่ตรงเวลานะ)
และระหว่างรอเพื่อนของผมมารับ
หลังจากได้เจอกับเพื่อนผมแล้ว เขาก็ได้พาผมข้ามฝั่งไปยังเกาะปีนัง เพื่อไปเดินเล่นรอรถไฟเข้ากัวลาลัมเปอร์ตอน 22.05 น.
ระหว่างอยู่บนเรือข้ามฟาก
และเราก็ได้มาถึงฝั่งปีนังเรียบร้อย พวกเราก็ได้เดินเล่นอยู่แถวๆ สวนสาธารณะแถวๆ City hall และ Town hall ซึ่งมาครั้งนี้ ผมไม่ได้เน้นเดินเที่ยวปีนังเท่าไหร่ เพราะมีเวลาที่นี่น้อย แถม ผมก็มาเยือนแล้วเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา จากกระทู้นี้ครับ
http://ppantip.com/topic/33677835
วันนั้นมีทรานฟอร์เมอร์มาจัดแสดงที่นั่นด้วย เลยได้ถ่ายรูปมากกว่าเดิมเป็นพิเศษเลยครับ อิอิ
และหลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นริมทะเลกัน
พอเดินเล่นกันจนเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลารับประทานอาหารเย็นครับ เพื่อนของผมก็ได้พาผมมารับประทานอาหารที่เรียกว่า "Pasembur" เป็นอาหารพื้นเมืองของมาเลเซีย
รูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้
บรรยากาศร้านอาหารที่นี่
ต้องขอขอบคุณเพื่อนของผมมากนะครับ ที่ทำให้ผมอิ่มโดยไม่เสียเงินสักริงกิตเลย อิอิ และหลังจากนั้น ผมก็มาเดินย่อยอีกนิดหน่อย ก่อนจะกลับสู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ เพื่อไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธอีกครั้ง
และก็ได้เวลากลับไปยังสถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธแล้วครับ ซึ่งเพื่อนผมได้พาขับรถผ่านสะพานรถยนต์ข้ามระหว่างเกาะปีนังกับแผ่นดินใหญ่ด้วย ซึ่งเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประมาณ 15 กม.)
มาถีงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธเป็นที่เรียบร้อย
และหลังจากนั้น ผมก็ได้แยกย้ายกับเพื่อนของผมเรียบร้อย เดี๋ยวไว้เฉลยตอนท้ายละกัน ว่าเขาเป็นใคร อิอิ และตอนนี้ ขบวนรถด่วนลังกาวีขบวนที่ 21 จากสถานีชุมทางหาดใหญ่ ปลายทางสถานีกลางกัวลาลัมเปอร์ (KL Central) ได้มาถึงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธเป็นที่เรียบร้อย
ภายในรถเป็นแบบนี้
เตียงบน
เตียงล่าง ซึ่งผมจองที่นี้ไว้
สรุปข้อดีข้อเสียระหว่างรถนอนมาเลเซีย กับรถนอนของไทยนะครับ (อันนี้ความคิดส่วนตัว) รถนอนมาเลย์ดีกว่ารถไทยตรงที่เตียงบนมีหน้าต่างด้วยครับ ไม่อุดอู้เหมือนรถนอนเตียงบนของไทย แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน นั่นก็คือผ้าห่มที่ให้บริการนั้น บางมากถึงมากที่สุด ถ้าเจอรถคันที่แอร์เย็นนี่ อาจจะมีหนาวสั่นจนนอนไม่หลับได้นะครับ แต่โชคดีตอนนั้นผมไป รถแอร์เย็นพอดีๆ
หลังจากที่รถออกจากสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ผมก็นอนหลับเอาแรง เพราะต้องรีบตื่นแต่เช้ามาก ตามเวลารถจะถึงสถานี KL Central ตอน 06.15 น. (เช้ามาก ยังไม่สว่างเลยนะเนี่ย) และเดี๋ยวผมจะมารีวิวต่อในอีก 3 วันที่เหลือนะครับ
[CR] เที่ยวมาเลเซีย 3 เมือง (ปีนัง - กัวลาลัมเปอร์ - ปุตราจายา) ด้วยเงิน 3600 บาทไทย 4 วัน 3 คืน
- ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน Thai Lion Air ดอนเมือง - หาดใหญ่ = 395 บาท
- ค่ารถสองแถวเข้าเมืองหาดใหญ่ = 30 บาท
- ค่ารถจักรยานยนต์รับจ้างไปขนส่งตลาดเปิดท้าย = 40 บาท
- ค่ารถตู้จากหาดใหญ่ไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์ = 50 บาท
- ค่ารถจักรยานยนต์รับจ้างเข้าไปส่งถึง ตม. ฝั่งมาเลเซีย = 50 บาท
- ค่ารถไฟด่วน ETS จากปาดังเบซาร์ไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ = 29 ริงกิต + ค่าบริการผ่านอินเตอร์เน็ต 2 ริงกิต รวมเป็น 31 ริงกิต (285.49 บาท อ้างอิงจากรายการเรียกเก็บเงินบัตรเครดิต ณ เดือนกรกฎาคม 2558)
- ค่ารถไฟซึ่งเป็นรถนอน จากบัตเตอร์เวอร์ธไปยังสถานี KL Central = 46 ริงกิต + ค่าบริการผ่านอินเตอร์เน็ต 2 ริงกิต รวมเป็น 48 ริงกิต (439.97 บาท อ้างอิงจากรายการเรียกเก็บเงินบัตรเครดิต ณ เดือนกรกฎาคม 2558)
- ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตอนอยู่ในมาเลเซีย รวมทั้งค่าซิมการ์ด ของฝาก ฯลฯ = 192.15 ริงกิต (1729.35 บาท ค่าเงิน ณ ตอนนั้น 9 บาทต่อ 1 ริงกิต)
- ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน Malindo airline กัวลาลัมเปอร์ - ดอนเมือง = 575 บาท
รวมทั้งหมดก็ 3594.81 หรือประมาณ 3600 บาท ทั้งทริปนี้ และที่สำคัญ ฟรีค่าที่พักครับ เพราะพักอยู่บ้านเพื่อนที่เป็นชาวมาเลเซีย
เริ่มต้นการเดินทางกันได้เลยครับ
วันแรก ผมก็เดินทางมายังสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือที่ทุกคนชอบเรียกกันว่า สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อที่จะขึ้นรถไฟไปยังสถานีดอนเมือง เพื่อไปสนามบินดอนเมือง เพราะไฟท์บินผมออกตอน 07.45 ครับ
และก็ไปรับตั๋วรถไฟ ซึ่งเป็นขบวนรถไฟฟรีเพื่อประชาชน (ขบวนรถชานเมืองที่ 339 กรุงเทพ - ชุมทางแก่งคอย) เป็นรถให้บริการเชิงสังคม ซึ่งออกจากสถานีกรุงเทพตอน 05.20 น. และไปถึงสถานีดอนเมืองเวลา 05.52 น. ซึ่งมีเดินเฉพาะวันทำงานเท่านั้น วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขตฤกษ์ไม่มีเดินนะครับ
ขบวนรถลงเทียบชานชลาและรอเวลาออก
และเราก็ได้มาถึงสถานีดอนเมืองเป็นที่เรียบร้อย ช้ากว่ากำหนดในตั๋วอยู่ประมาณ 10 นาที ก็ถือว่าไม่เลวร้ายมากนัก
จากนั้นก็เดินเข้าสู่สนามบินดอนเมือง คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
เที่ยวบินที่ SL8530 พร้อมบินสู่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่แล้วครับ
เตรียม Take off
และก็ใช้เวลาบินอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็ถึงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย
และหลังจากนั้นผมก็เข้าเมืองด้วยรถสองแถวสีฟ้าที่จอดอยู่หลังสนามบินครับ ต้องขออภัยด้วย ไม่ได้ถ่ายภาพไว้ เนื่องจากสัมภาระเยอะมาก ถ่ายรูปไม่ถนัด และผมก็เดินเล่นอยู่ที่เมืองหาดใหญ่ประมาณ 2 ชั่วโมง และก็ได้เวลาไปขึ้นรถตู้ที่ท่ารถเปิดท้ายเพื่อไปยังปาดังเบซาร์
คนมารอเยอะเหมือนกัน
หลังจากนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที ก็ได้มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองปาดังเบซาร์เรียบร้อย
หลังจากที่ผมทำพิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ผมก็ได้มาถึงสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ ซึ่งอยู่ในฝั่งของประเทศมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อย
ตอนนี้ก็ได้แต่รอเวลารถไฟครับ ซึ่งรถไฟจะออกจากที่นี่เวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของมาเลเซีย ซึ่งไวกว่าเรา 1 ชั่วโมง
ป้ายบอกเวลารถไฟเข้า-ออก
นี่คือตั๋วรถไฟของผมครับ จากปาดังเบซาร์ ไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ
ผู้โดยสารมารอรถไฟกันแล้ว
รถไฟถอยมาเข้าเทียบแล้ว อธิบายเพิ่มนิดนึงนะครับ รถไฟขบวนนี้เพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา จะเป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งด้วยความเร็ว 145 กม./ชม. บนราง 1 เมตร เท่ากับประเทศไทย ซึ่งวิ่งจากปาดังเบซาร์ไปยังกัวลาลัมเปอร์จะใช้เวลาแค่ 5 ชม. นิดๆ จากปกติ 14 ชม. ถือว่าไวขึ้นหลายเท่าตัวเลย
ภายในรถ
ป้ายบอกความเร็วรถในขณะที่วิ่ง
ระหว่างทาง
จอดรับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีอะราว
และก็มาถึงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธเรียบร้อย ซึ่งช้ากว่ากำหนดเวลาในตั๋วไป 16 นาที (ใครบอกว่ารถไฟไทยไม่ตรงเวลาอยู่ประเทศเดียว รถไฟมาเลเซียก็มีไม่ตรงเวลานะ)
และระหว่างรอเพื่อนของผมมารับ
หลังจากได้เจอกับเพื่อนผมแล้ว เขาก็ได้พาผมข้ามฝั่งไปยังเกาะปีนัง เพื่อไปเดินเล่นรอรถไฟเข้ากัวลาลัมเปอร์ตอน 22.05 น.
ระหว่างอยู่บนเรือข้ามฟาก
และเราก็ได้มาถึงฝั่งปีนังเรียบร้อย พวกเราก็ได้เดินเล่นอยู่แถวๆ สวนสาธารณะแถวๆ City hall และ Town hall ซึ่งมาครั้งนี้ ผมไม่ได้เน้นเดินเที่ยวปีนังเท่าไหร่ เพราะมีเวลาที่นี่น้อย แถม ผมก็มาเยือนแล้วเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา จากกระทู้นี้ครับ http://ppantip.com/topic/33677835
วันนั้นมีทรานฟอร์เมอร์มาจัดแสดงที่นั่นด้วย เลยได้ถ่ายรูปมากกว่าเดิมเป็นพิเศษเลยครับ อิอิ
และหลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นริมทะเลกัน
พอเดินเล่นกันจนเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลารับประทานอาหารเย็นครับ เพื่อนของผมก็ได้พาผมมารับประทานอาหารที่เรียกว่า "Pasembur" เป็นอาหารพื้นเมืองของมาเลเซีย
รูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้
บรรยากาศร้านอาหารที่นี่
ต้องขอขอบคุณเพื่อนของผมมากนะครับ ที่ทำให้ผมอิ่มโดยไม่เสียเงินสักริงกิตเลย อิอิ และหลังจากนั้น ผมก็มาเดินย่อยอีกนิดหน่อย ก่อนจะกลับสู่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ เพื่อไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธอีกครั้ง
และก็ได้เวลากลับไปยังสถานีรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธแล้วครับ ซึ่งเพื่อนผมได้พาขับรถผ่านสะพานรถยนต์ข้ามระหว่างเกาะปีนังกับแผ่นดินใหญ่ด้วย ซึ่งเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประมาณ 15 กม.)
มาถีงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธเป็นที่เรียบร้อย
และหลังจากนั้น ผมก็ได้แยกย้ายกับเพื่อนของผมเรียบร้อย เดี๋ยวไว้เฉลยตอนท้ายละกัน ว่าเขาเป็นใคร อิอิ และตอนนี้ ขบวนรถด่วนลังกาวีขบวนที่ 21 จากสถานีชุมทางหาดใหญ่ ปลายทางสถานีกลางกัวลาลัมเปอร์ (KL Central) ได้มาถึงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธเป็นที่เรียบร้อย
ภายในรถเป็นแบบนี้
เตียงบน
เตียงล่าง ซึ่งผมจองที่นี้ไว้
สรุปข้อดีข้อเสียระหว่างรถนอนมาเลเซีย กับรถนอนของไทยนะครับ (อันนี้ความคิดส่วนตัว) รถนอนมาเลย์ดีกว่ารถไทยตรงที่เตียงบนมีหน้าต่างด้วยครับ ไม่อุดอู้เหมือนรถนอนเตียงบนของไทย แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน นั่นก็คือผ้าห่มที่ให้บริการนั้น บางมากถึงมากที่สุด ถ้าเจอรถคันที่แอร์เย็นนี่ อาจจะมีหนาวสั่นจนนอนไม่หลับได้นะครับ แต่โชคดีตอนนั้นผมไป รถแอร์เย็นพอดีๆ
หลังจากที่รถออกจากสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ผมก็นอนหลับเอาแรง เพราะต้องรีบตื่นแต่เช้ามาก ตามเวลารถจะถึงสถานี KL Central ตอน 06.15 น. (เช้ามาก ยังไม่สว่างเลยนะเนี่ย) และเดี๋ยวผมจะมารีวิวต่อในอีก 3 วันที่เหลือนะครับ