เก็บดีเอ็นเอแฝงบนแบงก์ เงินที่คนร้ายจ่ายให้ตุ๊กตุ๊ก
http://www.dailynews.co.th/crime/343360
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2558 เวลา 1:00 น.
ตำรวจได้หลักฐานแบงก์ 20 บาท จากคนร้ายวางบึ้มศาลพระพรหมที่ให้ค่าตอบแทนรถตุ๊กตุ๊กที่มาส่ง โร่เก็บดีเอ็นเอทันควัน หวังเป็นหลักฐานมัดตัว ขณะที่ชุดสืบสวนปูพรมหาเส้นทางกบดาน-หลบหนีในย่านสาทรไปจนถึงยานนาวา
จากกรณีคนร้ายก่อเหตุลอบวางระเบิด ศาลพระพรหมเอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ จนเป็นเหตุให้มีชาวไทยและชาวต่างชาติเสียชีวิตหลายราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สืบสวนจนพบ ภาพผู้ต้องสงสัยเป็นชายคล้ายชาวต่างชาติ วางเป้บรรจุระเบิดแสวงเครื่องหนักเกือบ3 กก.ไว้ที่ม้านั่งหินตรงจุดเกิดเหตุ แล้วเดินไปขึ้นรถ จยย.รับจ้างหลบหนี เบื้องต้นอยู่ระหว่างเร่งตามหาตัว โดยหน่วยงานด้านการข่าวยังไม่สรุปว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องใดทั้งประเด็นการเมืองในและต่างประเทศ ต่อมา ช่วงบ่ายวันที่18ส.ค.เกิดเหตุระเบิดซ้ำอีก บริเวณสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินลงสู่เป้าหมายโป๊ะท่าเรือสาทร โชคดีไม่มีความสูญเสีย เนื่องจากระเบิดพลาดเป้าตกแม่น้ำเจ้าพระยาเสียก่อน ตำรวจสรุปว่าทั้ง2เหตุการณ์น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ดังที่ปรากฏเป็นข่าวมาแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่22ส.ค. มีรายงานข่าวแจ้งว่า ชุดคลี่คลายคดีได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ ตามเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ และ ตามคำให้การของพยานที่เห็นเหตุการณ์ ว่าพบคนร้ายมาเรียกรถสามล้อที่สถานีรถไฟหัวลำโพง โดยไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และเส้นทางของคนร้ายเดินทางมาจากที่ไหน หรือเดินทางมากับรถไฟต้นสายจากจังหวัดอะไร เพื่อตรวจหาสถานที่พักของผู้ต้องสงสัยเป็นเบาะแสติดตามตัวคนร้าย อย่างไรก็ตามรายงานข่าวแจ้งว่าชุดสืบสวนเร่งปูพรมค้นหาเบาะแสตามโรงแรม ที่พักต่างๆในถนนเยาวราช โดยนำรูปถ่ายของคนร้ายไปตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังลงพื้นที่ตรวจสอบโรงกลึงในละแวกหัวลำโพง ย่านปทุมวัน และบริเวณใกล้เคียง เพื่อสอบถามว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายมีการนำท่อมาให้โรงกลึง ทำการกลึงหรือไม่ หลังผู้เชี่ยวชาญระบุว่าชิ้นส่วนวัสดุที่ใช้ประกอบระเบิดที่ราชประสงค์และที่ท่าเรือสาทร เป็นไปร์ทบอมส์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง3นิ้ว มีฝาปิดขนาด4นิ้ว และไม่มีขายในไทย รวมทั้งฝาที่ปิดน่าจะผ่านการกลึงมา ล่าสุดทีมสืบสวยพบเบาะแสว่าในละแวกที่เกิดเหตุมีโรงกลึงอยู่หนึ่งร้านในย่านปทุมวัน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบนอกจากนี้ยังพบข้อมูล มีพยานแวดล้อมเป็นวินจักรยานยนต์ย่านสาทร ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุพบชายลักษณะต้องสงสัยใกล้เคียงกับคนร้ายที่ก่อเหตุที่ราชประสงศ์ มาใช้บริการรถจยย. ที่วินย่านสาทร รวมทั้งในคืนวันเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเซลฟี่ และติดภาพคนร้ายด้วย ทั้งนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามพยานปากสำคัญมาให้การเพื่อความชัดเจนต่อไป
ทั้งนี้ทีมสืบสวนเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุที่ราชประสงค์และที่ท่าเรือสาทร น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากชุดคลี่คลายคดีพบกล้องวงจรปิดสามารถที่จับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุที่ราชประสงค์นั่งโดยสารรถแท็กซี่ เขียวเหลือง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจากย่านยานนาวา โดยกล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่า รถแท็กซี่คันดังกล่าวขับผ่าน 5 แยกหัวลำโพง วิ่งเส้นเรียบคลองผดุง ก่อนที่คนร้ายลงจากรถ บริเวณ สน.นพวงศ์ จากนั้นก็เดินเลาะคลองมาย้อนมา 120 ม. ทำทีเดินขึ้นไปตรงสะพาน ก่อนที่จะมาเรียกรถสามล้อคันแรกให้ไปส่งที่ราชประสงศ์ แต่โซเฟอร์ปฏิเสธอ้างว่ารถติด ก่อนที่จะเรียกคันที่สองให้ไปส่งที่บริเวณ รร.เอราวัณเพื่อก่อเหตุ ซึ่งสอดคล้องกับจุดที่ท่าเรือสาทร มีพื้นที่ใกล้เคียง ถนนยานาวา ทำให้ชุดสืบสวนไม่ตัดประเด็นนี้ ว่าคนร้ายอาจจะกบดานอยู่ที่บริเวณสาทร-ยานนาวา ทั้งนี้ได้เร่งปูพรมทุกจุดที่คาดว่าเป็นแหล่งที่คนร้ายกบดาน ทั้งสาทร ยานนาวา เจริญกรุง หัวลำโพง เยาวราช บางรัก สุรวงศ์ เป็นต้น
ในส่วนของแนวทางการสืบสวนสันนิษฐานว่า คนร้ายเข้ามาประเทศไทย ผ่านพื้นที่ จ.เชียงรายก่อนที่จะลัดเลาะตะเข็บชายแดน มายัง จังหวัดสระแก้ว ก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเส้นทางของกลุ่มอุยกูร์ เพื่อก่อเหตุทั้งนี้เบื้องต้นสันนิษฐานว่าหลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีโดยใช้เส้นทางลงใต้ก่อนที่ลัดเลาะแนวตะเข็บชายแดน ออกไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งทั้งนี้ได้ประสานไปยังทุกด่านพรมแดน และผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ โดยคาดว่า ยังมีผู้ร่วมขบวนการแฝงตัว หลงเหลืออยู่แต่ยังไม่ได้ก่อเหตุสำหรับปมการก่อเหตุนั้น ทีมสืบสวนได้ตรวจสอบในหลายประเด็นต้องสงสัย กระทั่งพบข้อมูลทางการข่าวว่าการก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะมีการทำเป็นลักษณะขบวนการ โดยมีผู้ก่อเหตุ และผู้ให้การสนับสนุน ซึ่งในส่วนผู้ก่อเหตุนั้น คาดว่าเป็นต่างชาติที่ลักลอบหลบหนีเข้ามา ในส่วนผู้สนับสนุนนั้นเชื่อว่ามีทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างไรก็ตามขณะนี้ทีมสืบสวนได้ตรวจสอบไปยังพื้นที่ที่มีคนจีนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่นพื้นที่พลับพลาไชยเนื่องจากการข่าวพบว่าพื้นที่ดังกล่าว มีกลุ่มที่มีความเห็นต่างในความคิดและคลั่งศาสนา และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพื่อความชัดเจน
ขณะเดียวกันในส่วนของชุดสืบสวนตำรวจนครบาล ได้ทำการตรวจสอบพยานวัตถุในที่เกิดเหตุ ทำให้เชื่อได้ว่า เหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม กับระเบิดที่สะพานสาทรน่าจะเป็นระเบิดชนิดเดียวกัน นั้นคือทีเอ็นที เนื่องจากพบชิ้นส่วนจากที่เกิดเหตุทั้ง 2 แห่ง เหมือนกัน โดยใช้วัสดุ ท่อแป๊บ และลูกปรายจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการประกอบระเบิดน่าจะมีมากกว่านั้น เมื่อทำการตรวจสอบพบแล้ว ก็ไม่เคยมีการก่อเหตุระเบิดแบบนี้มาก่อนในประเทศไทย จึงน่าเชื่อว่าเป็นวิธีประกอบระเบิดของต่างประเทศ
ทั้งนี้แนวทางการสืบสวนพบข้อมูลเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา มีชาวต่างชาติ ได้เข้ามาสอนการประกอบระเบิดทีเอ็นทีในประเทศไทย โดยระเบิดชนิดดังกล่าว จะมีน้ำหนักมากทำให้มีอานุภาพทำลายล้างสูง อย่างไรก็ตามชายคนดังกล่าวมีความมีความเชื่อมโยงกับคดีชาวอิหร่านวางระเบิดที่ซอยสขุมวิท 71 เมื่อปี 2555 โดยได้มีการขยายผลจับกุมได้ที่อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในจ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางวัสดุประกอบระเบิด เช่น แอมโมเนียมไนเตรท 4,380 กก. ซึ่งชายคนดังกล่าวได้มาเช่าอาคารแห่งนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 53 เพื่อเก็บสะสมอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการก่อเหตุวันที่ 14 ก.พ.55
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ระเบิดทีเอ็นทีสามารถจุดชนวนได้ 2 แบบ คือแบบฝักแค ที่สามารถตั้งเวลาได้ 12-16 ชั่วโมง กับแบบต่อด้วยวงจรไฟฟ้า ที่อยู่ได้อย่างน้อย 4 วัน ดังนั้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ต้องไล่กล้องวงจรปิดย้อนกลับไปก่อนเกิดเหตุอย่างน้อย 4 วัน เพื่อดูว่ามีบุคคลใดที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยจะเป็นคนร้ายบ้าง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการระเบิดที่สะพานสาทรนั้นคนร้ายจงใจจะให้ระเบิดทำงานในวันที่ 18 ส.ค. เวลาช่วงบ่ายตามที่ระเบิดจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการนำระเบิดมาทิ้งเพื่อทำลายหลักฐานหลังก่อเหตุที่ศาลท้าวมหาพรหมสำเร็จแล้ว แต่ประเด็นที่ตำรวจมั่นใจคือ จุดประสงค์การระเบิดที่สะพานสาทรนั้น คนร้ายไม่ได้มีเจตนาจะให้มีคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพราะคนร้ายได้ใช้เท้าเขี่ยระเบิดทิ้งคลอง ซึ่งต้องทราบดีอยู่แล้วว่าการที่หล่นลงไปในน้ำจะทำให้อานุภาพการทำลายของระเบิดลดน้อยลง
นอกจากนี้ทางชุดสืบสวนได้หลักฐานของคนร้ายเพิ่มเติม เป็นธนบัตรใบละ 20 บาท ซึ่งคนร้ายใช้ชำระเงินค่ารถให้กับคนขับรถตุ๊กตุ๊กที่มาจากหัวลำโพง รวมอยู่ในเงินจำนวน 200 บาท เป็นค่ารถ ส่วนธนบัตรใบละ 100 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวนเงินที่ชำระค่ารถ คนขับรถตุ๊กตุ๊กได้ใช้จ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว จึงเหลือแต่ธนบัตรใบละ 20 บาท ที่คนขับรถตุ๊กตุ๊กนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน เพื่อส่งตรวจสอบเพื่อหาดีเอ็นเอของคนร้ายต่อไป.
เก็บดีเอ็นเอแฝงบนแบงก์ เงินที่คนร้ายจ่ายให้ตุ๊กตุ๊ก
http://www.dailynews.co.th/crime/343360
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2558 เวลา 1:00 น.
ตำรวจได้หลักฐานแบงก์ 20 บาท จากคนร้ายวางบึ้มศาลพระพรหมที่ให้ค่าตอบแทนรถตุ๊กตุ๊กที่มาส่ง โร่เก็บดีเอ็นเอทันควัน หวังเป็นหลักฐานมัดตัว ขณะที่ชุดสืบสวนปูพรมหาเส้นทางกบดาน-หลบหนีในย่านสาทรไปจนถึงยานนาวา
จากกรณีคนร้ายก่อเหตุลอบวางระเบิด ศาลพระพรหมเอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ จนเป็นเหตุให้มีชาวไทยและชาวต่างชาติเสียชีวิตหลายราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สืบสวนจนพบ ภาพผู้ต้องสงสัยเป็นชายคล้ายชาวต่างชาติ วางเป้บรรจุระเบิดแสวงเครื่องหนักเกือบ3 กก.ไว้ที่ม้านั่งหินตรงจุดเกิดเหตุ แล้วเดินไปขึ้นรถ จยย.รับจ้างหลบหนี เบื้องต้นอยู่ระหว่างเร่งตามหาตัว โดยหน่วยงานด้านการข่าวยังไม่สรุปว่าสาเหตุเกิดจากเรื่องใดทั้งประเด็นการเมืองในและต่างประเทศ ต่อมา ช่วงบ่ายวันที่18ส.ค.เกิดเหตุระเบิดซ้ำอีก บริเวณสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินลงสู่เป้าหมายโป๊ะท่าเรือสาทร โชคดีไม่มีความสูญเสีย เนื่องจากระเบิดพลาดเป้าตกแม่น้ำเจ้าพระยาเสียก่อน ตำรวจสรุปว่าทั้ง2เหตุการณ์น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ดังที่ปรากฏเป็นข่าวมาแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่22ส.ค. มีรายงานข่าวแจ้งว่า ชุดคลี่คลายคดีได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ ตามเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ และ ตามคำให้การของพยานที่เห็นเหตุการณ์ ว่าพบคนร้ายมาเรียกรถสามล้อที่สถานีรถไฟหัวลำโพง โดยไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และเส้นทางของคนร้ายเดินทางมาจากที่ไหน หรือเดินทางมากับรถไฟต้นสายจากจังหวัดอะไร เพื่อตรวจหาสถานที่พักของผู้ต้องสงสัยเป็นเบาะแสติดตามตัวคนร้าย อย่างไรก็ตามรายงานข่าวแจ้งว่าชุดสืบสวนเร่งปูพรมค้นหาเบาะแสตามโรงแรม ที่พักต่างๆในถนนเยาวราช โดยนำรูปถ่ายของคนร้ายไปตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังลงพื้นที่ตรวจสอบโรงกลึงในละแวกหัวลำโพง ย่านปทุมวัน และบริเวณใกล้เคียง เพื่อสอบถามว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายมีการนำท่อมาให้โรงกลึง ทำการกลึงหรือไม่ หลังผู้เชี่ยวชาญระบุว่าชิ้นส่วนวัสดุที่ใช้ประกอบระเบิดที่ราชประสงค์และที่ท่าเรือสาทร เป็นไปร์ทบอมส์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง3นิ้ว มีฝาปิดขนาด4นิ้ว และไม่มีขายในไทย รวมทั้งฝาที่ปิดน่าจะผ่านการกลึงมา ล่าสุดทีมสืบสวยพบเบาะแสว่าในละแวกที่เกิดเหตุมีโรงกลึงอยู่หนึ่งร้านในย่านปทุมวัน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบนอกจากนี้ยังพบข้อมูล มีพยานแวดล้อมเป็นวินจักรยานยนต์ย่านสาทร ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุพบชายลักษณะต้องสงสัยใกล้เคียงกับคนร้ายที่ก่อเหตุที่ราชประสงศ์ มาใช้บริการรถจยย. ที่วินย่านสาทร รวมทั้งในคืนวันเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเซลฟี่ และติดภาพคนร้ายด้วย ทั้งนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามพยานปากสำคัญมาให้การเพื่อความชัดเจนต่อไป
ทั้งนี้ทีมสืบสวนเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุที่ราชประสงค์และที่ท่าเรือสาทร น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากชุดคลี่คลายคดีพบกล้องวงจรปิดสามารถที่จับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุที่ราชประสงค์นั่งโดยสารรถแท็กซี่ เขียวเหลือง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจากย่านยานนาวา โดยกล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่า รถแท็กซี่คันดังกล่าวขับผ่าน 5 แยกหัวลำโพง วิ่งเส้นเรียบคลองผดุง ก่อนที่คนร้ายลงจากรถ บริเวณ สน.นพวงศ์ จากนั้นก็เดินเลาะคลองมาย้อนมา 120 ม. ทำทีเดินขึ้นไปตรงสะพาน ก่อนที่จะมาเรียกรถสามล้อคันแรกให้ไปส่งที่ราชประสงศ์ แต่โซเฟอร์ปฏิเสธอ้างว่ารถติด ก่อนที่จะเรียกคันที่สองให้ไปส่งที่บริเวณ รร.เอราวัณเพื่อก่อเหตุ ซึ่งสอดคล้องกับจุดที่ท่าเรือสาทร มีพื้นที่ใกล้เคียง ถนนยานาวา ทำให้ชุดสืบสวนไม่ตัดประเด็นนี้ ว่าคนร้ายอาจจะกบดานอยู่ที่บริเวณสาทร-ยานนาวา ทั้งนี้ได้เร่งปูพรมทุกจุดที่คาดว่าเป็นแหล่งที่คนร้ายกบดาน ทั้งสาทร ยานนาวา เจริญกรุง หัวลำโพง เยาวราช บางรัก สุรวงศ์ เป็นต้น
ในส่วนของแนวทางการสืบสวนสันนิษฐานว่า คนร้ายเข้ามาประเทศไทย ผ่านพื้นที่ จ.เชียงรายก่อนที่จะลัดเลาะตะเข็บชายแดน มายัง จังหวัดสระแก้ว ก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเส้นทางของกลุ่มอุยกูร์ เพื่อก่อเหตุทั้งนี้เบื้องต้นสันนิษฐานว่าหลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีโดยใช้เส้นทางลงใต้ก่อนที่ลัดเลาะแนวตะเข็บชายแดน ออกไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งทั้งนี้ได้ประสานไปยังทุกด่านพรมแดน และผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ โดยคาดว่า ยังมีผู้ร่วมขบวนการแฝงตัว หลงเหลืออยู่แต่ยังไม่ได้ก่อเหตุสำหรับปมการก่อเหตุนั้น ทีมสืบสวนได้ตรวจสอบในหลายประเด็นต้องสงสัย กระทั่งพบข้อมูลทางการข่าวว่าการก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะมีการทำเป็นลักษณะขบวนการ โดยมีผู้ก่อเหตุ และผู้ให้การสนับสนุน ซึ่งในส่วนผู้ก่อเหตุนั้น คาดว่าเป็นต่างชาติที่ลักลอบหลบหนีเข้ามา ในส่วนผู้สนับสนุนนั้นเชื่อว่ามีทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างไรก็ตามขณะนี้ทีมสืบสวนได้ตรวจสอบไปยังพื้นที่ที่มีคนจีนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่นพื้นที่พลับพลาไชยเนื่องจากการข่าวพบว่าพื้นที่ดังกล่าว มีกลุ่มที่มีความเห็นต่างในความคิดและคลั่งศาสนา และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพื่อความชัดเจน
ขณะเดียวกันในส่วนของชุดสืบสวนตำรวจนครบาล ได้ทำการตรวจสอบพยานวัตถุในที่เกิดเหตุ ทำให้เชื่อได้ว่า เหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม กับระเบิดที่สะพานสาทรน่าจะเป็นระเบิดชนิดเดียวกัน นั้นคือทีเอ็นที เนื่องจากพบชิ้นส่วนจากที่เกิดเหตุทั้ง 2 แห่ง เหมือนกัน โดยใช้วัสดุ ท่อแป๊บ และลูกปรายจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการประกอบระเบิดน่าจะมีมากกว่านั้น เมื่อทำการตรวจสอบพบแล้ว ก็ไม่เคยมีการก่อเหตุระเบิดแบบนี้มาก่อนในประเทศไทย จึงน่าเชื่อว่าเป็นวิธีประกอบระเบิดของต่างประเทศ
ทั้งนี้แนวทางการสืบสวนพบข้อมูลเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา มีชาวต่างชาติ ได้เข้ามาสอนการประกอบระเบิดทีเอ็นทีในประเทศไทย โดยระเบิดชนิดดังกล่าว จะมีน้ำหนักมากทำให้มีอานุภาพทำลายล้างสูง อย่างไรก็ตามชายคนดังกล่าวมีความมีความเชื่อมโยงกับคดีชาวอิหร่านวางระเบิดที่ซอยสขุมวิท 71 เมื่อปี 2555 โดยได้มีการขยายผลจับกุมได้ที่อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในจ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางวัสดุประกอบระเบิด เช่น แอมโมเนียมไนเตรท 4,380 กก. ซึ่งชายคนดังกล่าวได้มาเช่าอาคารแห่งนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 53 เพื่อเก็บสะสมอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการก่อเหตุวันที่ 14 ก.พ.55
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ระเบิดทีเอ็นทีสามารถจุดชนวนได้ 2 แบบ คือแบบฝักแค ที่สามารถตั้งเวลาได้ 12-16 ชั่วโมง กับแบบต่อด้วยวงจรไฟฟ้า ที่อยู่ได้อย่างน้อย 4 วัน ดังนั้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ต้องไล่กล้องวงจรปิดย้อนกลับไปก่อนเกิดเหตุอย่างน้อย 4 วัน เพื่อดูว่ามีบุคคลใดที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยจะเป็นคนร้ายบ้าง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการระเบิดที่สะพานสาทรนั้นคนร้ายจงใจจะให้ระเบิดทำงานในวันที่ 18 ส.ค. เวลาช่วงบ่ายตามที่ระเบิดจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการนำระเบิดมาทิ้งเพื่อทำลายหลักฐานหลังก่อเหตุที่ศาลท้าวมหาพรหมสำเร็จแล้ว แต่ประเด็นที่ตำรวจมั่นใจคือ จุดประสงค์การระเบิดที่สะพานสาทรนั้น คนร้ายไม่ได้มีเจตนาจะให้มีคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพราะคนร้ายได้ใช้เท้าเขี่ยระเบิดทิ้งคลอง ซึ่งต้องทราบดีอยู่แล้วว่าการที่หล่นลงไปในน้ำจะทำให้อานุภาพการทำลายของระเบิดลดน้อยลง
นอกจากนี้ทางชุดสืบสวนได้หลักฐานของคนร้ายเพิ่มเติม เป็นธนบัตรใบละ 20 บาท ซึ่งคนร้ายใช้ชำระเงินค่ารถให้กับคนขับรถตุ๊กตุ๊กที่มาจากหัวลำโพง รวมอยู่ในเงินจำนวน 200 บาท เป็นค่ารถ ส่วนธนบัตรใบละ 100 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวนเงินที่ชำระค่ารถ คนขับรถตุ๊กตุ๊กได้ใช้จ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว จึงเหลือแต่ธนบัตรใบละ 20 บาท ที่คนขับรถตุ๊กตุ๊กนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน เพื่อส่งตรวจสอบเพื่อหาดีเอ็นเอของคนร้ายต่อไป.