IQ> ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 162.61 จุด หลังเฟดกังวลแนวโน้มศก.
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 58)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,348.73 จุด ร่วงลง 162.61 จุด หรือ -0.93% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,019.05 จุด ลดลง 40.30 จุด หรือ -0.80% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,079.61 จุด ลดลง 17.31 จุด หรือ -0.83%
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ หลังจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ก.ค.ซึ่งเฟดเผยแพร่เมื่อวานนั้น บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นก็ตาม
อย่างไรก็ดี การที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณในเรื่องเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ได้ช่วยสกัดแรงลบในตลาด หลังจากที่ดาวโจนส์ดิ่งลงรุนแรงถึง 216.60 จุด หรือ 1.23% ในระหว่างวัน
ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า เมื่อพิจารณาจากรายงานการประชุมดังกล่าวแล้ว โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นั้น มีน้อยลง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเชฟรอน และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
นักวิเคราะห์จากคอมเมริซ์แบงก์ เอจี คาดว่า ความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนจะฉุดราคาน้ำมัน WTI ลงสู่ช่วง 30 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทไลพาว ออยล์ แอสโซซิเอทส์ มองว่า ราคาน้ำมันจะยังคงเผชิญแรงกดดันจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า โดยคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32-34 ดอลลาร์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
NEWS 20/8/58
IQ> ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 162.61 จุด หลังเฟดกังวลแนวโน้มศก.
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 58)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,348.73 จุด ร่วงลง 162.61 จุด หรือ -0.93% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,019.05 จุด ลดลง 40.30 จุด หรือ -0.80% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,079.61 จุด ลดลง 17.31 จุด หรือ -0.83%
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ หลังจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ก.ค.ซึ่งเฟดเผยแพร่เมื่อวานนั้น บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นก็ตาม
อย่างไรก็ดี การที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณในเรื่องเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ได้ช่วยสกัดแรงลบในตลาด หลังจากที่ดาวโจนส์ดิ่งลงรุนแรงถึง 216.60 จุด หรือ 1.23% ในระหว่างวัน
ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า เมื่อพิจารณาจากรายงานการประชุมดังกล่าวแล้ว โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นั้น มีน้อยลง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเชฟรอน และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
นักวิเคราะห์จากคอมเมริซ์แบงก์ เอจี คาดว่า ความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนจะฉุดราคาน้ำมัน WTI ลงสู่ช่วง 30 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทไลพาว ออยล์ แอสโซซิเอทส์ มองว่า ราคาน้ำมันจะยังคงเผชิญแรงกดดันจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า โดยคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32-34 ดอลลาร์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--