เพราะหวือหวา ถึงได้น่าสนใจ
ผมเชื่อว่าผู้อ่านน่าจะรู้จัก
The Weeknd กันมากพอสมควรแล้วครับ เพลงใหม่ที่ปล่อยออกมาอย่าง
The Hills และ Can't Feel My Face ก็ฮิตติดลมบนในบิลบอร์ดชาร์ต โดยเฉพาะเพลงหลังที่สามารถขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ในบิลบอร์ดชาร์ตได้อย่างสำเร็จ เลยทำให้แฟนเพลงชาวไทยรู้จัก The Weeknd มากยิ่งขึ้น ไม่ได้รู้จักจากเพลงฟีท Love Me Harder อย่างแน่นอน ไหนๆหนุ่ม Abel Testfaye กำลังจะออกอัลบั้มใหม่ล่าสุด Beauty Behind The Madness ซึ่งกำลังจะวางแผงในไอจูน 28 สิงหาคมนี้แล้ว ผมเลยหยิบรีวิวอัลบั้มแรกอย่าง Trilogy มาแนะนำให้ผู้อ่านได้ลองไปฟังกัน ทำความรู้จักผลงานเก่าๆก่อนอัลบั้มชุดใหม่กำลังจะมาถึงครับ
Trilogy จริงๆแล้วเป็นการนำ mixtape ทั้ง 3ชุดของ Abel มารีมาสเตอร์ใหม่เป็น LP ทางการไปซะเลย ซึ่งประกอบไปด้วย
House Of Balloons ,
Thursday และ
Echoes Of Silence เพราะฉะนั้นทั้ง 3 แผ่นนี้คอนเซปต์ตัวใครตัวมันจะไม่เชื่อมโยงเข้าหากันครับ
สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจหันมาฟังอัลบั้มชุดนี้ก็คือ ผมฟังเสียงเฮียแกจากเพลง
Crew Love และ Remember You แล้วติดใจมากๆ และตัวผมเองก็ชอบเพลงดาร์กเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยไม่ยากที่จะเปิดใจรับฟังผลงานชุดก่อนของศิลปินจอมฟีทรายนี้ แถมตัวอัลบั้ม
Trilogy ที่วางแผงในไทยก็โคตรถูกมากเพียงแค่
390 บาท ในนั้นมี 3 แผ่น ว้าวอะไรจะถูกประมาณนั้น 3 แผ่นป่านนี้เค้าขายเกือบพันบาทไปแล้วว ผมคิดว่าน่าจะคุ้มดี ผมก็เลยสอยมาซะเลย แล้วผลปรากฎว่ามันก็คุ้มจริงๆฮับ แต่มันน่าจะคุ้มสำหรับคนที่ชอบเพลงดาร์กๆอย่างผม แต่มันคงไม่คุ้มแน่สำหรับคนที่โลกสวย เซนส์ซิทีฟ ชอบฟังเพลงใสๆไรประมาณนี้ ผมไม่ได้ว่าหรือดูถูกแต่อย่างใด เพียงแค่อยากจะบอกว่าอัลบั้มชุดนี้มันเต็มไปด้วยด้านมืดของมนุษย์ มันไม่ได้พูดถึงเรื่องสวยๆงามด้านหน้าตาความคิด ชื่นชมเชิดชูผู้หญิงเหมือนกับ
Bruno Mars หรือ Ne-yo แต่สำหรับ
Abel พูดถึงผู้หญิงหากินกลางคืน ชอบเที่ยวกลางคืน ปาร์ตี้ กินเหล้า เมายา เซ็กส์กับชายไม่เลือกหน้า ผู้หญิงดีแตก ว่าง่ายๆชีวิตของไอ้หมอนี่เต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมที่อันตรายทั้งสิ้น ทั้งยาทั้งหญิงเลว เพลงของ Abel จึงเต็มไปด้วยคำผรุสวาทเต็มไปหมด เอาออกอากาศในวิทยุแถบไม่ได้เลยล่ะ แถบไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งที่สื่อออกมาจะมาจากปากของศิลปินที่มีอายุแค่ 21 ปีเท่านั้น
Trilogy จึงจัดเต็มความดาร์กทั้ง 3 แผ่นเอาแบบให้เอียนกันไปเลย แน่นอนว่าชุดนี้มันไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะฟังเพื่อรีแล็กซ์ เพราะคุณอาจจะหลอนจากการฟังจนพารานอยด์กันเสียเปล่า สไตล์เพลงชุดนี้แรงไม่เกรงใจตลาดเลยทีเดียว ซึ่งแตกต่างจากสองซิงเกิ้ลล่าสุด
The Hills และ Can't Feel My Face ถ้าคุณได้ลองฟังอัลบั้มชุดนี้ คุณจะมองว่าสองเพลงนี้เด็กๆไปเลยครับ
รีวิวครั้งนี้ของผมจะเป็นการผ่าแพ็คเกจอัลบั้มเอามาให้ดูกันด้วย ซึ่งผมชอบแพ็คเกจอัลบั้มชุดนี้มากเหมือนเค้าใส่ใจรายละเอียดดี มันมีข้อมูลเชิงลึกมากพอสมควร ทำให้เห็นภาพคอนเซปต์มากขึ้น ไม่ใช่ศิลปินบางรายที่สักแต่ใส่ชื่อเครดิต ถ่ายแบบเก็กหล่ออวดเท่บนหน้าปกก็เท่านั้น สำหรับ
Abel นั้นไม่ใช่ ถึงแม้ว่าตัวเพลงจะว่าด้วยเรื่องไม่ดีผิดศีลธรรมแต่ถ้าแพ็คเกจดีขนาดนี้ผมเองก็เกลียดไม่ลงหรอกฮับ
มาเริ่มที่ Disc 1 House Of Balloons
แค่ดึงแผ่นออกมาผมก็ประทับใจแล้ว (ประทับใจตรงไหนว่ะจขกท.) ตรงที่เค้าใส่ใจรายละเอียดเนี่ยแหละคร้าบอย่างที่ผมเคยบอกไว้ ลองสังเกตดู ดึงออกมาปุ๊บก็เห็นแถบสีทันทีเป็นเทาดำ ซึ่ง Abel ต้องการจะสื่อถึงตัวแทนของด้านมืดของมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด ถ้าคุณได้ฟังเพลงของ
The Weeknd คุณจะเห็นภาพได้ชัดมากๆครับ มันเต็มไปเหล้า ยา เซ็กส์ ราคะ เรื่องบาปๆทั้งน้าน แม้แต่แผ่นซีดีพี่แกก็ใส่สัญลักษณ์ที่เป็นคอนเซปต์ของอัลบั้มไว้บนแผ่นด้วย Oh ผมนี่ยกนิ้วให้เลย
ส่วนภาพหน้าปกชุดนี้แน่นอนครับว่า เมื่อคืนหนักไปหน่อยสำหรับผู้หญิงคนนี้ เมาหัวราน้ำนอนลงอ่างเลยเชียว ตัวลูกโป่งนั้นไม่ได้มีไว้ประดับประดาไว้พร่ำเพรื่อ มันเป็นการสื่อคอนเซปต์ของอัลบั้มชุดนี้ต่างหาก ซึ่งเป็นสีเดียวกับไอ้แถบสีที่ผมได้บอกไว้เมื่อซักครู่ แน่นอนครับว่าชุดนี้ต้องดาร์กจัดเต็มแน่นอน
กระทู้นี้ติดเรท น18+ เนื่องจากจขกท.อาจใช้คำหยาบอยู่บ้าง และพูดถึงเรื่องเซกส์ยาปาปิ้งเยอะ เพราะอัลบั้มชุดนี้มันว่าด้วยเรื่องพวกนั้นจริงๆ เตือนด้วยความปราถนาดีครับ จขกท.เองก็ไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว แค่ฟังแล้วมาบอกให้ฟังเฉยๆ
High For This แทร็คเปิด
House Of Balloons ที่มาพร้อมกับริทึ่มหลอนๆชวนลึกลับอยู่ไม่น้อย High For This เป็น Double Meaning ฮับ อย่างแรกคือ มีอะไรกับพี่บนเตียง อีกอย่างคือ Abel ตั้งใจจะสื่อให้คนฟังว่า เตรียมพบกับประสบการณ์ฟังเพลงที่คุณจะต้องรู้สึก High กับเพลงของ Abel อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั่นเอง (อันนี้ดูจาก Genius.com มา)
What You Need ริทึ่มโคตรโดน Dream Pop ฟังแล้วชวนเคลิ้มสุดๆแบบที่ผมไม่เคยฟังมาก่อน แทร็คนี้ผมชอบเปิดซ้ำครับ บอกเลยว่าอย่าข้าม ต่อด้วย Title Track อย่าง
House Of Balloons/Glass Table Girl เพลงจังหวะดิบๆ แทร็คติด Explicit แทร็คแรกที่แรงและน่ากลัวด้วย มันทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนเลยล่ะ ปาร์ตี้ในสไตล์ของ Abel มันไม่ใช่มานั่งดื่มเป็บซี่ กินอาหารบุ๊ปเฟ่ต์ กินขนมหวาน เล่นเก้าอี้ดนตรี แล้วจบๆกัน แต่สำหรับ Abel เราจะได้เห็นคนนั่งสูดผงขาว สูบกัญชาควันโขมง หรือแม้กระทั่งเห็นคนซั่มกันแบบไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ดาร์กสุดๆครับ บีทอาจจะยังไม่แหล่มในช่วงแรก แต่พอเข้าถึงพาร์ทต่อไปอย่าง
Glass Table Girl ตบด้วย Dubstepก็พอมีอะไรแหล่มๆบ้าง บวกกับการแร็พอันเนือยๆของ Abel อย่างไรก็แล้วแต่แทร็คนี้ก็ยังไม่ดีที่สุดอยู่ดี
The Morning ถึงชื่อเพลงจะออกแนวสว่าง แต่ตัวเพลงก็ไม่สว่างซะทีเดียวออกไปในทางขาวกับดำมากกว่า บีทเสียงอู๊ดๆประกอบเพลงกันไป ฟังเพลินๆก่อนที่จะถึงซิงเกิ้ลที่หลายคนรอคอย
Wicked Game เสียงกีตาร์ไฟฟ้า ประกอบกับเสียงอันแหลมของ Abel ช่างจี๊ดสะท้านใจซะเหลือเกิน ใครฟังครั้งแรกก็สะใจกันถ้วนหน้าครับ และท่อนที่ร้องว่า
Bring the love baby I will bring you drank, Bring the drug Baby I will bring you pain กลายเป็นท่อนที่ติดหูผมแล้วเรียบร้อย ยังพอจับสาระได้หน่อย
The Party/After Party เพลงฟังสบายๆแต่เนื้อหา เอิ่มก็ยังคงดื่ม ซู้ด เซกส์กันต่อเช่นเคยไปจนเช้า เฮ้อออ เพลงโคตรยาวออกแนวยืดไปหน่อย
Coming Down อันนี้กูก็กำลังหลอนยาซะเต็มที่เลย แต่เสียงพี่แกบวกกับริทึ่มของเพลงก็หลอนอยู่ในหัวผมแบบไม่รู้ตัวด้วย เจ๋งฮะ ฟังแล้วติดเลย
The Loft ผมชอบแซมเปิ้ลเพลงนี้มากเลย มันดูน่ารักดี จังหวะTrip hop ชวนโยกอยู่ไม่น้อย แต่ตอนท้ายดันโหยหวนนานไปหน่อย ผมก็เข้าใจนะว่าพี่แกพยายามจะให้เชื่อมกับเพลงต่อไปอย่าง
The Knowing แทร็คนี้ถูกใจแฟนเพลง The Weeknd พอสมควรครับรวมถึงผมด้วย เป็นเพลงที่Abel ใส่อารมณ์ได้สะใจมากๆ ดนตรีก็ดึงเพลงจริงๆ มันทำให้เพลงนี้พีคจริงๆ เนื้อหาก็โอเคหน่อย กรูรู้นะว่า
มีชู้ แค่นั้น น่าจะถูกใจ
และแล้วก็มาถึงแทร็คที่ผู้อ่านรอคอยอย่าง
Twenty Eight[/color] แทร็คนี้มาแบบเงียบแล้วค่อยๆจี๊ดนิดๆ โดยเฉพาะเสียงของ Abel ทำผมจั๊กกะจี้ซะเหลือเกิน เสียงเฮียแอบหมือน Michael Jackson เวอร์ชั่นหม้อสาว แทบจะเป็นเงาเสียงเลยด้วยซ้ำ ส่วนเอ็มวีล่ะก็เตรียมเลือดกำเดาไหลเลยล่ะ 555 ถ้าใครได้ดูแล้ว เข้าใจตรงกันนะว่าผมหมายถึงอะไร
สำหรับ
House Of Balloons นั้นถือว่าผ่านมาตรฐาน มีเพลงติดหูเยอะ ใช้แซมเปิ้ลประกอบเพลงได้ดี มีความเย้ายวนอยู่ไม่น้อย แต่จุดเสียมันอยู่ตรงที่เพลงยาวนี่แหละครับที่ใช้ได้ไม่คุ้มค่าซะเท่าไหร่ ออกแนวเหมือนไม่มีอะไรจะทำเลยทำให้ตัวเพลงยังไม่ได้ใส่ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ จะเห็นได้ว่า
House Of Balloons ชุดนี้สื่อถึงด้านมืดของงานปาร์ตี้ที่มันเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมที่อันตรายและยุ่งเหยิงของปาร์ตี้ที่หลายๆคนอยากไปนักไปหนา แต่หาความสุขอะไรไม่ได้จากงานๆนั้น ก็ไม่ต่างกับผู้หญิงสภาพเปลือยที่นอนอยู่ในอ่างน้ำตามหน้าปกอัลบั้ม เห็นแล้วก็ออกแนวสยองมากกว่าสนุกสนานนะฮับ ผมเชื่อว่าถ้าใครรับไม่ได้กับเพลงที่ว่าด้วยเรื่องพวกนี้ล่ะก็อาจจะเกลียดชุดนี้ไปโดยปริยายครับ (อยากจะบอกว่านี่เพิ่งเริ่มต้น 555)
ถ้าเปรียบเปรยงานชุดนี้กับหนัง หนังเรื่องนี้ก็คงเป็นหนังฟิล์มนัวร์ที่เต็มไปด้วยเรื่องพรรค์นั้นนั่นเอง
Top Track : Wicked Game , The Knowing , Twenty Eight , What You Need and The Loft
Give (8/10) (Dark,Thriller,Temptation and Lustful)
อีกซักครู่ รีวิวอีกสองแผ่นจะตามมา
FB:
https://www.facebook.com/fungpaifungma
[CR] [รีวิวอัลบั้ม] Trilogy - The Weeknd (ฉบับผ่าไส้ใน) น18+
ผมเชื่อว่าผู้อ่านน่าจะรู้จัก The Weeknd กันมากพอสมควรแล้วครับ เพลงใหม่ที่ปล่อยออกมาอย่าง The Hills และ Can't Feel My Face ก็ฮิตติดลมบนในบิลบอร์ดชาร์ต โดยเฉพาะเพลงหลังที่สามารถขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ในบิลบอร์ดชาร์ตได้อย่างสำเร็จ เลยทำให้แฟนเพลงชาวไทยรู้จัก The Weeknd มากยิ่งขึ้น ไม่ได้รู้จักจากเพลงฟีท Love Me Harder อย่างแน่นอน ไหนๆหนุ่ม Abel Testfaye กำลังจะออกอัลบั้มใหม่ล่าสุด Beauty Behind The Madness ซึ่งกำลังจะวางแผงในไอจูน 28 สิงหาคมนี้แล้ว ผมเลยหยิบรีวิวอัลบั้มแรกอย่าง Trilogy มาแนะนำให้ผู้อ่านได้ลองไปฟังกัน ทำความรู้จักผลงานเก่าๆก่อนอัลบั้มชุดใหม่กำลังจะมาถึงครับ
Trilogy จริงๆแล้วเป็นการนำ mixtape ทั้ง 3ชุดของ Abel มารีมาสเตอร์ใหม่เป็น LP ทางการไปซะเลย ซึ่งประกอบไปด้วย
House Of Balloons , Thursday และ Echoes Of Silence เพราะฉะนั้นทั้ง 3 แผ่นนี้คอนเซปต์ตัวใครตัวมันจะไม่เชื่อมโยงเข้าหากันครับ
สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจหันมาฟังอัลบั้มชุดนี้ก็คือ ผมฟังเสียงเฮียแกจากเพลง Crew Love และ Remember You แล้วติดใจมากๆ และตัวผมเองก็ชอบเพลงดาร์กเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยไม่ยากที่จะเปิดใจรับฟังผลงานชุดก่อนของศิลปินจอมฟีทรายนี้ แถมตัวอัลบั้ม Trilogy ที่วางแผงในไทยก็โคตรถูกมากเพียงแค่ 390 บาท ในนั้นมี 3 แผ่น ว้าวอะไรจะถูกประมาณนั้น 3 แผ่นป่านนี้เค้าขายเกือบพันบาทไปแล้วว ผมคิดว่าน่าจะคุ้มดี ผมก็เลยสอยมาซะเลย แล้วผลปรากฎว่ามันก็คุ้มจริงๆฮับ แต่มันน่าจะคุ้มสำหรับคนที่ชอบเพลงดาร์กๆอย่างผม แต่มันคงไม่คุ้มแน่สำหรับคนที่โลกสวย เซนส์ซิทีฟ ชอบฟังเพลงใสๆไรประมาณนี้ ผมไม่ได้ว่าหรือดูถูกแต่อย่างใด เพียงแค่อยากจะบอกว่าอัลบั้มชุดนี้มันเต็มไปด้วยด้านมืดของมนุษย์ มันไม่ได้พูดถึงเรื่องสวยๆงามด้านหน้าตาความคิด ชื่นชมเชิดชูผู้หญิงเหมือนกับ Bruno Mars หรือ Ne-yo แต่สำหรับ Abel พูดถึงผู้หญิงหากินกลางคืน ชอบเที่ยวกลางคืน ปาร์ตี้ กินเหล้า เมายา เซ็กส์กับชายไม่เลือกหน้า ผู้หญิงดีแตก ว่าง่ายๆชีวิตของไอ้หมอนี่เต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมที่อันตรายทั้งสิ้น ทั้งยาทั้งหญิงเลว เพลงของ Abel จึงเต็มไปด้วยคำผรุสวาทเต็มไปหมด เอาออกอากาศในวิทยุแถบไม่ได้เลยล่ะ แถบไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งที่สื่อออกมาจะมาจากปากของศิลปินที่มีอายุแค่ 21 ปีเท่านั้นTrilogy จึงจัดเต็มความดาร์กทั้ง 3 แผ่นเอาแบบให้เอียนกันไปเลย แน่นอนว่าชุดนี้มันไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะฟังเพื่อรีแล็กซ์ เพราะคุณอาจจะหลอนจากการฟังจนพารานอยด์กันเสียเปล่า สไตล์เพลงชุดนี้แรงไม่เกรงใจตลาดเลยทีเดียว ซึ่งแตกต่างจากสองซิงเกิ้ลล่าสุด The Hills และ Can't Feel My Face ถ้าคุณได้ลองฟังอัลบั้มชุดนี้ คุณจะมองว่าสองเพลงนี้เด็กๆไปเลยครับ
รีวิวครั้งนี้ของผมจะเป็นการผ่าแพ็คเกจอัลบั้มเอามาให้ดูกันด้วย ซึ่งผมชอบแพ็คเกจอัลบั้มชุดนี้มากเหมือนเค้าใส่ใจรายละเอียดดี มันมีข้อมูลเชิงลึกมากพอสมควร ทำให้เห็นภาพคอนเซปต์มากขึ้น ไม่ใช่ศิลปินบางรายที่สักแต่ใส่ชื่อเครดิต ถ่ายแบบเก็กหล่ออวดเท่บนหน้าปกก็เท่านั้น สำหรับ Abel นั้นไม่ใช่ ถึงแม้ว่าตัวเพลงจะว่าด้วยเรื่องไม่ดีผิดศีลธรรมแต่ถ้าแพ็คเกจดีขนาดนี้ผมเองก็เกลียดไม่ลงหรอกฮับ
แค่ดึงแผ่นออกมาผมก็ประทับใจแล้ว (ประทับใจตรงไหนว่ะจขกท.) ตรงที่เค้าใส่ใจรายละเอียดเนี่ยแหละคร้าบอย่างที่ผมเคยบอกไว้ ลองสังเกตดู ดึงออกมาปุ๊บก็เห็นแถบสีทันทีเป็นเทาดำ ซึ่ง Abel ต้องการจะสื่อถึงตัวแทนของด้านมืดของมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด ถ้าคุณได้ฟังเพลงของ The Weeknd คุณจะเห็นภาพได้ชัดมากๆครับ มันเต็มไปเหล้า ยา เซ็กส์ ราคะ เรื่องบาปๆทั้งน้าน แม้แต่แผ่นซีดีพี่แกก็ใส่สัญลักษณ์ที่เป็นคอนเซปต์ของอัลบั้มไว้บนแผ่นด้วย Oh ผมนี่ยกนิ้วให้เลย
ส่วนภาพหน้าปกชุดนี้แน่นอนครับว่า เมื่อคืนหนักไปหน่อยสำหรับผู้หญิงคนนี้ เมาหัวราน้ำนอนลงอ่างเลยเชียว ตัวลูกโป่งนั้นไม่ได้มีไว้ประดับประดาไว้พร่ำเพรื่อ มันเป็นการสื่อคอนเซปต์ของอัลบั้มชุดนี้ต่างหาก ซึ่งเป็นสีเดียวกับไอ้แถบสีที่ผมได้บอกไว้เมื่อซักครู่ แน่นอนครับว่าชุดนี้ต้องดาร์กจัดเต็มแน่นอน
High For This แทร็คเปิด House Of Balloons ที่มาพร้อมกับริทึ่มหลอนๆชวนลึกลับอยู่ไม่น้อย High For This เป็น Double Meaning ฮับ อย่างแรกคือ มีอะไรกับพี่บนเตียง อีกอย่างคือ Abel ตั้งใจจะสื่อให้คนฟังว่า เตรียมพบกับประสบการณ์ฟังเพลงที่คุณจะต้องรู้สึก High กับเพลงของ Abel อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั่นเอง (อันนี้ดูจาก Genius.com มา)
What You Need ริทึ่มโคตรโดน Dream Pop ฟังแล้วชวนเคลิ้มสุดๆแบบที่ผมไม่เคยฟังมาก่อน แทร็คนี้ผมชอบเปิดซ้ำครับ บอกเลยว่าอย่าข้าม ต่อด้วย Title Track อย่าง House Of Balloons/Glass Table Girl เพลงจังหวะดิบๆ แทร็คติด Explicit แทร็คแรกที่แรงและน่ากลัวด้วย มันทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนเลยล่ะ ปาร์ตี้ในสไตล์ของ Abel มันไม่ใช่มานั่งดื่มเป็บซี่ กินอาหารบุ๊ปเฟ่ต์ กินขนมหวาน เล่นเก้าอี้ดนตรี แล้วจบๆกัน แต่สำหรับ Abel เราจะได้เห็นคนนั่งสูดผงขาว สูบกัญชาควันโขมง หรือแม้กระทั่งเห็นคนซั่มกันแบบไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น ดาร์กสุดๆครับ บีทอาจจะยังไม่แหล่มในช่วงแรก แต่พอเข้าถึงพาร์ทต่อไปอย่าง Glass Table Girl ตบด้วย Dubstepก็พอมีอะไรแหล่มๆบ้าง บวกกับการแร็พอันเนือยๆของ Abel อย่างไรก็แล้วแต่แทร็คนี้ก็ยังไม่ดีที่สุดอยู่ดี
The Morning ถึงชื่อเพลงจะออกแนวสว่าง แต่ตัวเพลงก็ไม่สว่างซะทีเดียวออกไปในทางขาวกับดำมากกว่า บีทเสียงอู๊ดๆประกอบเพลงกันไป ฟังเพลินๆก่อนที่จะถึงซิงเกิ้ลที่หลายคนรอคอย Wicked Game เสียงกีตาร์ไฟฟ้า ประกอบกับเสียงอันแหลมของ Abel ช่างจี๊ดสะท้านใจซะเหลือเกิน ใครฟังครั้งแรกก็สะใจกันถ้วนหน้าครับ และท่อนที่ร้องว่า Bring the love baby I will bring you drank, Bring the drug Baby I will bring you pain กลายเป็นท่อนที่ติดหูผมแล้วเรียบร้อย ยังพอจับสาระได้หน่อย
The Party/After Party เพลงฟังสบายๆแต่เนื้อหา เอิ่มก็ยังคงดื่ม ซู้ด เซกส์กันต่อเช่นเคยไปจนเช้า เฮ้อออ เพลงโคตรยาวออกแนวยืดไปหน่อย Coming Down อันนี้กูก็กำลังหลอนยาซะเต็มที่เลย แต่เสียงพี่แกบวกกับริทึ่มของเพลงก็หลอนอยู่ในหัวผมแบบไม่รู้ตัวด้วย เจ๋งฮะ ฟังแล้วติดเลย
The Loft ผมชอบแซมเปิ้ลเพลงนี้มากเลย มันดูน่ารักดี จังหวะTrip hop ชวนโยกอยู่ไม่น้อย แต่ตอนท้ายดันโหยหวนนานไปหน่อย ผมก็เข้าใจนะว่าพี่แกพยายามจะให้เชื่อมกับเพลงต่อไปอย่าง The Knowing แทร็คนี้ถูกใจแฟนเพลง The Weeknd พอสมควรครับรวมถึงผมด้วย เป็นเพลงที่Abel ใส่อารมณ์ได้สะใจมากๆ ดนตรีก็ดึงเพลงจริงๆ มันทำให้เพลงนี้พีคจริงๆ เนื้อหาก็โอเคหน่อย กรูรู้นะว่ามีชู้ แค่นั้น น่าจะถูกใจ
และแล้วก็มาถึงแทร็คที่ผู้อ่านรอคอยอย่าง Twenty Eight[/color] แทร็คนี้มาแบบเงียบแล้วค่อยๆจี๊ดนิดๆ โดยเฉพาะเสียงของ Abel ทำผมจั๊กกะจี้ซะเหลือเกิน เสียงเฮียแอบหมือน Michael Jackson เวอร์ชั่นหม้อสาว แทบจะเป็นเงาเสียงเลยด้วยซ้ำ ส่วนเอ็มวีล่ะก็เตรียมเลือดกำเดาไหลเลยล่ะ 555 ถ้าใครได้ดูแล้ว เข้าใจตรงกันนะว่าผมหมายถึงอะไร
สำหรับ House Of Balloons นั้นถือว่าผ่านมาตรฐาน มีเพลงติดหูเยอะ ใช้แซมเปิ้ลประกอบเพลงได้ดี มีความเย้ายวนอยู่ไม่น้อย แต่จุดเสียมันอยู่ตรงที่เพลงยาวนี่แหละครับที่ใช้ได้ไม่คุ้มค่าซะเท่าไหร่ ออกแนวเหมือนไม่มีอะไรจะทำเลยทำให้ตัวเพลงยังไม่ได้ใส่ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ จะเห็นได้ว่า House Of Balloons ชุดนี้สื่อถึงด้านมืดของงานปาร์ตี้ที่มันเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมที่อันตรายและยุ่งเหยิงของปาร์ตี้ที่หลายๆคนอยากไปนักไปหนา แต่หาความสุขอะไรไม่ได้จากงานๆนั้น ก็ไม่ต่างกับผู้หญิงสภาพเปลือยที่นอนอยู่ในอ่างน้ำตามหน้าปกอัลบั้ม เห็นแล้วก็ออกแนวสยองมากกว่าสนุกสนานนะฮับ ผมเชื่อว่าถ้าใครรับไม่ได้กับเพลงที่ว่าด้วยเรื่องพวกนี้ล่ะก็อาจจะเกลียดชุดนี้ไปโดยปริยายครับ (อยากจะบอกว่านี่เพิ่งเริ่มต้น 555)
ถ้าเปรียบเปรยงานชุดนี้กับหนัง หนังเรื่องนี้ก็คงเป็นหนังฟิล์มนัวร์ที่เต็มไปด้วยเรื่องพรรค์นั้นนั่นเอง
Top Track : Wicked Game , The Knowing , Twenty Eight , What You Need and The Loft
Give (8/10) (Dark,Thriller,Temptation and Lustful)
อีกซักครู่ รีวิวอีกสองแผ่นจะตามมา
FB: https://www.facebook.com/fungpaifungma