ผมทำงานเป็น Creative Design และทำอาชีพเสริมคือ Tarot Reader หรือหมอดูนั่นเเหละครับ ตลอดเวลา 8 ปีที่เป็นหมอดู ได้ดูดวงให้คนเยอะมากๆ ผมไม่เคยเชื่อเรื่องชะตากรรม ดังนั้นในการดูไพ่ ผมจึงใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้จากลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย (นี่หลักฐาน
http://www.vittarot.com )
หลายต่อหลายครั้งที่ผมได้รับ Inbox จากคนที่เป็นนักศึกษา โดยมีสองคำถามสำคัญ คือ 1. ไม่อยากเรียนแล้ว เบื่อที่จะเป็นนักศึกษา โดนตีกรอบความคิดสารพัด อยากจะทำเหมือน Steve Jobs, Bill Gate หรือเศรษฐีที่ลาออกไปไล่ล่าความฝัน กับ 2. อีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้ว ไม่อยากทำงานเป็นลูกจ้าง ผมควรจะทำอย่างไรดี
และคำตอบที่ผมมักจะให้เลย คือ เรียนต่อไปเพราะใบปริญญามันพิพากษาชีวิตคนได้ กับไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนซะ ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ควรทำในสิ่งที่ต้องทำแน่ๆก่อน แน่นอน หลายคนมักแสดงอารมณ์ผ่านคำตอบประมาณว่าผิดหวัง พร้อมจากไปด้วยการขอบคุณห้วนๆ แต่เรื่องนี้มีเหตุผลนะครับ ถ้าคุณมีจิตวิญญาณของการเป็นนายตัวเองจริงๆ คุณจะไม่เชื่อคำตอบของผมแล้วหาทางพิสูจน์ว่าผมไม่รู้จริงเกี่ยวกับตัวเขา การเป็นนายตัวเองไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร…!!! จริงมั้ย…???
วิธีการแยกว่าใครมีสายเลือดนายตัวเองหรือไม่มีสำหรับผม ง่ายมาก คนที่มีจิตวิญญาณของการเป็นนายตัวเองจริงๆจะ inbox มาหาพร้อมกับบอกว่าตัวเองทำอะไรที่เป็นรายได้เสริม หรือกำลังทำอะไรอยู่แล้วมีรายได้ประมาณเท่าไหร่ (อันนี้ผมไม่ได้ถามนะครับ พวกเขาล้วนบอกเอง) ส่วนคนที่ไม่มีจิตวิญญาณนั้นจะมาถามผมว่าควรเลือกทำอะไร ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร แปลกมั้ยละ…???
ทั้งนี้ การจะเป็นนายตัวเองต้องเริ่มต้นจากอยากทำอะไร ไม่ใช่ไม่อยากทำอะไร…!!!
ถ้าคุณไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะทำอะไร รู้แต่ว่าไม่อยากเป็นลูกจ้างจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณสมควรไปเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างยิ่ง เพราะนั่นคือการหาเงินที่รวดเร็วที่สุด ได้ผลลัพธ์ภายใน 30 วัน ไม่เสี่ยง มีคนเทรนด์งานให้ฟรี ได้ลงมือทดลองทำธุรกิจแบบซิมมูเลชั่นบนธุรกิจของคนอื่นโดยมีนายจ้างตัวจริงคอยรับความเสี่ยงให้แทน แล้วไปหาไอเดียตรงจุดนั้นซะ อย่างนี้ง่ายกว่าเยอะเลย เอาเงินจากงานประจำแบ่งมาลงทุน พร้อมขโมยไอเดียจากทั้งรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน และเจ้าของกิจการมาทำธุรกิจด้วย ไม่ดีตรงไหน
อะไรนะ มีคนบอกให้คุณเรียนให้ดีก่อน คุ้นๆมั้ย เรียนให้ดี จบสูงๆ เป็นเจ้าคนนายคน แล้วค่อยไปทำธุรกิจส่วนตัวหลังจากทำงานประจำ 30 ปีก็ได้ เห็นรูปแบบอะไรมั้ย
แต่ถ้าคุณยังคงยืนกรานว่าจบมาแล้วไม่อยากเป็นลูกจ้าง ผมจะบอกว่าเป็นไปได้จริง มีนายตัวเองหลายคนที่สามารถเป็นนายตัวเองได้โดยไม่เคยทำงานประจำ คำถามคือคุณจะทำเหมือนเขาได้หรือเปล่าเพราะคุณมีโอกาสแค่ 3 ครั้งเท่านั้น
โอกาสครั้งแรกคือช่วงมัธยมปลาย 3 ปี คือ ม.4 – ม.6 นี่คือโอกาสทำเงินจากการเป็นนายตัวเอง โดยใช้ค่าขนมที่พ่อแม่ให้มาลงทุน มีเด็ก ม.ปลาย เยอะมากนะครับที่สามารถหาเงินได้เป็นพันเป็นหมื่นโดยที่ไม่เสียการเรียน คุณลองใช้เวลาหาคนเหล่านั้นให้เจอแล้วทำตามในแบบฉบับของคุณซะ
โอกาสครั้งที่สองคือช่วงมหาลัย คุณมีเวลา 4 ปีครึ่งกับการสร้างธุรกิจของตัวเองให้มีรายได้มากกว่า 15,000 บาทต่อเดือน คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเขาเรียนหนักมาก ไม่มีเวลามาทำเรื่องแบบนั้นหรอก ถ้าคุณกำลังมีความคิดแบบนี้ คุณพลาดแล้ว ในตอนเรียนผมเองก็มีรายได้นิดๆหน่อยๆจากการรับจ้างรุ่นทำงาน Graphic ส่งอาจารย์ บางเดือนได้เกิน 2,000 บาทด้วยซ้ำ ไม่พอกิน แต่ได้วิชานายตัวเองมาแทน ถ้าไม่อยากเป็นลูกจ้าง คุณมีเวลา 4 ปีกับอีก 170 วันโดยประมาณสร้างธุรกิจส่วนตัวให้เสร็จ ไม่ต้องกดดันเหมือนผู้ใหญ่ที่มีความคาดหวังจากสังคมและไม่สามารถยอมรับความผิดพลาดได้
โอกาสครั้งสุดท้าย ช่วงจบมาใหม่ๆ ยังไฟแรง และยังไม่ได้งาน นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายของคุณที่จะเดิมพันการใช้ชีวิตโดยไม่เป็นลูกจ้าง
ถ้าคุณคือนักศึกษาหรือว่าที่บัณฑิตที่อยากเป็นนายตัวเองจนใจจะขาด คุณมองออกหรือเปล่า ว่าคุณได้ทิ้งโอกาสไปแล้วกี่ครั้ง…??? สุดท้ายคุณก็แค่ขี้เกียจ ไม่อยากเสียสละความสุขแบบนักศึกษาที่ไม่ต้องบังคับตัวเองให้ตื่นเช้า ผจญรถติด นั่งทำงานยาวๆเท่านั้นเอง ไม่ได้กระหายจะเป็นนายตัวเองจริงๆ แค่อยากสบาย
ครั้งหนึ่งน้องนักศึกษาซึ่งจบแล้วกำลังจะเริ่มทำงาน เขามาบอกผมว่าอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารมากกว่าเป็นลูกจ้าง พอผมถามว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับอาหารบ้าง คำตอบคือไม่รู้อะไรเลย สุดท้ายก็เปรยๆว่าคนอย่างเขาไม่มีวันทำอะไรโดยไม่รู้จริง ต้องรู้ให้จริงก่อนถึงจะทำ เพราะเขาเป็นคนจริงและจะไม่ลงมือทำจนกว่าจะรู้จริง (งงมั้ย…???) อันนี้ก็ตามสบายครับ นายตัวเองที่ผมรู้จักไม่มีใครรู้จริงซักคนจนกว่าจะได้ลงมือทำด้วยตัวเอง ประสบการณ์สำคัญกว่าความรู้
การเป็นนายตัวเองไม่มีคำว่าสบายในช่วงแรกครับ เหนื่อยสุดๆ การทำงานประจำก็เช่นกัน ผมเองก็รู้จักคนที่ทำงานเงินเดือน 6 หลักแต่เข้าออฟฟิตแค่สัปดาห์ละครั้ง หรือมนุษย์เงินเดือนที่ลงทุนสร้างรายได้จากการเป็นนายตัวเองควบคู่งานประจำ มีอสังหาให้เช่า มีพอร์ตหุ้นหลายล้านบาท ถามว่าคนเหล่านี้ขยันใช่มั้ย คำตอบคือใช่ครับ ขยันมากด้วย ดังนั้นเรื่องของการเป็นนายตัวเองหรือมนุษย์เงินเดือน ตัดเรื่องเงินทิ้งไปได้เลย มนุษย์เงินเดือนที่รวยๆ มีเงินทองให้พ่อแม่ใช้ไม่ขาดสายเยอะแยะ อย่าเอาเรื่องเงินมาถกเถียงกันว่าใครได้มากกว่าหรือน้อยกว่า แต่ให้มองที่เรื่องของไลฟ์สไตล์ บางคนชอบทำงานในระบบ บางคนชอบทำงานนอกระบบ มันอยู่ที่หัวใจปรารถนา ปัญหาคือบางคนไม่อยากทำทั้งในระบบและนอกระบบ อยากจะมีตังค์ใช้ง่ายๆแบบไม่ต้องเหนื่อยทำงาน อันนี้ไม่รู้จะแนะนำยังไงจริงๆหว่ะ
สรุปก็คือถ้าคุณกำลังเป็นนักศึกษาที่ต้องการเป็นนายตัวเอง คุณมีเวลารวมทั้งสิ้น 7.5 ปีในการสร้างธุรกิจเพื่อที่จะไม่ต้องทำงานประจำ อย่าบอกว่าทำไม่ได้ ในยุคนี้เครื่องมือสำหรับการทำธุรกิจมีหมดแล้ว บางอย่างแทบไม่ต้องใช้เงินเลยด้วยซ้ำ และถ้าคุณผลาญเวลาเหล่านั้นโดยไม่ทำอะไรเพราะอ้างว่าไม่รู้จะทำยังไง นั้นหมายถึงคุณอาจจะไม่มีจิตวิญญาณของการเป็นนายตัวเอง แต่ถ้าไม่ใช่ คุณมั่นใจว่าเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นนายตัวเองแน่ๆ คุณก็ต้องทำ 2 เรื่องคือพิจารณาตัวเองและเร่งมือตามเวลาในนาฬิกาทรายที่ค่อยๆหมดลงให้ทัน
ขอให้คุณตัดสินใจเลือกเส้นทางที่หัวใจคุณปรารถนาครับ ช่วงตอนเป็นนักศึกษาคือช่วงที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ดีที่สุดในชีวิตเลยหละ
วิชญ์
หมอดูขอเล่า : ถึงนักศึกษา ที่ไม่อยากทำงานประจำ
หลายต่อหลายครั้งที่ผมได้รับ Inbox จากคนที่เป็นนักศึกษา โดยมีสองคำถามสำคัญ คือ 1. ไม่อยากเรียนแล้ว เบื่อที่จะเป็นนักศึกษา โดนตีกรอบความคิดสารพัด อยากจะทำเหมือน Steve Jobs, Bill Gate หรือเศรษฐีที่ลาออกไปไล่ล่าความฝัน กับ 2. อีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้ว ไม่อยากทำงานเป็นลูกจ้าง ผมควรจะทำอย่างไรดี
และคำตอบที่ผมมักจะให้เลย คือ เรียนต่อไปเพราะใบปริญญามันพิพากษาชีวิตคนได้ กับไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนซะ ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร ควรทำในสิ่งที่ต้องทำแน่ๆก่อน แน่นอน หลายคนมักแสดงอารมณ์ผ่านคำตอบประมาณว่าผิดหวัง พร้อมจากไปด้วยการขอบคุณห้วนๆ แต่เรื่องนี้มีเหตุผลนะครับ ถ้าคุณมีจิตวิญญาณของการเป็นนายตัวเองจริงๆ คุณจะไม่เชื่อคำตอบของผมแล้วหาทางพิสูจน์ว่าผมไม่รู้จริงเกี่ยวกับตัวเขา การเป็นนายตัวเองไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใคร…!!! จริงมั้ย…???
วิธีการแยกว่าใครมีสายเลือดนายตัวเองหรือไม่มีสำหรับผม ง่ายมาก คนที่มีจิตวิญญาณของการเป็นนายตัวเองจริงๆจะ inbox มาหาพร้อมกับบอกว่าตัวเองทำอะไรที่เป็นรายได้เสริม หรือกำลังทำอะไรอยู่แล้วมีรายได้ประมาณเท่าไหร่ (อันนี้ผมไม่ได้ถามนะครับ พวกเขาล้วนบอกเอง) ส่วนคนที่ไม่มีจิตวิญญาณนั้นจะมาถามผมว่าควรเลือกทำอะไร ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร แปลกมั้ยละ…???
ทั้งนี้ การจะเป็นนายตัวเองต้องเริ่มต้นจากอยากทำอะไร ไม่ใช่ไม่อยากทำอะไร…!!!
ถ้าคุณไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะทำอะไร รู้แต่ว่าไม่อยากเป็นลูกจ้างจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณสมควรไปเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างยิ่ง เพราะนั่นคือการหาเงินที่รวดเร็วที่สุด ได้ผลลัพธ์ภายใน 30 วัน ไม่เสี่ยง มีคนเทรนด์งานให้ฟรี ได้ลงมือทดลองทำธุรกิจแบบซิมมูเลชั่นบนธุรกิจของคนอื่นโดยมีนายจ้างตัวจริงคอยรับความเสี่ยงให้แทน แล้วไปหาไอเดียตรงจุดนั้นซะ อย่างนี้ง่ายกว่าเยอะเลย เอาเงินจากงานประจำแบ่งมาลงทุน พร้อมขโมยไอเดียจากทั้งรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน และเจ้าของกิจการมาทำธุรกิจด้วย ไม่ดีตรงไหน
อะไรนะ มีคนบอกให้คุณเรียนให้ดีก่อน คุ้นๆมั้ย เรียนให้ดี จบสูงๆ เป็นเจ้าคนนายคน แล้วค่อยไปทำธุรกิจส่วนตัวหลังจากทำงานประจำ 30 ปีก็ได้ เห็นรูปแบบอะไรมั้ย
แต่ถ้าคุณยังคงยืนกรานว่าจบมาแล้วไม่อยากเป็นลูกจ้าง ผมจะบอกว่าเป็นไปได้จริง มีนายตัวเองหลายคนที่สามารถเป็นนายตัวเองได้โดยไม่เคยทำงานประจำ คำถามคือคุณจะทำเหมือนเขาได้หรือเปล่าเพราะคุณมีโอกาสแค่ 3 ครั้งเท่านั้น
โอกาสครั้งแรกคือช่วงมัธยมปลาย 3 ปี คือ ม.4 – ม.6 นี่คือโอกาสทำเงินจากการเป็นนายตัวเอง โดยใช้ค่าขนมที่พ่อแม่ให้มาลงทุน มีเด็ก ม.ปลาย เยอะมากนะครับที่สามารถหาเงินได้เป็นพันเป็นหมื่นโดยที่ไม่เสียการเรียน คุณลองใช้เวลาหาคนเหล่านั้นให้เจอแล้วทำตามในแบบฉบับของคุณซะ
โอกาสครั้งที่สองคือช่วงมหาลัย คุณมีเวลา 4 ปีครึ่งกับการสร้างธุรกิจของตัวเองให้มีรายได้มากกว่า 15,000 บาทต่อเดือน คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเขาเรียนหนักมาก ไม่มีเวลามาทำเรื่องแบบนั้นหรอก ถ้าคุณกำลังมีความคิดแบบนี้ คุณพลาดแล้ว ในตอนเรียนผมเองก็มีรายได้นิดๆหน่อยๆจากการรับจ้างรุ่นทำงาน Graphic ส่งอาจารย์ บางเดือนได้เกิน 2,000 บาทด้วยซ้ำ ไม่พอกิน แต่ได้วิชานายตัวเองมาแทน ถ้าไม่อยากเป็นลูกจ้าง คุณมีเวลา 4 ปีกับอีก 170 วันโดยประมาณสร้างธุรกิจส่วนตัวให้เสร็จ ไม่ต้องกดดันเหมือนผู้ใหญ่ที่มีความคาดหวังจากสังคมและไม่สามารถยอมรับความผิดพลาดได้
โอกาสครั้งสุดท้าย ช่วงจบมาใหม่ๆ ยังไฟแรง และยังไม่ได้งาน นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายของคุณที่จะเดิมพันการใช้ชีวิตโดยไม่เป็นลูกจ้าง
ถ้าคุณคือนักศึกษาหรือว่าที่บัณฑิตที่อยากเป็นนายตัวเองจนใจจะขาด คุณมองออกหรือเปล่า ว่าคุณได้ทิ้งโอกาสไปแล้วกี่ครั้ง…??? สุดท้ายคุณก็แค่ขี้เกียจ ไม่อยากเสียสละความสุขแบบนักศึกษาที่ไม่ต้องบังคับตัวเองให้ตื่นเช้า ผจญรถติด นั่งทำงานยาวๆเท่านั้นเอง ไม่ได้กระหายจะเป็นนายตัวเองจริงๆ แค่อยากสบาย
ครั้งหนึ่งน้องนักศึกษาซึ่งจบแล้วกำลังจะเริ่มทำงาน เขามาบอกผมว่าอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารมากกว่าเป็นลูกจ้าง พอผมถามว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับอาหารบ้าง คำตอบคือไม่รู้อะไรเลย สุดท้ายก็เปรยๆว่าคนอย่างเขาไม่มีวันทำอะไรโดยไม่รู้จริง ต้องรู้ให้จริงก่อนถึงจะทำ เพราะเขาเป็นคนจริงและจะไม่ลงมือทำจนกว่าจะรู้จริง (งงมั้ย…???) อันนี้ก็ตามสบายครับ นายตัวเองที่ผมรู้จักไม่มีใครรู้จริงซักคนจนกว่าจะได้ลงมือทำด้วยตัวเอง ประสบการณ์สำคัญกว่าความรู้
การเป็นนายตัวเองไม่มีคำว่าสบายในช่วงแรกครับ เหนื่อยสุดๆ การทำงานประจำก็เช่นกัน ผมเองก็รู้จักคนที่ทำงานเงินเดือน 6 หลักแต่เข้าออฟฟิตแค่สัปดาห์ละครั้ง หรือมนุษย์เงินเดือนที่ลงทุนสร้างรายได้จากการเป็นนายตัวเองควบคู่งานประจำ มีอสังหาให้เช่า มีพอร์ตหุ้นหลายล้านบาท ถามว่าคนเหล่านี้ขยันใช่มั้ย คำตอบคือใช่ครับ ขยันมากด้วย ดังนั้นเรื่องของการเป็นนายตัวเองหรือมนุษย์เงินเดือน ตัดเรื่องเงินทิ้งไปได้เลย มนุษย์เงินเดือนที่รวยๆ มีเงินทองให้พ่อแม่ใช้ไม่ขาดสายเยอะแยะ อย่าเอาเรื่องเงินมาถกเถียงกันว่าใครได้มากกว่าหรือน้อยกว่า แต่ให้มองที่เรื่องของไลฟ์สไตล์ บางคนชอบทำงานในระบบ บางคนชอบทำงานนอกระบบ มันอยู่ที่หัวใจปรารถนา ปัญหาคือบางคนไม่อยากทำทั้งในระบบและนอกระบบ อยากจะมีตังค์ใช้ง่ายๆแบบไม่ต้องเหนื่อยทำงาน อันนี้ไม่รู้จะแนะนำยังไงจริงๆหว่ะ
สรุปก็คือถ้าคุณกำลังเป็นนักศึกษาที่ต้องการเป็นนายตัวเอง คุณมีเวลารวมทั้งสิ้น 7.5 ปีในการสร้างธุรกิจเพื่อที่จะไม่ต้องทำงานประจำ อย่าบอกว่าทำไม่ได้ ในยุคนี้เครื่องมือสำหรับการทำธุรกิจมีหมดแล้ว บางอย่างแทบไม่ต้องใช้เงินเลยด้วยซ้ำ และถ้าคุณผลาญเวลาเหล่านั้นโดยไม่ทำอะไรเพราะอ้างว่าไม่รู้จะทำยังไง นั้นหมายถึงคุณอาจจะไม่มีจิตวิญญาณของการเป็นนายตัวเอง แต่ถ้าไม่ใช่ คุณมั่นใจว่าเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นนายตัวเองแน่ๆ คุณก็ต้องทำ 2 เรื่องคือพิจารณาตัวเองและเร่งมือตามเวลาในนาฬิกาทรายที่ค่อยๆหมดลงให้ทัน
ขอให้คุณตัดสินใจเลือกเส้นทางที่หัวใจคุณปรารถนาครับ ช่วงตอนเป็นนักศึกษาคือช่วงที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ดีที่สุดในชีวิตเลยหละ
วิชญ์