คำสัญญาทางกลับบ้าน

กระทู้คำถาม
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเจอกับตัวผมเองนะครับ เนื่องจากผมมีโอกาศฟังเดอะช็อคย้อนหลังเเล้วมีคนบอกว่าเรื่องที่เค้าเล่าเคยมาเขียนใว้ที่นี่
ผมเลยอยากเเชร์ประสบการณ์ของผมให้ทุกท่านบ้าง.....
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมอยู่ ม.1ครับ ผมย้ายโรงเรียนจากกรุงเทพไปอยู่ที่อุตรดิตถ์ เพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนปู่ที่อยู่คนเดียว คือต้องบอกก่อนว่าผมเนี่ยเป็นเด็กติดเกมส์มากๆ ตอนอยู่ กทม เลิกเรียนก็เข้าร้านทุกเย็นจนเสพติดไปเลยละ เเต่พอย้ายมาอยู่ที่นี่....ทุกอย่างหายไป ครับ ไม่มีร้านเกมส์ ในช่วงที่ไม่มีร้านเกมส์คือทุกอย่างปกติ เล่นตามภาษาเด็ก ม.1 อะนะ เเต่หลังจากนั้น3-4เดือน ได้ยินจากเพื่อนมาว่าหมู่บ้านข้างๆเปิดร้านเกมส์ใหม่ ความอยากก็เลยกลับมา พอเวลาเลิกเรียนก็ชวนเพื่อนผมคนหนึ่งไป เเต่เพื่อนผมคนนี้มันมีปัญหาอยู่ที่ว่าครอบครัวเค้าฐานะเค้าไม่ค่อยดีเท่าไร ยิ่งถ้ารู้ว่าไปเล่นเกมส์เเล้วยิ่งจะโดนหนักเลยละ เเต่ผมต้องการเพื่อนไงครับ เลยบอกว่า เดี๋ยวกูเลี้ยง ไปเป็นเพื่อนกุหน่อย ซักพักมันก็โอเค เเละเราก็มาหาทางที่เวลาไปเเล้วต้องไม่มีคนในหมู่บ้านเห็น เด๋ยวเพื่อนผมโดนด่า ส่วนตัวผมไม่เป็นไรหรอกเพราะปู่ผมค่อนข้างปล่อย ทางที่จะไปหมู่บ้านข้างๆมีอยู่2ทาง คือ 1.ทางหลวงหน้าบ้านผมนี่เเหละ สะดวกสบาย เเต่นั่นจะทำให้คนอื่นรู้ว่าเราไป +กับหมาก็เยอะได้เผ่นเเน่ๆ 2.ทางเลียบวัด ทางเก่าลูกรังด้านซ้ายเป็นวัดเเล้วก็ทุ่งนา ด้านขวาเป็นป่าสัก ทั้ง2ฝั่งเป็นยังงี้จนถึงหมู่บ้านข้างๆ ก็ตกลงกันว่าจะไปทางนี้ อ้อ!!ตอนไปนี่คือจะไปทางหลังบ้านผม เพราะถ้าไปตามทางก่อนจะถึงทางลูกรังมันจะเป็น
บ้านคน ก่อนจะถึงวัดเเละก็ทางลูกรัง (เรื่องกลัวคนอื่นเห็นนี่ซีเรียสมากในตอนนั้น) หลังบ้านผมเนี่ย จะเป็นสวนมะขามครับ เดินเลาะสวนมะขามไปก็จะถึงวัดพอดีเเล้วก็เข้าเส้นทาง เราก็ไปกัน (เส้นทางที่ไปเนี่ย ประมาณ1กิโลครับ กลับอีก1กิโล)
ไปเล่นเเค่วันละ2ชั่วโมงเเค่นั้นหละครับ เพราะเพื่อนผมจะคอยเตือนตลอดเมื่อถึงเวลาที่จะกลับ กลับบ้านก็ประมาณ6โมงครึ่งทุกวัน เพราะช่วงนั้นเป็นหน้าหนาวมันจะมืดเร็วมาก ก็เป็นยังงั้นเกือบเดือนนะครับ
จนวันหนึ่งเนี่ย ผมก็ไปชวนเพื่อน เเต่มันป่วยครับ ก็เลยคิดอยู่ว่าจะไปคนเดียวดีมั้ย ก็ไปครับ เดินไปคนเดียวใช้ทางเดิมครับ เนื่องจากตอนนั้นเป็นหน้าหนาวเนี่ย ปาสักข้างทางใบมันก็ร่วงครับ เเล้วก็เเห้งๆเหยียบเป็นเสียงกรอบเเกรบ ก็นึกสนุกเดินเหยียบไปสุดทาง มันก็สนุกไปตามภาษาเด็กม.1 อะนะ
ก็วันเเรกก็กลับบ้านปกติ 6โมงครึ่ง เเต่เรื่องมันเกิดวันที่2ครับ ผมก็ไปคนเดียวอีกเพราะเพื่อนผมยังไม่หายป่วย เดินไปก็คิดไปว่าวันหลังมาคนเดียวก็ได้นี่หว่า
ไม่เปลืองตังด้วย ก็เล่นเกมส์ไปจนหมดเวลา2ชั่วโมง ด้วยความที่ว่ามาคนเดียวกลับคนเดียวไม่มีเพื่อนเตือนเรื่องเวลา ก็เลยเอาตังที่เคยออกให้เพื่อน
ต่อเวลาไปอีก2ชั่วโมง .......ผ่าง!!2ทุ่มครึ่งครับ มืดสนิท.....ก็เริ่มคิดละว่าจะกลับทางใหน ก็เลือกละว่าจะกลับทางถนนหลวง เเต่เดินไปได้นิดเดียว....หมาวิ่งไล่ผมอะ ก็เลยต้องเดินมาทางเก่า พอเข้าทางลูกรังก็คือช่วงที่เเสงไฟจากหมู่บ้านนี้ส่องไม่ถึงเเล้วครับ มองไปเเล้วมันมืดเหมือนหลับตาเลยครับ
จริงๆครับ มันมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเเสงไฟหลอดกลมๆจากวัด ที่เหมือนเป็นจุดสิ้นสุดทาง คิดในใจ เอาวะ เดินไปหาเเสงนั่นก็พอ ก็เดินไป
หนาวก็หนาวเงียบก็เงียบมืดก็มืด เเต่ในหัวก็คิดเเต่เรื่องเกมส์ จนมีเสียงใบสักเเทรกเข้ามาในหู เป็นเสียงเหยียบใบสัก ตอนนั้นก็คิดว่าเราเป็นคนเหยียบ
ก็ไม่ได้คิดมาก เดินต่อไปเรื่อยๆ เสียงใบสักก็ดังไปเรื่อยๆ จนเสียงมันเริ่มไม่สัมพันธ์กับการก้าวเท้าของผมแล้วครับ มันเหมือนดีเลย์ ผมก็เลยหยุดเดินกะทันหันดู เเต่เสียงใบสักมันดังเกินไป1ครั้ง!! ตอนนั้นคิดว่าสงสัยใบมันร่วงมั้ง เลยเปลี่ยนท่าเดินเดินเเบบเหมือนเอาเท้ากึ่งลากไปกับพื้นอะครับ
เพื่อเพื่อไม่ให้เสียงใบสักมันดัง เดินไปประมาณ8-9 ก้าว มันมีเสียงคนเหยียบใบสักเร่งฝีเท้าตามผมมาอะครับกรอบเเกรบๆตามหลังมา ในตอนนั้นรู้ละว่าโดนเเล้ว เเต่ก็มาถึงวัดเเล้วละ เลยวิ่งเลาะสวนมะขามขึ้นหลังบ้านไป ผมก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังนะ เพราะผมเเสดงออกไม่ค่อยเก่งไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์เท่าไร
พอเลิกเรียนมาอีกวัน ก็ไปเล่นคนเดียวเหมือนเดิมครับ ไม่ไปชวนเพื่อนละ ถ้าถามว่ากลัวเรื่องเมื่อคืนมั้ย กลัวครับ เเต่จะไม่กลับดึกเหมือนเมื่อวาน
...........2ทุ่มครึ่งเหมือนเดิม อยู่หน้าจอเเล้วมันเพลิน ทุกอย่างเรื่องเมื่อวานเริ่มกลับมาในหัวละ พอเดินมาถึงทางมืดๆ ความกลัวถาโถมหนักมาก ก็คิดได้1อย่าง คือถ้าเราโดนหลอกฝ่ายเดียวนี่ไม่เเฟร์ละ มันต้องมีข้อเเลกเปลี่ยนหรือคำสัญญากัน ผมก็พูดลอยๆออกไปว่า "ขอสัญญาว่าจะไม่กลับไปมองข้างหลัง ถ้าผมหันไปมองข้างหลัง ขอให้เจอผี เเต่ถ้าไม่หัน ขอให้ไม่เจอ"
+555 ตอนนั้นไม่รู้คิดได้ไง เเต่ที่เดินๆมาก็ไม่เคยหันไปมองอยู่เเล้ว คิดว่าเราเป็นต่อละตอนนั้น ก็เดินมาปกติครับ จนถึงวัด ตลอดทางไม่มีเสียงหรืออะไรมารบกวนเลยครับ เห้ย!! มันได้ผลอะ ก็เดินเข้าสวนมะขามขึ้นบ้านเหมือนเดิม ก็เป็นอย่างนั้นเป็น1-2อาทิตย์เลยนะ ไปคนเดียวได้ละ ผมเก่งละ กลับ2ทุ่มทุกวัน เเล้วก็สัญญาลอยๆทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งครับ เป็นวันเกิดเจ้าของร้าน เค้าเลยบอกให้ผมเล่นฟรี ไม่คิดตัง หวานหมูสิครับ ยาวไปๆ จน4ทุ่ม
ก็กลับบ้าน เเต่วันนั้นรู้สึกเพลียๆ เพราะนั่งนานๆ ก็ไม่เป็นไร เดินมาที่เดิมก็สัญญาเหมือนเดิม ก็คงไม่มีอะไรละก็สัญญาไปเเล้วนี่
เเต่พอเดินมาได้นิดเดียวดันมีความรู้สึกที่อยากหันไปดู ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความรู้สึกเเบบนี้มาก่อน ผมก็ไม่มีความรู้สึกกลัวนะ เพราะเดินทุกวัน...
ก็หันไปดู........ร้องให้หนักมากครับเเต่ไม่มีเสียงทั้งช็อคทั้งตะลึงตะโกนได้เเค่ในใจดังมากๆ ภาพที่เห็นคือผู้หญิงแก่ๆหลังค่อมๆยืนยิ้มให้ผมเเล้วก็พูดกึ่งหัวเราะว่า "ผิดสัญญา ผิดสัญญา " เเล้วก็ชี้หน้าผมเเบบเหมือนคนไม่มีเเรง "ผิดสัญญา ผิดสัญญา เด็กไม่ดี ผิดสัญญา" โอ้โห....เต็มๆ
หันหน้ากลับเเล้วก็เดินต่อ ไม่คิดจะวิ่งเพราะกลัวว่าถ้าเค้าวิ่งตามมันจะน่ากลัวกว่าเดิม ตอนนั้นร้องให้ได้เเค่ในใจ ถ้าถามว่าออกเสียงได้มั้น ก็ได้ครับ
เเต่กลัวเค้ารู้ว่าเรากลัวเเล้วจะเล่นเราหนัก ระหว่างนั้นเค้าก็ยื่นหน้ามาข้างๆเเล้วก็พูดเดิมๆซ้ำๆ เเล้วก็หัวเราะ ผมก็กลั้นใจเดินมาจนถึงวัด เเต่เสียงเค้ายังอยู่ครับ ผมก็อดเอา อีกนิดเดียวถึงบ้านละ ก็เดินเข้าสวนมะขามไป เดินไปได้สักพัก เสียงเค้าเริ่มออกห่างไปเเล้วครับ เดินมาถึงรั้วที่มีเเสงไฟจากบ้านผม
ก็เริ่มรู้สึกปลอดภัยละ เลยหันไปดูที่เสียงหายนี่คือเค้าไปเเล้วไช่มั้ย....... เค้ากำลังปีนต้นมะขามครับ ทั้งที่ปากยังฮึมฮำๆ ผมรีบโดดข้ามรั้วไปยืนอยู่ตรงเเสงไฟ เเล้วก็หันกลับมาดูอีก เพราะตอนนั้นปลอดภัยเเน่นอนละ เเต่ในใจยังร้องให้อยู่ ที่เห็นตอนนั้นคือ เค้ายืนบนกิ่งมะขามที่มันไม่มีใบ ยืนหลังตรงเเล้วก้มลงไปเอาอะไรซักอย่างขว้างมาใส่ผม มาตกตรงหน้าพอดี มันคือเม็ดมะขามครับ เค้าก็ปาเรื่อยๆเเต่ก็ไม่ถึงผมเลยซักเม็ด ตอนนั้นผมว้ากออกมาเลยครับ
ไม่ใหวละร้องให้เสียงดังไปเคาะห้องปู่ ปู่ก็ให้ผมไปนอนด้วยเเต่ยังไม่ให้เล่าอะไร ก็ร้องให้จนหลับไป รุ่งเช้าคนเฒ่าคนเเก่มาเต็มบ้านผมหมด ก็เล่าให้ฟังกับที่ไปเจอมา ก็มีชายเเก่คนหนึ่งพูดมาว่า ผีอีเเพง ปู่คนนั้นก็เลยเล่าให้ฟังว่าคนชื่อเเพงเค้าท้อง อยู่บ้านคนเดียวเพราะแฟนไปทำงานต่างจังหวัด เค้าเป็นคนรักเด็ก คืนนั้นฝนตกหนัก สมัยก่อนหลังคาบ้านเป็นสังกะสี เสียงฝนมันดัง ไม่มีใครได้ยินเสียง(ผมขอเรียกว่าย่าเเพงก็เเล้วกันนะ)ย่าเเพง จนเช้าพบว่าเป็นศพไปแล้ว ก่อนฝังก็ได้ทำการผ่าท้องเอาลูกออกมาปกติ โดยทั้งเเม่ทั้งเด็กก็ถูกใส่ไปในโรงละ รอสามีเค้ากลับจากต่างจังหวัด(สมัยนั้นส่งข่าวทางจดหมาย
กว่าจะทราบข่าว กว่าจะกลับมันก็นาน) คืนเเรกที่ตาย โดนทั้งหมู่บ้าน บ้างก็มาเล่นกับเด็ก บ้างก็มาเรียกชื่อเเล้วก็ยิ้มให้ คือโดนยังงี้ทุกคน (เรื่องผีลูกย่าเเพงปู่เค้าไม่ได้เล่าไม่ร็ทำไม) ส่วนใหญ่จะมาหาเด็ก เป็นยังงั้น2คืน เช้าวันที่3ชาวบ้านทนไม่ใหว ก็เลยปรึกษากันว่าจะเอาไปฝังละ ทนไม่ใหวละ ก่อนฝังก็ต้องมีการเอาตะปูตอกหน้าผากเพื่อสะกดใว้ ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่าน พระผู้ทำพิธีก็เอาตะปูตอกไป ...... ตอกไม่เข้าครับ ตะปูเด้งออก เเล้วศพก็ยิ้มยิงฟันแบบเเหยๆ
วิ่งกันทั้งพระทั้งคน ก็ไปหาผู้มีวิชาจากที่อื่นมา เผ่นทุกราย บางคนโดนศพจับมือ บางคนโดนยิ้มน้ำลายใส่ ทั้งยังหัวเราะ คนในหมู่บ้านก็ทนไปเรื่อยๆหาวิธีไปเรื่อยๆ จนแฟนของย่าเเพงมา ก็ผ่านมาประมาณ5วัน ชาวบ้านก็เล่าให้ฟังถึงความเฮี้ยน เค้าเลยบอกว่า เค้าจะลองตอกตะปูดู ระหว่างทำพิธีรอบที่เท่าไรไม่รู้ คนมาน้อยมาก เเทบไม่มี เพราะกี่คนๆมาก็โดนเล่นทุกคน สามีเค้าก็พูดกับศพภรรยาเค้าว่า ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ชาวบ้านเค้ากลัว เดี๋ยวพี่จะบวชให้ ชาติหน้าเราค่อยเริ่มกันใหม่นะ เค้าก็ตอกตะปูลงไปทั้งน้ำตา ศพก็มีน้ำตาใหลออกมา เรื่องทุกอย่างก็จบ สามีก็บวชไม่สึก ....จบครับ
.........ย้ำนะครับว่าเรื่องนี้ผมเจอมาจริงๆ เมื่อ7-8ปีที่เเล้ว ใครไม่เชื่อไม่เป็นไรครับ เพราะคุณไม่ได้เจอเเบบผม สำหรับการเล่าเรื่อง
ถ้าเล่าไม่สนุกก็ขอโทษด้วยนะครับ เพราะผมไม่ค่อยเก่งเรื่องพวกนี้เท่าไร มีคำถามอะไรถามได้นะครับ ..............................
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่