"คนที่แบกเป้ ขึ้นรถไฟฟรี เที่ยวคนเดียว ส่วนมากเพิ่งจะโดนหักอกมาจริงมั้ย"
"คนอกหัก" เค้าไปไหนกัน
ข้อความในอินบล็อคเฟสบุ๊คดัง กับคำถามพวกนี้
ก็ได้!! ที่จริงก็ผ่านช่วงเวลาการอกหักไปนานแล้วแหละ
แต่ไม่มีช่วงเวลาที่จะไปใช้อารมณ์เหงา กับสถานที่เหงาๆ ซักที
ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองเปิดประเด็นกะเพื่อนสาว "มืงๆ แบกเป้ไปทะเลกันม่ะ"
ไม่ต้องถึงกับบริ้วมากมาย นางตอบกลับมา "เออ..เอาดิ" เออแฮ๊ะ ใจง่ายจริง
อาทิตย์เดียวกับการศึกษาหาเส้นทางการแบกเป้ไปทะเลในราคาประหยัด
ไม่ใช่ไม่มีงบ แต่มันสนุกตรงตั้งกฎเกณฑ์กดดันตัวเองอะไรแบบนี้
แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่าเดิม คืออาทิตย์หนึ่งก่อนการเดินทาง เราแทบไม่มีการวางแผนอะไรกันเลย
มีเพียงแค่กระทู้พันทิปที่เซฟไว้ว่าที่พักไหนถูกและดี วิวมุมไหนใช้ได้ แค่นั้นล่ะ
ปิดสมุด โยนบัตรพนักงาน ยัดเสื้อใส่กระเป๋าไปสองตัว กะกล้องที่เพิ่งจะถอยมาสดๆ ร้อนๆ
และข้อความอินบ็อคหาเพื่อนสาว
"เจอกัน 23.30" ลุย!!!
เริ่มต้นการเดินทางที่ สถานีรถไฟนครราชสีมา
ดูตารางแล้ว รถไฟขบวน อุบลราชธานี - กรุงเทพมหานคร จอดนครราชสีมา 00.51 น.
จากที่ดูในเวปของการรถไฟ บอกว่าค่าโดยสาร 50 บาท เอาละ ไปซื้อตั๋วก่อน
ในตอนแรกคุยๆ กันวางโปรเจคไว้ว่าเราจะไปโดยตั๋วฟรี
แต่จากการกะเวลาการเดินทาง รอบรถไฟเที่ยวนี้ต้องมีค่าใช้จ่าย ไงก็ได้
แต่พอไปซื้อจริงๆ นายสถานีถามว่า "ไปเลยมั้ย 200"
แม่เจ้า!! มันเกินที่กำหนดไว้มากไปป่าววะ
"หรือจะรอ 100" ฮร๊ะ!!! มันก็คนละราคากะในเวปป่าววะ
ไงละ ก็ต้องไป แต่ไปเที่ยว 100 นึงนะ ฮร่าๆ
ได้ตั๋วมาแล้ว ก็ไปยืนรอโบกมือหยอยๆ ฮร่าๆ
เชิญชานชาลาที่ 2 เลยคะ "หนูๆ นั่งโบกี้ไหนละ"
น่าน..ดีนะมีคุณป้าใจดีมาถาม ไม่งั้นคงหน้าแตกขึ้นไปนั่งที่ผิดแบบเงอะๆ งะๆ
มาแล้ว!!! ปู๊นๆ ออกจากสถานีนครราชสีมา 00.51 มุ่งหน้าสู่ กรุงเทพมหานคร 07.30 น.
เที่ยวนี้แหละที่เล็งไว้ มันผิดคาดแค่ตรงราคา เอาน่า!!!
"ตุ๊ง ตุง ที่นี่สถานีนครราชสีมา รถไฟที่จอดเทียบท่าที่ชานชาลาที่ 2
เป็นขบวนรถเร็วมุ่งหน้าสู่ กรุงเทพมหานคร....."
นั่งไหนดีฟร๊ะ ตื่นตาตื่นใจม๊วากก กะการนั่งรถไฟในเพลาค่ำคืน
ดูจากตั๋วรถไฟ ที่นั่งอยู่ขบวนสุดท้าย จับจองที่นั่ง จัดแจงท่าทางพร้อม "นอน"
"กาแฟเย็น ชาเย็น ชาเขียว นมเย็น ม้ายยย 10 บาท"
หันควับอย่างรวดเร็ว ไหนๆ 10 บาท กินกาแฟตอนตี 1
แต่ก็ซื้อ เพราะตื่นตาตื่นใจกับของราคาถูก บนรถไฟ
บรรยากาศบนรถไฟยามค่ำคืน ผู้คนบางส่วนใหญ่หลับไหล
แต่ก็มีบางส่วนที่นั่งกินลม ชมวิวอันมืดมิดข้างทาง
เฉกเช่นดิฉัน ที่ตื่นเต้นจนตาค้าง นอนไม่หลับ รถไฟมุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร
"มืงๆ มืงไหวป่ะ" ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสาวว่าจะไม่ถึกและบึกบึนเท่ากับความตั้งใจของตัวเอง
แต่มาขนาดนี้ละ มืงเชื่อกรูเถอะ มันเป็นความทรงจำที่ดี
ถ้ามืงมองย้อนกลับมา "มืงหายเหนื่อยแน่ๆ" กรูรับรอง
เมื่อเข้าเขตกรุงเทพมหานคร ช่างเป็นความแปลกใจอย่างล้นเหลือ
เพราะตอนอยู่ที่นครราชสีมา มีแต่รถยนต์ที่ต้องจอดรอเพื่อให้รถไฟผ่าน
แต่เมื่อเข้าเขตกรุงเทพมหานคร ความแตกต่างมันต่างกันตรงที่
รถไฟต้องหยุดจอดเพื่อให้รถยนต์ผ่านไปก่อน
ระยะเวลาระหว่างเริ่มต้นเข้ากรุงเทพมหานคร ตีไปเลย 1 ชั่วโมง
กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง สถานีกรุงเทพมหานคร
ลงจากรถไฟปั๊ป ถึงกับ งง ว่าต้องเดินไปทางไหน
มองซ้ายมองขวา ทำตัวเป็นปลา ว่ายตามฝูงไป ชาวบ้านเดินไปทางไหนก็เดินตามไปทางนั้นแล
"เฮ้ย!! ถึงสถานีกรุงเทพมหานคร (หัวลำโพง) แล้วเหรอวะ
ไม่เห็นเหมือนในทีวีเลยแก ที่มันเป็นหลังคาอ่ะ" หันไปถามเพื่อนสาว
แต่ก็เออลืมไปแฮะ ที่นั่งเรามันท้ายขบวนนี่หว่า
เท้าซ้ายเหยียบลงพื้นแผ่นดินที่เรียกว่า หัวลำโพง มาครึ่งทางแล้ว ยิ่งตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก
เมื่อข้างหน้าระหว่างทางเดิน คือภาพหัวลำโพงที่เคยเห็นในทีวี
แกเอ้ย จะว่าบ้านนอกก็ยอมรับ มันอลังการเว่อวังมากกก
และก็อย่าได้อายความไม่เคยประสบพบเจอในสิ่งใหม่ๆ ถ่ายรูปสิ!!!
ฮร่าๆ ก็ตื่นเต้นจริงๆ หนิ แต่ต้องหยุดความตื่นเต้นไว้ก่อน
เพราะต้องไปจับจองตั๋วฟรี เพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมาย "หัวหิน" รถออก 09.20 น.
เอิ่ม...แต่ตอนนี้มัน 08.30 น. เพื่อนสาวผู้หิวโหยโอดครวญในความอยากอาหารเช้าอย่างรุนแรง
ปะ..ไปหาอะไรกินกัน มุ่งหน้าสู่ประตูด้านหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง
เฮ้ย...แก!!! นีมันเหมือนในทีวีอีกแล้ว
ระหว่างนั่งรอมื้อเช้า ที่ยืนเง้อๆ งังๆ นานสองนานว่าจะกินอะไรดี
ตามโปรเจคที่ตั้งไว้คือกินอะไรง่ายๆ เน้นประหยัด
ข้างทางใครว่าอาหารไม่อร่อย ในเมืองไทยบ้านเรา อาหารข้างทางนี่ละ เด็ดสุดละ
"เกาเหลาเลือดหมู กะข้าวเปล่า" นี่ละ...อิ่ม...
แต่ด้วยความติดกาแฟอย่างหนักหน่วง ยังมิวายเดินหาร้านกาแฟสด
แต่ก็โชคดีไป เพราะมันเช้าเกินกว่าที่ร้านกาแฟสดจะเปิด รอดตัว...
ก้มหน้ามองดูนาฬิกา เฮ้ยแกร 09.00 ละ
ปะ ไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันรถไฟ ไหนจะลีลาเข้าห้องน้ำนู่นนี่
ตะลึงอ่ะแกร...ห้องน้ำสถานีรถไฟกรุงเทพมหานคร
จ่ายตังค์ 3 บาท ได้ตั๋วเข้าห้องน้ำด้วย ตะลึงไปหมดสิน๊ะ
3 บาท กับกระดาษ มันเปลืองมั้ยฮึ แค่คิดเล่นๆ
เพราะตอนเดินออกมาจากห้องน้ำ มีถังขยะไว้สำหรับทิ้ง มองลงไปก็มีแต่ตั๋วเข้าห้องน้ำนี่ละ
และก็ลองคิดเล่นๆ คนหนึ่งคนใช้เวลาในการเข้าห้องน้ำไม่ถึง 5 นาที กับกระดาษ 2 แผ่น ที่ต้องทิ้ง
แต่ก็จะมีสักกี่คน ที่ได้มาแล้วเก็บเป็นที่ระลึกแบบเรา ฮร่าๆ
ขึ้นรถไฟตรงไหนอ่าาา
ไม่ต้องกลัวจะหลง เดินเข้าไปปั๊ป มีป้ายบอกอย่างเด่นชัด
ยืนรอสวยๆ เลยจร้าา "รัฐช่วยคนไทย นั่งรถไฟฟรี"
ปู๊นๆๆ เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย....
มาแล้ว..ตื่นเต้นๆ กระโดดขึ้นรถไฟ จับจองมองหน้าที่นั่ง
รถไฟสายนี้สะอาดผิดคลาดแฮ๊ะ ฮร่าๆ นั่งเล่น ถ่ายรูปไปถ่ายรูปมา
ไม่ถึง 5 นาที รถออก มุ่งหน้าสู่ "หัวหิน"
รีวิวที่อ่านๆ มา ไม่ว่าจะกี่รีวิว ก็พูดถึงเมนูนี้บนรถไฟสายนี้ "ก๋วยเตี๋ยวแห้ง"
แต่ไม่ใช่ว่าขึ้นมาแล้วเจอเลยนะ นั่งไปประมาณครึ่งทางถึงจะมีคุณพี่พ่อค้า ถือตะกร้าและพูดรัวๆ เร็วๆ
แต่จับใจความได้ "เตี๋ยวแห้ง 10 บาท" จัดสิ เดี๋ยวเหมือนมาไม่ถึง
แก....เปิดมา มันเหมือนในรีวิวที่คนอื่นๆ รีวิวเลย หน้าตาดูธรรมดา
แต่ตอนนั้นด้วยความอิ่มอยู่เลยยังไม่ได้กิน และก็กลายเป็นว่าอดกินไปในที่สุด
เพราะเพื่อนสาวกลับซัดเรียบ และพูดออกมาว่า
"มืงรสชาติคุ้มเกินราคา" แต่เพื่อนคะ กรูไม่ได้กินป่าววะ มืงซัดเรียบเลยอ่ะ
เพื่อเป็นการชดใช้กับค่าก๋วยเตี๋ยวกรู ถ่ายรูปให้กรูโหน่ย...
ระหว่างนั่งรอขบวนรถไฟสวนทาง ร้อนมั้ย ก็ร้อนนะ มันได้ฟิลตรงนี้ละ
นั่งรอรถสวนประมาณ 5 นาที รถไฟก็เคลื่อนตัวมุ่งหน้าต่อไปยังสถานีต่อไป
เฮ้ย!!! สถานีเขาทโมน...
ช่างเป็นสถานีที่ตะลึงมาก "ลิงครอง" นี่มันเมืองของลิงชัดๆ ลิงเต็มสถานีเลย
นั่งมองรถไฟวิ่งผ่านชิวๆ บางตัวเดินมามอง แต่ที่น่าตะลึงหนักกว่าเดิม คือจะมีบ้านไม้ข้างสถานี
แวบแรก อ่อ บ้านพักนายสถานีมั้ง แต่มองดีๆ ทั้งหลัง นั่นมันโคตรตระกูลลิงเลยเว้ย....
15.30 น. ถึงแว้ว สถานีรถไฟหัวหิน
รถไฟไทย หวานเย็น หวานเจี๊ยบ แต่ไม่เป็นไร
ความประทับใจแรกเมื่อเห็นสถานีรถไฟหัวหิน คือมันสวยจริงๆ แก สวยจนลืมถ่าย
เป้าหมายต่อไป คือ ที่พัก ในตอนแรกดูจากรีวิวคือจะพักที่ฟูเลย์เกสต์เฮาส์ ด้วยจากรีวิวที่อ่านๆ มา
และโทรมาถามก่อนเดินทางมา ว่ามีห้องพักว่าง
เริ่มต้นค้นหาพิกัด โดยการเดินออกมาหน้าสถานีรถไฟหัวหิน ความประทับใจต่อมาคือ
คุณลุงคุณพี่มอเตอร์ไซรับจ้างหน้าสถานี "ถามทางได้น๊าา"
เฮ้ยแก ที่อื่นมีแต่คำนี้นะ "ไปป่าว ไปป่าว" แต่ที่นี่ แค่ถามทางเฉยๆ ก็ได้ "พี่..หนูจะไปฟูเลย์เกสต์เฮาส์ยังไงอ่ะคะ"
คำตอบคือ เดินตรงไปข้ามแยกไฟแดงถึงทางเข้าโรงแรมฮิลตัน
เลี้ยวซ้ายเดินไปสุดทางเลี้ยวซ้ายอีกที สิ้นสุดการสนทนา เดินสิคร๊ะ
เดินๆ ตามหลังคู่รัก น่ารักมุ้งมิ้ง สองคู่ เดินกระหนุงกระหนิง สองชะนีที่เพิ่งอกหัก กัดฟันเดินตามไม่ไหว
เปิดไฟเลี้ยวแซงหน้าอย่างเร็วไว ฮร่าๆ เจอแว้ว..พิกัดแรก โรงแรมฮิลตันเลี้ยวซ้าย
เดินผ่านหน้าโรงแรมฮิลตันถึงกับมองหน้ากันกับเพื่อนสาว "มืงๆ เปลี่ยนแผน นอนที่นี่ม่ะ" ฮร่าๆ
แต่ด้วยความที่คบกันมานาน จึงรู้กันทันทีว่า "กำลังมโน"
เดินผ่านไปเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายอีกที จะเป็นซอยยาว สองข้างทางมีทั้งร้านอาหาร และเกสต์เฮาส์เรียงราย
ป้ายเกสต์เฮาส์แต่ละที่จะเป็นป้ายเล็กๆ แต่จะมีคุณป้าเจ้าของที่พักมาคอยยืนตะโกน ว่าเกสต์เฮาส์มั้ย
เราจะรู้ได้ว่าตรงไหนเกสต์เฮาส์ก็จากเสียงคุณป้านี่ละ
ที่บอกไปในตอนแรกว่าเล็งๆ ฟูเลย์เกสต์เฮาส์ไว้ แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผน
เพราะเมื่อเข้าไปถามรีเซปชั่นคำตอบที่ได้คือ มีราคา 1,500 กะ 2,500...
เฮ้ย..อ่านรีวิวมันคืนละ 450 หนิ ไหง๋มันพุ่งกระฉูดขนาดนี้
เป้าหมายเปลี่ยน อีกที่ที่เล็งไว้จากที่อ่านอีกรีวิวคือ กรุณฮัท เกสต์เฮาส์
ในตอนแรกก็โทรเข้ามาถามเหมือนกัน แต่พี่เค้าบอกว่าเสาร์-อาทิตย์นี้เต็ม
เสี่ยงดวงอีกทีเข้าไปถาม แทบกรี๊ด คืนละ 390 บาท ห้องพัดลม เตียงเดี่ยว
ตกลงคะ ที่นี่ละ เปิดประตูเข้าไปในห้อง เฮ้ย...390 บาท ห้องมันดูดีขนาดนี้เลยเหรอวะ
แล้วที่สำคัญคือ ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องพัดลม มันไม่ได้ร้อนอะไรเลย
จัดการรื้อของในกระเป๋า เปลี่ยนแบตกล้อง
(ไม่ได้ถ่ายรูปภายในห้องเนื่องจากตื่นเต้นกะการต้องไปเจอวิวที่ได้อ่านเจอในรีวิว
เลยลืมทุกสิ่งอย่างตั้งแต่หน้าเกสต์เฮาส์ ยันภายในห้อง)
[CR] [Review] :: หนีออกจากบ้าน : หนีอารมณ์เบื่อ ไปสูดกลิ่นเกลือที่หัวหิน 2 วัน 1 คืน กับงบ 500 บาทกว่าๆ
"คนอกหัก" เค้าไปไหนกัน
ก็ได้!! ที่จริงก็ผ่านช่วงเวลาการอกหักไปนานแล้วแหละ
แต่ไม่มีช่วงเวลาที่จะไปใช้อารมณ์เหงา กับสถานที่เหงาๆ ซักที
ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองเปิดประเด็นกะเพื่อนสาว "มืงๆ แบกเป้ไปทะเลกันม่ะ"
ไม่ต้องถึงกับบริ้วมากมาย นางตอบกลับมา "เออ..เอาดิ" เออแฮ๊ะ ใจง่ายจริง
อาทิตย์เดียวกับการศึกษาหาเส้นทางการแบกเป้ไปทะเลในราคาประหยัด
ไม่ใช่ไม่มีงบ แต่มันสนุกตรงตั้งกฎเกณฑ์กดดันตัวเองอะไรแบบนี้
แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่าเดิม คืออาทิตย์หนึ่งก่อนการเดินทาง เราแทบไม่มีการวางแผนอะไรกันเลย
มีเพียงแค่กระทู้พันทิปที่เซฟไว้ว่าที่พักไหนถูกและดี วิวมุมไหนใช้ได้ แค่นั้นล่ะ
ปิดสมุด โยนบัตรพนักงาน ยัดเสื้อใส่กระเป๋าไปสองตัว กะกล้องที่เพิ่งจะถอยมาสดๆ ร้อนๆ
และข้อความอินบ็อคหาเพื่อนสาว
"เจอกัน 23.30" ลุย!!!
ดูตารางแล้ว รถไฟขบวน อุบลราชธานี - กรุงเทพมหานคร จอดนครราชสีมา 00.51 น.
จากที่ดูในเวปของการรถไฟ บอกว่าค่าโดยสาร 50 บาท เอาละ ไปซื้อตั๋วก่อน
ในตอนแรกคุยๆ กันวางโปรเจคไว้ว่าเราจะไปโดยตั๋วฟรี
แต่จากการกะเวลาการเดินทาง รอบรถไฟเที่ยวนี้ต้องมีค่าใช้จ่าย ไงก็ได้
แต่พอไปซื้อจริงๆ นายสถานีถามว่า "ไปเลยมั้ย 200"
แม่เจ้า!! มันเกินที่กำหนดไว้มากไปป่าววะ
"หรือจะรอ 100" ฮร๊ะ!!! มันก็คนละราคากะในเวปป่าววะ
ไงละ ก็ต้องไป แต่ไปเที่ยว 100 นึงนะ ฮร่าๆ
เชิญชานชาลาที่ 2 เลยคะ "หนูๆ นั่งโบกี้ไหนละ"
น่าน..ดีนะมีคุณป้าใจดีมาถาม ไม่งั้นคงหน้าแตกขึ้นไปนั่งที่ผิดแบบเงอะๆ งะๆ
เที่ยวนี้แหละที่เล็งไว้ มันผิดคาดแค่ตรงราคา เอาน่า!!!
"ตุ๊ง ตุง ที่นี่สถานีนครราชสีมา รถไฟที่จอดเทียบท่าที่ชานชาลาที่ 2
เป็นขบวนรถเร็วมุ่งหน้าสู่ กรุงเทพมหานคร....."
ดูจากตั๋วรถไฟ ที่นั่งอยู่ขบวนสุดท้าย จับจองที่นั่ง จัดแจงท่าทางพร้อม "นอน"
หันควับอย่างรวดเร็ว ไหนๆ 10 บาท กินกาแฟตอนตี 1
แต่ก็ซื้อ เพราะตื่นตาตื่นใจกับของราคาถูก บนรถไฟ
แต่ก็มีบางส่วนที่นั่งกินลม ชมวิวอันมืดมิดข้างทาง
เฉกเช่นดิฉัน ที่ตื่นเต้นจนตาค้าง นอนไม่หลับ รถไฟมุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร
"มืงๆ มืงไหวป่ะ" ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสาวว่าจะไม่ถึกและบึกบึนเท่ากับความตั้งใจของตัวเอง
แต่มาขนาดนี้ละ มืงเชื่อกรูเถอะ มันเป็นความทรงจำที่ดี
ถ้ามืงมองย้อนกลับมา "มืงหายเหนื่อยแน่ๆ" กรูรับรอง
เมื่อเข้าเขตกรุงเทพมหานคร ช่างเป็นความแปลกใจอย่างล้นเหลือ
เพราะตอนอยู่ที่นครราชสีมา มีแต่รถยนต์ที่ต้องจอดรอเพื่อให้รถไฟผ่าน
แต่เมื่อเข้าเขตกรุงเทพมหานคร ความแตกต่างมันต่างกันตรงที่
รถไฟต้องหยุดจอดเพื่อให้รถยนต์ผ่านไปก่อน
ระยะเวลาระหว่างเริ่มต้นเข้ากรุงเทพมหานคร ตีไปเลย 1 ชั่วโมง
กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง สถานีกรุงเทพมหานคร
มองซ้ายมองขวา ทำตัวเป็นปลา ว่ายตามฝูงไป ชาวบ้านเดินไปทางไหนก็เดินตามไปทางนั้นแล
"เฮ้ย!! ถึงสถานีกรุงเทพมหานคร (หัวลำโพง) แล้วเหรอวะ
ไม่เห็นเหมือนในทีวีเลยแก ที่มันเป็นหลังคาอ่ะ" หันไปถามเพื่อนสาว
แต่ก็เออลืมไปแฮะ ที่นั่งเรามันท้ายขบวนนี่หว่า
เท้าซ้ายเหยียบลงพื้นแผ่นดินที่เรียกว่า หัวลำโพง มาครึ่งทางแล้ว ยิ่งตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก
เมื่อข้างหน้าระหว่างทางเดิน คือภาพหัวลำโพงที่เคยเห็นในทีวี
แกเอ้ย จะว่าบ้านนอกก็ยอมรับ มันอลังการเว่อวังมากกก
และก็อย่าได้อายความไม่เคยประสบพบเจอในสิ่งใหม่ๆ ถ่ายรูปสิ!!!
เพราะต้องไปจับจองตั๋วฟรี เพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมาย "หัวหิน" รถออก 09.20 น.
ปะ..ไปหาอะไรกินกัน มุ่งหน้าสู่ประตูด้านหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง
เฮ้ย...แก!!! นีมันเหมือนในทีวีอีกแล้ว
ตามโปรเจคที่ตั้งไว้คือกินอะไรง่ายๆ เน้นประหยัด
ข้างทางใครว่าอาหารไม่อร่อย ในเมืองไทยบ้านเรา อาหารข้างทางนี่ละ เด็ดสุดละ
"เกาเหลาเลือดหมู กะข้าวเปล่า" นี่ละ...อิ่ม...
แต่ก็โชคดีไป เพราะมันเช้าเกินกว่าที่ร้านกาแฟสดจะเปิด รอดตัว...
ก้มหน้ามองดูนาฬิกา เฮ้ยแกร 09.00 ละ
ปะ ไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันรถไฟ ไหนจะลีลาเข้าห้องน้ำนู่นนี่
ตะลึงอ่ะแกร...ห้องน้ำสถานีรถไฟกรุงเทพมหานคร
จ่ายตังค์ 3 บาท ได้ตั๋วเข้าห้องน้ำด้วย ตะลึงไปหมดสิน๊ะ
เพราะตอนเดินออกมาจากห้องน้ำ มีถังขยะไว้สำหรับทิ้ง มองลงไปก็มีแต่ตั๋วเข้าห้องน้ำนี่ละ
และก็ลองคิดเล่นๆ คนหนึ่งคนใช้เวลาในการเข้าห้องน้ำไม่ถึง 5 นาที กับกระดาษ 2 แผ่น ที่ต้องทิ้ง
แต่ก็จะมีสักกี่คน ที่ได้มาแล้วเก็บเป็นที่ระลึกแบบเรา ฮร่าๆ
ขึ้นรถไฟตรงไหนอ่าาา
ยืนรอสวยๆ เลยจร้าา "รัฐช่วยคนไทย นั่งรถไฟฟรี"
มาแล้ว..ตื่นเต้นๆ กระโดดขึ้นรถไฟ จับจองมองหน้าที่นั่ง
รถไฟสายนี้สะอาดผิดคลาดแฮ๊ะ ฮร่าๆ นั่งเล่น ถ่ายรูปไปถ่ายรูปมา
ไม่ถึง 5 นาที รถออก มุ่งหน้าสู่ "หัวหิน"
แต่ไม่ใช่ว่าขึ้นมาแล้วเจอเลยนะ นั่งไปประมาณครึ่งทางถึงจะมีคุณพี่พ่อค้า ถือตะกร้าและพูดรัวๆ เร็วๆ
แต่จับใจความได้ "เตี๋ยวแห้ง 10 บาท" จัดสิ เดี๋ยวเหมือนมาไม่ถึง
แต่ตอนนั้นด้วยความอิ่มอยู่เลยยังไม่ได้กิน และก็กลายเป็นว่าอดกินไปในที่สุด
เพราะเพื่อนสาวกลับซัดเรียบ และพูดออกมาว่า
"มืงรสชาติคุ้มเกินราคา" แต่เพื่อนคะ กรูไม่ได้กินป่าววะ มืงซัดเรียบเลยอ่ะ
ระหว่างนั่งรอขบวนรถไฟสวนทาง ร้อนมั้ย ก็ร้อนนะ มันได้ฟิลตรงนี้ละ
นั่งรอรถสวนประมาณ 5 นาที รถไฟก็เคลื่อนตัวมุ่งหน้าต่อไปยังสถานีต่อไป
ช่างเป็นสถานีที่ตะลึงมาก "ลิงครอง" นี่มันเมืองของลิงชัดๆ ลิงเต็มสถานีเลย
นั่งมองรถไฟวิ่งผ่านชิวๆ บางตัวเดินมามอง แต่ที่น่าตะลึงหนักกว่าเดิม คือจะมีบ้านไม้ข้างสถานี
แวบแรก อ่อ บ้านพักนายสถานีมั้ง แต่มองดีๆ ทั้งหลัง นั่นมันโคตรตระกูลลิงเลยเว้ย....
15.30 น. ถึงแว้ว สถานีรถไฟหัวหิน
รถไฟไทย หวานเย็น หวานเจี๊ยบ แต่ไม่เป็นไร
ความประทับใจแรกเมื่อเห็นสถานีรถไฟหัวหิน คือมันสวยจริงๆ แก สวยจนลืมถ่าย
เป้าหมายต่อไป คือ ที่พัก ในตอนแรกดูจากรีวิวคือจะพักที่ฟูเลย์เกสต์เฮาส์ ด้วยจากรีวิวที่อ่านๆ มา
และโทรมาถามก่อนเดินทางมา ว่ามีห้องพักว่าง
เริ่มต้นค้นหาพิกัด โดยการเดินออกมาหน้าสถานีรถไฟหัวหิน ความประทับใจต่อมาคือ
คุณลุงคุณพี่มอเตอร์ไซรับจ้างหน้าสถานี "ถามทางได้น๊าา"
เฮ้ยแก ที่อื่นมีแต่คำนี้นะ "ไปป่าว ไปป่าว" แต่ที่นี่ แค่ถามทางเฉยๆ ก็ได้ "พี่..หนูจะไปฟูเลย์เกสต์เฮาส์ยังไงอ่ะคะ"
คำตอบคือ เดินตรงไปข้ามแยกไฟแดงถึงทางเข้าโรงแรมฮิลตัน
เลี้ยวซ้ายเดินไปสุดทางเลี้ยวซ้ายอีกที สิ้นสุดการสนทนา เดินสิคร๊ะ
เปิดไฟเลี้ยวแซงหน้าอย่างเร็วไว ฮร่าๆ เจอแว้ว..พิกัดแรก โรงแรมฮิลตันเลี้ยวซ้าย
แต่ด้วยความที่คบกันมานาน จึงรู้กันทันทีว่า "กำลังมโน"
เดินผ่านไปเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายอีกที จะเป็นซอยยาว สองข้างทางมีทั้งร้านอาหาร และเกสต์เฮาส์เรียงราย
ป้ายเกสต์เฮาส์แต่ละที่จะเป็นป้ายเล็กๆ แต่จะมีคุณป้าเจ้าของที่พักมาคอยยืนตะโกน ว่าเกสต์เฮาส์มั้ย
เราจะรู้ได้ว่าตรงไหนเกสต์เฮาส์ก็จากเสียงคุณป้านี่ละ
เพราะเมื่อเข้าไปถามรีเซปชั่นคำตอบที่ได้คือ มีราคา 1,500 กะ 2,500...
เฮ้ย..อ่านรีวิวมันคืนละ 450 หนิ ไหง๋มันพุ่งกระฉูดขนาดนี้
เป้าหมายเปลี่ยน อีกที่ที่เล็งไว้จากที่อ่านอีกรีวิวคือ กรุณฮัท เกสต์เฮาส์
ในตอนแรกก็โทรเข้ามาถามเหมือนกัน แต่พี่เค้าบอกว่าเสาร์-อาทิตย์นี้เต็ม
เสี่ยงดวงอีกทีเข้าไปถาม แทบกรี๊ด คืนละ 390 บาท ห้องพัดลม เตียงเดี่ยว
ตกลงคะ ที่นี่ละ เปิดประตูเข้าไปในห้อง เฮ้ย...390 บาท ห้องมันดูดีขนาดนี้เลยเหรอวะ
แล้วที่สำคัญคือ ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องพัดลม มันไม่ได้ร้อนอะไรเลย
จัดการรื้อของในกระเป๋า เปลี่ยนแบตกล้อง
(ไม่ได้ถ่ายรูปภายในห้องเนื่องจากตื่นเต้นกะการต้องไปเจอวิวที่ได้อ่านเจอในรีวิว
เลยลืมทุกสิ่งอย่างตั้งแต่หน้าเกสต์เฮาส์ ยันภายในห้อง)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น