แผนกที่เราทำอยู่นี้ ถ้าทำได้ดีสร้างรายได้ไม่จำกัดให้องค์กรได้เลย ในแผนกคือเราคนเดียวนะ ตั้งแต่หาข้อมูล รวบรวม อ่าน สรุป วิเคราะห์ ลงมือทำ และทุกอย่างต้องมีหลักการ มีเหตุผลรองรับ ต้องแตกรายละเอียด งานสำเร็จต้องหน้าตาสวยด้วย ต้องดีในแบบที่ดีกว่ารายอื่นด้วย เพราะในตลาดมีธุรกิจแบบเรานับพัน
ในหน่วยงาน คนตัดสินใจงานเราประสบการณ์ล้ำเหลือและคาดหวังสูงส่ง มีทัศนคติให้โอกาส แต่แบบ สูงส่งมาก ดังนั้น จึงคาดหวังทุกอย่างสูงส่ง เช่น พูดเสมอ แม้แต่กับเด็กเพิ่งจบที่เข้ามาใหม่ ว่า วันหนึ่งต้องเป็นได้ถึง Director เพราะเค้ายังทำได้ ทำได้มากกว่า Director ด้วยว่างั้นเถอะ คือ ถ้ามองด้านตำแหน่งงาน เค้าประสบความสำเร็จสุดยอดในฐานะมนุษย์เงินเดือนเลยหละ ไม่มีใครกล้าค้าน หรือออกความคิดเห็นใดๆ แต่ เรื่องจริงที่เด็กๆ คุยกับเราคือ น้อยคนนะพี่ที่จะเป็นได้
เราทำงานในส่วนที่เค้าทำมาตลอดชีวิต แน่นอนว่าความลึกล้ำ เราก็ไม่มีทางสู้เค้าได้แน่นอน แต่พอมีเรา เราต้องคิดเองทุกอย่าง ข้อมูลเดียวกัน วิเคราะห์ และคิดงานได้หลายประเด็น เพราะเป็นงานไอเดียนะ ที่ความสำคัญคือ ต้องวิน สุดท้ายมุ่งหวังให้เป็นไวรัล ต้องเกิดผลอย่างวัดได้จริง เช่น จะได้คนเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์ภายในช่วงเวลาทำงาน ใช่ในแง่ของแผนก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่เค้าเองก็พูดเสมอว่า งานโฆษณาไม่สามารถการันตียอดขายได้หรอก ฟอร์คาสท์น่ะทำได้ ทำจริงไปแล้วปรับปรุงแผนน่ะทำได้ แต่ถ้าแบบจ่ายค่าโฆษณาเท่านี้ จะขายของได้สิบชิ้นแน่ๆ
อย่างนั้นในวงการขายบางประเภท เช่น ขายรถ เป็นไปได้ด้วยการไม่ให้เงินเดือน ให้ค่าคอมเมื่อขายได้ ดังนั้นธุรกิจแบบนี้จึงจ้างคนได้มาก เพราะไม่มีเงินเดือนให้ไง รายจ่ายค่าคอมที่เจ้าของธุรกิจจะจ่ายก็ต่อเมื่อเกิดการขายจริง ซึ่งก็หมายความว่าได้กำไรแล้ว ถ้าคิดว่าคนขาย 3 คนทำงานได้ไม่ดีพอ ก็หาคนเพิ่มได้ไง เพราะไม่ต้องแบกต้นทุนเงินเดือน จะเพิ่มอีกเป็น 10 ยังได้ บางที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศเลยด้วย ตราบใดที่ขายได้
ทีนี้ งานนี้เค้ารับงานจากลูกค้าเอง แต่คนลงมือทำน่ะเรา เค้าไกด์บ้าง แต่สมมติว่า 10 หัวข้อใหญ่ เค้าตั้งเป้าไว้ 2 ประเด็น เราจะไปหาอะไรมารองรับสนับสนุนแผนงานให่น่าเชื่อถือก็แล้วแต่เรา จะคิดอะไรก็ตามให้มุ่งไปตามที่เค้าตั้งไว้เป็นใช้ได้ ทีนี้แผนนี้คือแผน 1 ปี อือ....ที่ต้องการเจาะรายละเอียด เพราะลูกค้าไม่ค่อยมีความถนัดด้านนี้เลย ดังนั้นต้องเจาะรายละเอียด ให้เห็นภาพชัดเจนที่สุด
หัวหน้าเรา ที่คอมเม้นท์งานเรานี่แหละ ก็พูดว่า ต้องทำ ต้องได้ แต่ถ้าทำไปแล้ว เค้าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องโชว์กึ่น ต้อง....เยอะอ่ะ ใช่ถูก และตบท้ายว่า ทำไม วันที่เค้าเข้าไปพบลูกค้าเอง ทำไมลูกค้าออกปากว่า ที่เค้าพูดน่ะใช่เลย ใช่ๆๆๆ เฮ้อ....
จากสถานการณ์ เรากลัวว่า หากแย่ที่สุด เราจะตกงานไหม ถ้าเค้าคิดว่าที่เราทำไปไม่ดีพอ เพราะเค้าก็พูดเสมอว่า เค้ายกหูโทรศัพท์บอกลูกน้องเก่าที่มืออาชีพ สายตรงมารับงานเมื่อไหร่ก็ได้ (นั่นสิ ทำไมไม่ทำ คงติดเรื่องเงินเดือนสูงนั่นแหละ)
คือ อย่างเช่น เราคิดให้ใช้สื่อแบบนิตยสารด้วย เค้าก็ไม่เอา ทำไมทำงี้ ตัดออกหมด พร้อมร่ายยาวเหตุผลอีก 15 นาที (ที่จริงเราก็รู้อย่างที่เค้าพูดแหละ แต่เรามีเหตุผลสนับสุนนว่าทำไมถึงเลือกใช้ และ ใน 1 ปี ก็วางไว้ให้ใช้เป็นครั้งๆ ตามความสำคัญ) โดยไม่ฟังว่าเราจะให้เหตุผลอะไรว่าทำไมต้องเลือกสื่อนี้ ใช่เราอาจคิดผิดก็ได้ เอาเหอะนะ รายละเอียดเยอะจริง...
กลัวตกงาน ไม่ใช่ไรหรอก เราออกจากงานที่มั่นคง เงินเดือนพอสมควร ไม่น้อยหน้าที่นี่ แต่งานไม่สนุกแล้ว ไม่แอคทีฟ อะไรงั้น รวมๆ ก็ไม่มีไรผิด เรียกว่าถ้าอยู่ที่เดิมเราก็อยู่ได้ตลอดชีวิตน่ะแหละ อือ..ก็ดิ้นรนอยากทำงานที่ได้ความรู้ในสิ่งที่รักอ่ะนะ ก็.....
ถ้าทีมขายงานนี้ไม่ผ่าน เราจะถึงขั้นตกงานไหมนี่ ไม่รู้จริงๆ
ในหน่วยงาน คนตัดสินใจงานเราประสบการณ์ล้ำเหลือและคาดหวังสูงส่ง มีทัศนคติให้โอกาส แต่แบบ สูงส่งมาก ดังนั้น จึงคาดหวังทุกอย่างสูงส่ง เช่น พูดเสมอ แม้แต่กับเด็กเพิ่งจบที่เข้ามาใหม่ ว่า วันหนึ่งต้องเป็นได้ถึง Director เพราะเค้ายังทำได้ ทำได้มากกว่า Director ด้วยว่างั้นเถอะ คือ ถ้ามองด้านตำแหน่งงาน เค้าประสบความสำเร็จสุดยอดในฐานะมนุษย์เงินเดือนเลยหละ ไม่มีใครกล้าค้าน หรือออกความคิดเห็นใดๆ แต่ เรื่องจริงที่เด็กๆ คุยกับเราคือ น้อยคนนะพี่ที่จะเป็นได้
เราทำงานในส่วนที่เค้าทำมาตลอดชีวิต แน่นอนว่าความลึกล้ำ เราก็ไม่มีทางสู้เค้าได้แน่นอน แต่พอมีเรา เราต้องคิดเองทุกอย่าง ข้อมูลเดียวกัน วิเคราะห์ และคิดงานได้หลายประเด็น เพราะเป็นงานไอเดียนะ ที่ความสำคัญคือ ต้องวิน สุดท้ายมุ่งหวังให้เป็นไวรัล ต้องเกิดผลอย่างวัดได้จริง เช่น จะได้คนเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์ภายในช่วงเวลาทำงาน ใช่ในแง่ของแผนก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่เค้าเองก็พูดเสมอว่า งานโฆษณาไม่สามารถการันตียอดขายได้หรอก ฟอร์คาสท์น่ะทำได้ ทำจริงไปแล้วปรับปรุงแผนน่ะทำได้ แต่ถ้าแบบจ่ายค่าโฆษณาเท่านี้ จะขายของได้สิบชิ้นแน่ๆ
อย่างนั้นในวงการขายบางประเภท เช่น ขายรถ เป็นไปได้ด้วยการไม่ให้เงินเดือน ให้ค่าคอมเมื่อขายได้ ดังนั้นธุรกิจแบบนี้จึงจ้างคนได้มาก เพราะไม่มีเงินเดือนให้ไง รายจ่ายค่าคอมที่เจ้าของธุรกิจจะจ่ายก็ต่อเมื่อเกิดการขายจริง ซึ่งก็หมายความว่าได้กำไรแล้ว ถ้าคิดว่าคนขาย 3 คนทำงานได้ไม่ดีพอ ก็หาคนเพิ่มได้ไง เพราะไม่ต้องแบกต้นทุนเงินเดือน จะเพิ่มอีกเป็น 10 ยังได้ บางที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศเลยด้วย ตราบใดที่ขายได้
ทีนี้ งานนี้เค้ารับงานจากลูกค้าเอง แต่คนลงมือทำน่ะเรา เค้าไกด์บ้าง แต่สมมติว่า 10 หัวข้อใหญ่ เค้าตั้งเป้าไว้ 2 ประเด็น เราจะไปหาอะไรมารองรับสนับสนุนแผนงานให่น่าเชื่อถือก็แล้วแต่เรา จะคิดอะไรก็ตามให้มุ่งไปตามที่เค้าตั้งไว้เป็นใช้ได้ ทีนี้แผนนี้คือแผน 1 ปี อือ....ที่ต้องการเจาะรายละเอียด เพราะลูกค้าไม่ค่อยมีความถนัดด้านนี้เลย ดังนั้นต้องเจาะรายละเอียด ให้เห็นภาพชัดเจนที่สุด
หัวหน้าเรา ที่คอมเม้นท์งานเรานี่แหละ ก็พูดว่า ต้องทำ ต้องได้ แต่ถ้าทำไปแล้ว เค้าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร แต่เราต้องโชว์กึ่น ต้อง....เยอะอ่ะ ใช่ถูก และตบท้ายว่า ทำไม วันที่เค้าเข้าไปพบลูกค้าเอง ทำไมลูกค้าออกปากว่า ที่เค้าพูดน่ะใช่เลย ใช่ๆๆๆ เฮ้อ....
จากสถานการณ์ เรากลัวว่า หากแย่ที่สุด เราจะตกงานไหม ถ้าเค้าคิดว่าที่เราทำไปไม่ดีพอ เพราะเค้าก็พูดเสมอว่า เค้ายกหูโทรศัพท์บอกลูกน้องเก่าที่มืออาชีพ สายตรงมารับงานเมื่อไหร่ก็ได้ (นั่นสิ ทำไมไม่ทำ คงติดเรื่องเงินเดือนสูงนั่นแหละ)
คือ อย่างเช่น เราคิดให้ใช้สื่อแบบนิตยสารด้วย เค้าก็ไม่เอา ทำไมทำงี้ ตัดออกหมด พร้อมร่ายยาวเหตุผลอีก 15 นาที (ที่จริงเราก็รู้อย่างที่เค้าพูดแหละ แต่เรามีเหตุผลสนับสุนนว่าทำไมถึงเลือกใช้ และ ใน 1 ปี ก็วางไว้ให้ใช้เป็นครั้งๆ ตามความสำคัญ) โดยไม่ฟังว่าเราจะให้เหตุผลอะไรว่าทำไมต้องเลือกสื่อนี้ ใช่เราอาจคิดผิดก็ได้ เอาเหอะนะ รายละเอียดเยอะจริง...
กลัวตกงาน ไม่ใช่ไรหรอก เราออกจากงานที่มั่นคง เงินเดือนพอสมควร ไม่น้อยหน้าที่นี่ แต่งานไม่สนุกแล้ว ไม่แอคทีฟ อะไรงั้น รวมๆ ก็ไม่มีไรผิด เรียกว่าถ้าอยู่ที่เดิมเราก็อยู่ได้ตลอดชีวิตน่ะแหละ อือ..ก็ดิ้นรนอยากทำงานที่ได้ความรู้ในสิ่งที่รักอ่ะนะ ก็.....