ผมเป็นตำรวจคนนึงที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดราชประสงค์ เมื่อวานนี้ขณะที่ญาติของเหยื่อชาวจีนรายหนึ่ง เป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ40 พ่อแม่ของชายคนนั้นเดินทางมารับศพลูกชาย (ลูก40 พ่อแม่ก็น่าจะ 60-70 แล้ว) เข้าไปดูศพลูกก็ร้องไห้เป็นที่น่าเวทนา
ปรากฏว่าคนเป็นแม่ทนไม่ไหว จะเป็นลม ทำให้ต้องประคองออกมา เพื่อไปปฐมพยาบาลที่ห้องพยาบาล สิ่งที่ผมเห็นคือ ช่างภาพจำนวนมาก เบียดเสียดกัน เพื่อพยายามที่จะเอากล้องของตนไปจ่อใกล้ใบหน้าของแม่ผู้เสียชีวิตให้ได้มากที่สุด จนกล้องแทบจะทิ่มหน้าแม่เขา แล้วยังปิดทางเดินจนคนที่ประคองคุณแม่ไม่สามารถเดินฝ่าไปได้ง่ายๆ จนถึงหน้าประตูห้องพยาบาล ทุกคนก็ยืนขวางประตู แล้วกระหน่ำถ่ายรูป กว่าจะฝ่าวงล้อมเข้าไปได้
ถึงกระนั้น ผมก็ขอชื่นชมนักข่าวช่อง3ท่านหนึ่ง ที่บอกช่างกล้องของตนไม่ให้เข้าไปถ่ายชิดขนาดนั้น
"ถ่ายไปก็ไม่ได้พูลิตเซอร์หรอก สงสารเค้า ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลย" ผมได้ยินนักข่าวคนนั้นพูดกับช่างกล้องช่อง3
ส่วนนักข่าวท่านอื่นๆ ที่ปกติชอบเรียกร้องจรรยาบรรณจาก ตำรวจ, หมอ, ทนายความ, นักการเมือง, ดารา, ผู้พิพากษา ฯลฯ ไม่ทราบว่าจรรยาบรรณผู้สื่อข่าวที่สอนในคณะนิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์สอนไว้ว่าอย่างไรลืมไปแล้วหรือ
ทนไม่ไหวจริงๆกับพฤติกรรมนักข่าว กรณีระเบิดราชประสงค์
ปรากฏว่าคนเป็นแม่ทนไม่ไหว จะเป็นลม ทำให้ต้องประคองออกมา เพื่อไปปฐมพยาบาลที่ห้องพยาบาล สิ่งที่ผมเห็นคือ ช่างภาพจำนวนมาก เบียดเสียดกัน เพื่อพยายามที่จะเอากล้องของตนไปจ่อใกล้ใบหน้าของแม่ผู้เสียชีวิตให้ได้มากที่สุด จนกล้องแทบจะทิ่มหน้าแม่เขา แล้วยังปิดทางเดินจนคนที่ประคองคุณแม่ไม่สามารถเดินฝ่าไปได้ง่ายๆ จนถึงหน้าประตูห้องพยาบาล ทุกคนก็ยืนขวางประตู แล้วกระหน่ำถ่ายรูป กว่าจะฝ่าวงล้อมเข้าไปได้
ถึงกระนั้น ผมก็ขอชื่นชมนักข่าวช่อง3ท่านหนึ่ง ที่บอกช่างกล้องของตนไม่ให้เข้าไปถ่ายชิดขนาดนั้น
"ถ่ายไปก็ไม่ได้พูลิตเซอร์หรอก สงสารเค้า ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลย" ผมได้ยินนักข่าวคนนั้นพูดกับช่างกล้องช่อง3
ส่วนนักข่าวท่านอื่นๆ ที่ปกติชอบเรียกร้องจรรยาบรรณจาก ตำรวจ, หมอ, ทนายความ, นักการเมือง, ดารา, ผู้พิพากษา ฯลฯ ไม่ทราบว่าจรรยาบรรณผู้สื่อข่าวที่สอนในคณะนิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์สอนไว้ว่าอย่างไรลืมไปแล้วหรือ