คำชี้แจง: ภาพที่ปรากฏในกระทู้นี้ใช้เพื่อเป็นภาพประกอบและเพื่อเป็นวิทยาทานเท่านั้น
วันนี้ขออีกกระทู้เกี่ยวกับละครเรื่อง "ล่า" นะคะ เพราะมีอีกข้อสงสัยซึ่งจะเก็บไว้ถามตอนท้ายกระทู้นะคะ
แต่ก่อนอื่นมาแนะนำตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องนี้ซึ่งมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจของมธุสรในการตามล่าหาคนผิดทั้ง 7 นั่นคือครูสอนแต่งหน้าชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาช่วยให้ความรู้ในการแต่งหน้าและกำลังใจสำคัญของมธุสร
นวนิยายเรื่อง "ล่า" ของทมยันตีถูกนำมาสร้างอยู่ 2 เวอร์ชั่น ทั้งเวอร์ชั่นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2520 และเวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ในปี พ.ศ. 2537 ทีนี้มาดูกันว่าครูญี่ปุ่นในสองเวอร์ชั่นนี้ถูกนำมาตีความในรูปแบบไหนบ้าง (ส่วนเนื้อหาในนวนิยายยังไม่เคยอ่าน เลยไม่สามารถเอามาเพิ่มเติมในนี้ได้ ถ้าใครเคยอ่านแล้วมาร่วมแบ่งปันความรู้กันนะคะ)
เวอร์ชั่นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2520 (เวอร์ชั่นแม่เปี๊ยก อรัญญา นามวงศ์)
ครูญี่ปุ่นในเวอร์ชั่นนี้มีชื่อว่า "ครูเคียวโกะ" (ซึ่งไม่รู้ว่าใครรับบท) ในเวอร์ชั่นนี้ครูเคียวโกะโผล่ฉากไม่ค่อยมากเท่าไหร่
โดยในเวอร์ชั่นนี้เธอเข้ามาช่วยสอนแต่งหน้าให้มีหลายบุคลิกให้กับมธุสร บุคลิกของเธอดูหน่อมแน้มไปหน่อยไม่ได้เห็นความดาร์กในจิตใจของเธอมากเท่าไหร่ แต่เธอมีเหตุผลที่เข้ามาช่วยเพราะติดตามข่าวของมธุสรมาตลอด ซึ่งจะเหมือนในเวอร์ชั่นของพี่นก สินจัย

© Sahamongkolfilm International
ในเวอร์ชั่นนี้ครูเคียวโกะยื่นหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวเกี่ยวมธุสรไว้ให้เป็นของขวัญด้วย ซึ่งห่อในกระดาษห่อขวัญอย่างดี

© Sahamongkolfilm International
ซึ่งหนังสือพิมพ์ที่ครูเคียวโกะอ่านนั้นเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษอย่างบางกอกโพสต์

© Sahamongkolfilm International
เวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ในปี พ.ศ. 2537 (เวอร์ชั่นพี่นก สินจัย)
ทีนี้มาดูครูญี่ปุ่นในเวอร์ชั่นนี้กันบ้าง ตัวละครนี้ชื่อ "ครูอุมะ" รับบทโดยพี่ม้า อรนภา (ความตลกในชื่อตัวละครนี้คือ "อุมะ" ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "ม้า" ซึ่งคนเขียนบทในเวอร์ชั่นนี้เข้าใจคิดมากๆ) ในเวอร์ชั่นนี้ครูอุมะโผล่ออกมามากและมีคำอธิบายในตัวตนของตัวละครนี้มากพอสมควร ซึ่งบุคลิกของเธอดูจิตและดาร์กกว่าครูเคียวโกะซะอีก เพราะในเรื่องครูอุมะบอกมธุสรว่าครูเคยฆ่าคนมาก่อนเพื่อแก้แค้นพวกชายชั่วที่จับน้องสาวของเธอไปขายประเวณีแล้วนำไปข่มขืนและฆ่า ซึ่งความแค้นของเธอถลำลึกจนกลายเป็นคนโรคจิตไปเลย ซึ่งเธอหนีมาอยู่ประเทศไทยแล้วมาเปิดสอนแต่งหน้าแล้วมาเจอมธุสรที่เข้ามาสมัครเรียนแต่งหน้า จึงเป็นบ่อเกิดในความร่วมมือกันและกัน... เพราะครูในเวอรชั่นนี้ไม่ได้ช่วยแค่สอนแต่งหน้า แต่หากช่วยสืบคนร้าย และช่วยสอนวิชาการใช้อาวุธให้เธออีกด้วย
ในบทบาทครูสอนแต่งหน้า เธอแสดงด้านสว่างในการพบปะคนภายนอก

© Exact & Scenario
แต่เมื่อเธออยู่บ้าน เธอแสดงด้านมืดออกมาชัดเจน ซึ่งพี่ม้าเล่นได้น่ากลัวมากกกกก

© Exact & Scenario
ในเวอร์ชั่นนี้ เธอหยิบหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวมธุสรแบบธรรมดาโดยไม่มีพิธีรีตองอะไรให้มธุสร

© Exact & Scenario
นี่เป็นการคาดเดา...หนังสือพิมพ์ที่ครูอุมะยื่นให้นั้น เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาไทยหลายหัว ใช้วิธีการเขียนข่าวแบบเชิงปริมาณ
เพราะสังเกตจากฉากที่เธอเอากองหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวของเธอมาตัดปะในส่วนข่าวของเธอ

© Exact & Scenario
ทีนี้เป็นการวิเคราะห์เล็กๆน้อยๆ
- คำพูดของครูทั้งสองเวอร์ชั่นนี้มีอะไรตรงกัน ซึ่งอาจมาจากในนวนิยาย (เพราะยังไม่ได้อ่าน) ได้แก่ "ครูชอบคนที่เจ็บและจำ" และวลีฮิตในเรื่องนี้คือ "ความพยาบาทคือของหวาน"
- สิ่งที่ครูทั้งเวอร์ชั่นนี้มีเหมือนกันคือ เข้ามาช่วยสอนการแต่งหน้าให้มธุสรอย่างเต็มใจและเต็มที่แบบไม่หวงวิชา เพราะความเห็นใจ
- ครูทั้งสองเวอร์ชั่นใส่กิโมโนเหมือนกัน เพื่อบ่งบอกว่าตัวเองมาจากญี่ปุ่น ซึ่งตัวละครนี้สะท้อนอิทธิพลวัฒนธรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่นที่เข้ามาในไทยอย่างชัดเจน
- ครูเคียวโกะเป็นผู้หญิงแท้ และรับบทโดยผู้หญิงแท้ แต่ครูอุมะรับบทโดยหญิงข้ามเพศที่มารับบทเป็นผู้หญิงแท้ กรณีนี้น่าคิดมากๆ เพราะมันสะท้อนสังคมไทยในเรื่องการยอมรับหญิงข้ามเพศไปด้วย เพราะในช่วงปี 2537 หญิงข้ามเพศเข้ามามีบทบาทในเรื่องวงการเสริมสวยมากขึ้นจนเป็นพื้นที่ในการแสดงตัวตนต่อสังคมเพื่อให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น นี่อาจเป็นเหตุผลที่เลือกพี่ม้ามารับบทนี้ นอกจากนี้ในเวอร์ชั่นของพี่นก จะมีตัวละครที่เป็นหญิงข้ามเพศในบทช่างเสริมสวยด้วย แต่ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ไม่ปรากฏ ทีนี้มาดูกันว่าครูในเวอร์ชั่นนี้ออกประมาณไหน
- หนังสือพิมพ์ที่ปรากฏในสองเวอร์ชั่นนั้น ขอสันนิษฐานว่าในส่วนของครูเคียวโกะอาจอ่านภาษาไทยไม่แข็งแรงเลยอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษ แต่ของครูอุมะเธออาจมีทักษะภาษาไทยแข็งแรงกว่าเลยอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาไทยได้ ทีนี้มาดูกันว่าในเวอร์ชั่นพี่หมิวที่เทคโนโลยีสื่อสิ่งพิมพ์พัฒนาไปมาก จะยังอ่านหนังสือพิมพ์แบบดั้งเดิม หรือจะใช้ลิงค์ข่าวทางอินเทอร์เนต ไม่ก็หนังสือพิมพ์แบบอิเล็กทรอนิคส์ในแทบเลตกันแน่
- เพราะต่างยุคต่างสมัย วงการแต่งหน้ามีความก้าวหน้ามากขึ้น ส่งผลให้เทคนิคการแต่งหน้าในการปลอมปลอมตัวของมธุสรดูแตกต่างไปด้วย ซึ่งเวอร์ชั่นของพี่นกจะดูมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น และทำให้เข้าใจว่าเป็นคนอีกคนไปจริงๆ ในเวอร์ชั่นพี่หมิวเราน่าจะได้เห็นเทคนิคการแต่งหน้าที่แพรวพราวมากขึ้น ดูเนียนมากขึ้น สมจริงมากขึ้น และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นเหมือนระดับฮอลลีวู้ดมาเอง (นี่เป็นการคาดเดา)
- ครูอุมะตายเพราะโดนระเบิดในงานเลี้ยงของพรรค แต่ครูเคียวโกะไม่มีการอธิบายเพิ่มเติมในหนัง ส่วนนวนิยาย บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่ายังไม่ได้อ่านเลยไม่ทราบค่ะ
ทีนี้จะเข้าสู่คำถามที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น
คำถามแรก... คิดว่าในเวอร์ชั่นพี่หมิว ใครจะมารับบทเป็นครูสอนแต่งหน้าของมธุสร จะยังเป็นพี่ม้าเหมือนเดิมหรือเป็นคนใหม่เลย
คำถามที่สอง...ครูสอนแต่งหน้าจะยังเป็นคนญี่ปุ่นหรือไม่
คำถามที่สาม...ครูผู้นั้นจะจิตมากขึ้นหรือไม่
คำถามที่สี่...ครูผู้นั้นจะรับบทโดยนักแสดงที่เป็นผู้หญิงแท้หรือหญิงข้ามเพศ
และคำถามที่ห้า...ครูผู้นั้นจะมีชื่อว่าอะไร
มาร่วมแสดงความเห็นและมาร่วมทายกันค่ะ
ย้อนรอยครูญี่ปุ่นสอนแต่งหน้าในเรื่อง "ล่า" ทั้งสองเวอร์ชั่น
วันนี้ขออีกกระทู้เกี่ยวกับละครเรื่อง "ล่า" นะคะ เพราะมีอีกข้อสงสัยซึ่งจะเก็บไว้ถามตอนท้ายกระทู้นะคะ
แต่ก่อนอื่นมาแนะนำตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องนี้ซึ่งมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจของมธุสรในการตามล่าหาคนผิดทั้ง 7 นั่นคือครูสอนแต่งหน้าชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาช่วยให้ความรู้ในการแต่งหน้าและกำลังใจสำคัญของมธุสร
นวนิยายเรื่อง "ล่า" ของทมยันตีถูกนำมาสร้างอยู่ 2 เวอร์ชั่น ทั้งเวอร์ชั่นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2520 และเวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ในปี พ.ศ. 2537 ทีนี้มาดูกันว่าครูญี่ปุ่นในสองเวอร์ชั่นนี้ถูกนำมาตีความในรูปแบบไหนบ้าง (ส่วนเนื้อหาในนวนิยายยังไม่เคยอ่าน เลยไม่สามารถเอามาเพิ่มเติมในนี้ได้ ถ้าใครเคยอ่านแล้วมาร่วมแบ่งปันความรู้กันนะคะ)
เวอร์ชั่นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2520 (เวอร์ชั่นแม่เปี๊ยก อรัญญา นามวงศ์)
ครูญี่ปุ่นในเวอร์ชั่นนี้มีชื่อว่า "ครูเคียวโกะ" (ซึ่งไม่รู้ว่าใครรับบท) ในเวอร์ชั่นนี้ครูเคียวโกะโผล่ฉากไม่ค่อยมากเท่าไหร่
โดยในเวอร์ชั่นนี้เธอเข้ามาช่วยสอนแต่งหน้าให้มีหลายบุคลิกให้กับมธุสร บุคลิกของเธอดูหน่อมแน้มไปหน่อยไม่ได้เห็นความดาร์กในจิตใจของเธอมากเท่าไหร่ แต่เธอมีเหตุผลที่เข้ามาช่วยเพราะติดตามข่าวของมธุสรมาตลอด ซึ่งจะเหมือนในเวอร์ชั่นของพี่นก สินจัย
© Sahamongkolfilm International
ในเวอร์ชั่นนี้ครูเคียวโกะยื่นหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวเกี่ยวมธุสรไว้ให้เป็นของขวัญด้วย ซึ่งห่อในกระดาษห่อขวัญอย่างดี
© Sahamongkolfilm International
ซึ่งหนังสือพิมพ์ที่ครูเคียวโกะอ่านนั้นเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษอย่างบางกอกโพสต์
© Sahamongkolfilm International
เวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ในปี พ.ศ. 2537 (เวอร์ชั่นพี่นก สินจัย)
ทีนี้มาดูครูญี่ปุ่นในเวอร์ชั่นนี้กันบ้าง ตัวละครนี้ชื่อ "ครูอุมะ" รับบทโดยพี่ม้า อรนภา (ความตลกในชื่อตัวละครนี้คือ "อุมะ" ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "ม้า" ซึ่งคนเขียนบทในเวอร์ชั่นนี้เข้าใจคิดมากๆ) ในเวอร์ชั่นนี้ครูอุมะโผล่ออกมามากและมีคำอธิบายในตัวตนของตัวละครนี้มากพอสมควร ซึ่งบุคลิกของเธอดูจิตและดาร์กกว่าครูเคียวโกะซะอีก เพราะในเรื่องครูอุมะบอกมธุสรว่าครูเคยฆ่าคนมาก่อนเพื่อแก้แค้นพวกชายชั่วที่จับน้องสาวของเธอไปขายประเวณีแล้วนำไปข่มขืนและฆ่า ซึ่งความแค้นของเธอถลำลึกจนกลายเป็นคนโรคจิตไปเลย ซึ่งเธอหนีมาอยู่ประเทศไทยแล้วมาเปิดสอนแต่งหน้าแล้วมาเจอมธุสรที่เข้ามาสมัครเรียนแต่งหน้า จึงเป็นบ่อเกิดในความร่วมมือกันและกัน... เพราะครูในเวอรชั่นนี้ไม่ได้ช่วยแค่สอนแต่งหน้า แต่หากช่วยสืบคนร้าย และช่วยสอนวิชาการใช้อาวุธให้เธออีกด้วย
ในบทบาทครูสอนแต่งหน้า เธอแสดงด้านสว่างในการพบปะคนภายนอก
© Exact & Scenario
แต่เมื่อเธออยู่บ้าน เธอแสดงด้านมืดออกมาชัดเจน ซึ่งพี่ม้าเล่นได้น่ากลัวมากกกกก
© Exact & Scenario
ในเวอร์ชั่นนี้ เธอหยิบหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวมธุสรแบบธรรมดาโดยไม่มีพิธีรีตองอะไรให้มธุสร
© Exact & Scenario
นี่เป็นการคาดเดา...หนังสือพิมพ์ที่ครูอุมะยื่นให้นั้น เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาไทยหลายหัว ใช้วิธีการเขียนข่าวแบบเชิงปริมาณ
เพราะสังเกตจากฉากที่เธอเอากองหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวของเธอมาตัดปะในส่วนข่าวของเธอ
© Exact & Scenario
ทีนี้เป็นการวิเคราะห์เล็กๆน้อยๆ
- คำพูดของครูทั้งสองเวอร์ชั่นนี้มีอะไรตรงกัน ซึ่งอาจมาจากในนวนิยาย (เพราะยังไม่ได้อ่าน) ได้แก่ "ครูชอบคนที่เจ็บและจำ" และวลีฮิตในเรื่องนี้คือ "ความพยาบาทคือของหวาน"
- สิ่งที่ครูทั้งเวอร์ชั่นนี้มีเหมือนกันคือ เข้ามาช่วยสอนการแต่งหน้าให้มธุสรอย่างเต็มใจและเต็มที่แบบไม่หวงวิชา เพราะความเห็นใจ
- ครูทั้งสองเวอร์ชั่นใส่กิโมโนเหมือนกัน เพื่อบ่งบอกว่าตัวเองมาจากญี่ปุ่น ซึ่งตัวละครนี้สะท้อนอิทธิพลวัฒนธรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่นที่เข้ามาในไทยอย่างชัดเจน
- ครูเคียวโกะเป็นผู้หญิงแท้ และรับบทโดยผู้หญิงแท้ แต่ครูอุมะรับบทโดยหญิงข้ามเพศที่มารับบทเป็นผู้หญิงแท้ กรณีนี้น่าคิดมากๆ เพราะมันสะท้อนสังคมไทยในเรื่องการยอมรับหญิงข้ามเพศไปด้วย เพราะในช่วงปี 2537 หญิงข้ามเพศเข้ามามีบทบาทในเรื่องวงการเสริมสวยมากขึ้นจนเป็นพื้นที่ในการแสดงตัวตนต่อสังคมเพื่อให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น นี่อาจเป็นเหตุผลที่เลือกพี่ม้ามารับบทนี้ นอกจากนี้ในเวอร์ชั่นของพี่นก จะมีตัวละครที่เป็นหญิงข้ามเพศในบทช่างเสริมสวยด้วย แต่ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ไม่ปรากฏ ทีนี้มาดูกันว่าครูในเวอร์ชั่นนี้ออกประมาณไหน
- หนังสือพิมพ์ที่ปรากฏในสองเวอร์ชั่นนั้น ขอสันนิษฐานว่าในส่วนของครูเคียวโกะอาจอ่านภาษาไทยไม่แข็งแรงเลยอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษ แต่ของครูอุมะเธออาจมีทักษะภาษาไทยแข็งแรงกว่าเลยอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาไทยได้ ทีนี้มาดูกันว่าในเวอร์ชั่นพี่หมิวที่เทคโนโลยีสื่อสิ่งพิมพ์พัฒนาไปมาก จะยังอ่านหนังสือพิมพ์แบบดั้งเดิม หรือจะใช้ลิงค์ข่าวทางอินเทอร์เนต ไม่ก็หนังสือพิมพ์แบบอิเล็กทรอนิคส์ในแทบเลตกันแน่
- เพราะต่างยุคต่างสมัย วงการแต่งหน้ามีความก้าวหน้ามากขึ้น ส่งผลให้เทคนิคการแต่งหน้าในการปลอมปลอมตัวของมธุสรดูแตกต่างไปด้วย ซึ่งเวอร์ชั่นของพี่นกจะดูมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น และทำให้เข้าใจว่าเป็นคนอีกคนไปจริงๆ ในเวอร์ชั่นพี่หมิวเราน่าจะได้เห็นเทคนิคการแต่งหน้าที่แพรวพราวมากขึ้น ดูเนียนมากขึ้น สมจริงมากขึ้น และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นเหมือนระดับฮอลลีวู้ดมาเอง (นี่เป็นการคาดเดา)
- ครูอุมะตายเพราะโดนระเบิดในงานเลี้ยงของพรรค แต่ครูเคียวโกะไม่มีการอธิบายเพิ่มเติมในหนัง ส่วนนวนิยาย บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่ายังไม่ได้อ่านเลยไม่ทราบค่ะ
ทีนี้จะเข้าสู่คำถามที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น
คำถามแรก... คิดว่าในเวอร์ชั่นพี่หมิว ใครจะมารับบทเป็นครูสอนแต่งหน้าของมธุสร จะยังเป็นพี่ม้าเหมือนเดิมหรือเป็นคนใหม่เลย
คำถามที่สอง...ครูสอนแต่งหน้าจะยังเป็นคนญี่ปุ่นหรือไม่
คำถามที่สาม...ครูผู้นั้นจะจิตมากขึ้นหรือไม่
คำถามที่สี่...ครูผู้นั้นจะรับบทโดยนักแสดงที่เป็นผู้หญิงแท้หรือหญิงข้ามเพศ
และคำถามที่ห้า...ครูผู้นั้นจะมีชื่อว่าอะไร
มาร่วมแสดงความเห็นและมาร่วมทายกันค่ะ