สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมก็จะเอาประสบการณ์การท่องเที่ยวของผมกับเพื่อนอีกหนึ่งคนในการไปเที่ยวในยูเครนให้เพื่อนๆได้ฟัง พอได้ยินคำว่ายูเครน หลายๆคนก็อาจจะนึกถึงระเบิดหรือสงครามอะไรพวกนี้นะครับ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยครับ มีปัญหากันแค่เฉพาะที่ชายแดน ส่วนในเมืองถือว่าปกติและปลอดภัยมากครับ

เริ่มเรื่องเลยละกัน คือผมกับเพื่อนอีกหนึ่งคนได้มีโอกาสได้ไปอาสาสอนหนังสือให้กับเด็กๆที่ประเทศยูเครนผ่านโครงการ AIESEC แต่ว่าผมขอข้ามไปนะครับ
แล้วทีนี้หลังจากหมดโครงการผมก็มีเวลาเที่ยวต่ออีก 1 อาทิตย์ก็เลยได้ไปเที่ยว Kiev กับ Lviv หลังจากเกริ่นมาให้ฟังแล้วเรามาเริ่มกันดีกว่า

สำหรับคนที่สงสัยนะครับ เรื่องวีซ่า ยูเครนไม่ได้อยู่ใน EU นะครับ เพราะฉะนั้นจะต้องไปขอวีซ่ากับที่สถานฑูตเอง ซึ่งสถานฑูตตั้งอยู่ที่ตึก All Season Places ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกับสถานฑูตอเมริกา โดยจะอยู่ในตึก CRC Tower ชั้น 33 ส่วนเอกสารที่ต้องเตรียมไปในการขอนั้นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่จะไปครับ

แบบของผมนี้สิ่งที่สำคัญมากๆในการขอคือ Invitation Letter ครับ ส่วนคนที่จะไปเที่ยวจะต้องมีแผนการเที่ยวพร้อมการยืนยันการจองที่พัก และตั๋วเครื่องบินไปแสดงด้วยครับ การทำวีซ่าจะใช้เวลาประมาณ 15 วันไม่รวมเสาร์อาทิตย์และวันหยุดต่างๆ สำหรับคนที่ต้องการจะทำวีซ่าแนะนำให้โทรไปถามหรือถ้าสะดวกก็ไปถามด้วยตัวเองเลยครับ จะมีป้าประจำสถานฑูตคอยให้คำปรึกษาอยู่ ส่วนราคาค่าทำวีซ่าจะอยู่ที่ 5610 บาทครับ อาจจะแพงหน่อยเมื่อเทียบกับเชงเก้นอะไรพวกนี้ แต่ถ้าได้มาสักครั้งผมถือว่าคุ้มครับ

ต้องขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าบางรูปอาจจะไม่ค่อยสวย ทั้งหมดถ่ายมาจาก iPhone 6 ครับเพราะว่าไม่ได้เอากล้องไปครับ



เอาหละครับหลังจากพูดเรื่องวีซ่ามาแล้วก็มาพูดเรื่องการเดินทางกันซะหน่อย ผมกับเพื่อนได้เดินทางด้วยสายการบิน Ukraine International Airline หรือ UIA ครับ โดยนั่งจากสุวรรณภูมิไปลงที่เคียฟ สนามบิน Boryspil ประมาณ 10 ชั่วโมงแล้วต่ออีกไฟลท์ไปลวิฟโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ แต่จริงๆแล้วคุณสามารถที่จะนั่งรถไฟความเร็วสูงจากเคียฟไปลวิฟได้ เดี๋ยวจะไปพูดเรื่องรถไฟทีหลังนะครับ สำหรับสายการบินนี้ไม่มีตัวแทนในไทยครับต้องซื้อผ่านอินเทอร์เน็ต โดยราคาที่ผมจองในตอนนั้นไปกลับรวมทั้งหมด 699$ ครับ สำหรับเรื่องห้องโดยสารและเก้าอี้นั่งถือว่าใหญ่และสบายพอสมควร อาหารถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ถือว่าคุ้มค่ากับราคาครับ เพราะฉนั้นถ้าจะมาเที่ยวซื้อมาถึงแค่เคียฟก็พอครับ แต่ตอนนั้นผมต้องรีบไปทำงานที่อีกเมืองใกล้ๆเลยซื้อยาวไปถึงลวิฟ

พอมาถึงยูเครนแล้วมันก็ต้องมีการใช้เงินกันบ้างนะครับ มาพูดถึงเงินหน่อย ที่ยูเครนใช้เงิน กริฟเนีย (hryvnia) หรือตัวย่อ UAH โดย 1 UAH จะประมาณเท่ากับ 1.6 THB หรือถ้าเทียบเป็นดอลล่าร์ 1$ = 21-24 UAH ขึ้นอยู่กับการผันผวนของค่าเงิน ซึ่งค่าครองชีพที่นี่เรียกได้ว่าถูกมากกกกกก สำหรับคนชอบเที่ยว กิน ดริ้ง ช้อบ นี่ถืออว่าราคาสุดยอดครับ



เอาละครับหลังจากที่ผมพูดนู้นพูดนี่มาเยอะมากแล้ว เรามาเริ่มเที่ยวที่ลวิฟกันก่อนดีกว่า Lviv เป็นเมืองที่มีนั่งท่องเที่ยวมากมายเนื่องจากมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เป็นเมืองที่อนุรักษ์อาคาร สิ่งก่อสร้างต่างๆ ถนนทางเดิน และรวมถึงภาษาด้วย ผู้คนที่นี่จะพูดภาษายูเครนซะเป็นส่วนใหญ่ซึ่งต่างจากเคียฟที่คนส่วนใหญ่จะพูดรัสเซียกัน แต่ทั้ง2เมือง ผู้คนพอสื่อสารภาษาอังกฤษพื้นฐานได้ครับ เช่นต่อราคา หรือสั่งอาหาร ไม่มีปัญหาครับ



เอาละครับเริ่มแรกด้วยการเดินออกจากที่พัก Lviv Loft Hostel ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับ Ivan Franco University ก็จะพบกับมหาลัยที่สวยงาม



เมื่อเดินไปได้สัก 5 นาทีก็จะพบกับซิกเนเจอร์เมืองลวิฟครับ โอเปร่าเฮาส์ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองข้างๆก็จะเป็นสวนเล็กพร้อมที่นั่งซึ่งค่อนข้างร่มรื่นเหมาะแก่การนั่งพักหลบแดด



ตามทางต่อไปที่ใจกลางเมือง Rynok Square ครับ ที่นี่จะเป็นจัตุรัสที่มีรูปปั้นน้ำพุอยู่ที่สี่มุมครับ





ตรงกลางของ Square ก็จะพบกับ Lviv Town Hall ซึ่งเดินเดินขึ่งไปค่อนข้างสูงแต่ว่าจะได้เห็นทั้งเมืองจากจุดที่สูงสุดครับ
โดยค่าขึ้นจะอยู่ที่ 10 UAH ครับ



ส่วนใกล้ๆแถวนั้นก็จะมีโบสถ์มากมายให้เข้าไปเยี่ยมชม แต่จะขอยกมาให้ดู 2 ที่นะครับคือ Chapel of Boimes และ Church of Holy Communion





ที่นี้ถ้าออกจากเมืองมาไกลหน่อยก็จบพบกับ Cemetry หรือสุสานนั้นเองโดยที่นี่จะมีหลุมฟังศพของ Ivan Franco อยู่



หลังจากเหนื่อยๆก็มาดูของกินกันซะหน่อยครับ ที่นี่มีร้านเครปอยู่ร้านนึงอยู่ใกล้ๆกับ Rynok Sq. ซึ่งจะมีคนต่อแถวเยอะมากครับและที่อยู่ในมือผมคือ Banana Nutella ครับ ราคา 22  UAH



ที่นี่ค่อนข้างมีชื่อเรื่องกาแฟครับ ถ้ามีโอกาสก็ควรจะได้มาลองกินดูครับ มีร้านข้างๆ Rynok Sq. เลย




หลายคนๆอาจจะสังเกตุนะครับว่าทุกอย่างมันอยู่ใกล้ Rynok Sq. ไปหมดก็เพราะว่าใจกลางเมืองนั้นค่อนข้างเล็กเราสามารถที่จะไปจุดท่องเที่ยวทุกที่ได้ด้วยการเดินครับ

พอตกเย็นก็มากินอาหารร้านขึ้นชื่อครับ The First Grill Restaurant of Meat and Justice คนแน่น บรรยากาศดี พร้อมโชว์การหั่นเนื้อหมูด้วยใบมีดขนาดใหญ่ ซึ่งราคาของ Platter นี่อยู่ที่ 165 UAH ครับ


ที่นี่ก็มาขึ้นรถไฟไปเคียฟกันครับ โดยการนั่งรถแทรมสาย 6 ไปลงที่สถานีรถไฟ หรือ Vokzal ครับ ระหว่างที่เรารอรถไฟที่สถานีก็มีทหารสองคนเดินมาขอตรวจพาสปอร์ตพวกเรา ทหารเค้าเน้นตรวจพวกคนหน้าตาต่างชาติเช่นเอเชียอย่างเรา แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร มีวีซ่าถูกต้องตามกฎหมาย




แนะนำการซื้อตั๋วรถไฟที่ยูเครนนะครับ มี 2 วิธี

วิธีแรกซึ่งเป็นวิธีที่พวกเราทำ
1. เข้าเว็บไซต์ http://booking.uz.gov.ua/en/ แล้วหาแบบที่ต้องการได้เลย
2.ควรจดข้อมูลTrain Number, From/To,  Date, Time, Seat Class อย่างละเอียด
   และเขียนชื่อผู้โดยสารตามพาสปอร์ตให้อ่านออก เพราะที่คนเยอะมากและพนักงานขายตั๋วพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
3.ควรไปซื้อที่สถานีก่อนวันเดินทาง
เราเลือกใช้วิธีนี้ซึ่งต่อแถวนานพอสมควร แต่เราคิดว่ามันถูกกว่าซื้อใบเว็บออนไลน์ ซึ่งไม่รู้ว่าคิดถูกไหม เพราะพนักงานขายตั๋วไม่เข้าใจสิ่งที่เราเขียนไป โชคดีที่มีคนพูดภาษาอังกฤษอยู่ใกล้ๆช่วยเราคุยให้

วิธีที่สอง
1.ซื้อออนไลน์ในเว็บ http://booking.uz.gov.ua/en/ ไปเลย โดยหักทางบัตรเครดิตเอา
   แต่ผมไม่แน่ใจว่าปริ๊นออกมายื่นให้พนักงานบนรถไฟเลยได้ไหม หรือต้องแลกนำใบที่ปริ๊นไปแลกเป็นตั๋วกับพนักงานขายตั๋ว ก่อน วิธีนี้ดูจะสะดวกกว่าวิธีแรกเยอะ แต่ยังไงก็ลองศึกษาข้อมุลในเว็บไซต์นั้นดูครับ

รถไฟความเร็วสูง(ประมาณ 150กม/ชม) ใช้เวลาจากลวิฟไปเคียฟ 5 ชั่วโมงพอดีเป๊ะ มีที่นั่ง 2 class แบบชั้นสองก็ดีถมเถสำหรับคนไทยที่ยังไม่เคยสัมผัสรถไฟความเร็วสูง เพราะรถไฟสะอาดและนั่งแบบไม่แออัดจนเกินไป พร้อมกับไวไฟให้เล่น ค่าใช้จ่ายทั้งขาไปและกลับก็คนละ 635 UAH ซึ่งราคาแต่ละรอบก็จะเปลี่ยนไปตามเวลาครับ



จากสถานีรถไฟเราเดินด้วย 2 ขาของเราเพื่อไป Hostel Delil (มาเที่ยวเคียฟสามวันเราเดินกันประมาณ 50 กิโลเมตรได้ ดังนั้นเตรียมขาของท่านมาให้ดี เหตุผลที่เราเดินกันประมาณ 2.5 กิโลไป Hostel เพราะ 1. รถไฟไปถึง 22.30 ซึ่งอากาศไม่ร้อนมาก 2.สำรวจเส้นทาง 3.ประหยัด
ปล.จริงๆแล้วที่เคียฟมี Metro เปิดบริการถึงประมาณตี1 วิ่งจากสถานีรถไฟไปหลายๆที่ ราคาก็โคตรจะถูกเลย 4 UAH หรือ 6บาทกว่าเอง แถมเป็นราคาตลอดสายด้วย!!

เอาละครับเรามาเที่ยวกันดีกว่า เริ่มแรกด้วยที่ Golden Gate ครับซึ่งอยู่ใกล้กับที่พักสาเหตุที่ชื่อนี้เพราะมันเคยเป็นประตูเมืองเก่าครับ



Saint Sofia Cathedral ครับที่นี่ค่อนข้างสวยและใหญ่มากครับ โดยตอนซื้อตั๋วเราก็สามารถที่จะซื้อแบบราคานักเรียนได้




ต่อมาเราก็ไปที่ Independence Square ที่นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นกลางเมืองเลยครับก็และจะมี Khreschatyk St. ตัดอยู่ตรงกลาง





ซึ่งวันที่เราไปนั้นเป็นวันเสาร์และอาทิตย์ถนนเส้นนี้จะปิดไม่ให้รถวิ่งและให้คนเดินได้ครับ




ที่นี้ก้ลงรถใต้ดินครับเพื่อ Kiev Olympic Stadium โดยทางลงไปลึกมากครับ แทบจะหลับเลย



นั่งมาสักพักก็ออกมาเจอ Kiev Olympic Stadium ครับ ที่นี่เคยใช้ในการแข่งขัน EURO 2012 นัด Final ครับ



แล้วเราก็เดินต่อมาเรื่อยๆจนพบกับ St.Nicholas Church ครับแต่วันที่ผมไปมันปิดให้เข้าเพราะมีงานแต่งงานครับ


มาถึง Taras Shevchenko Park ก็จะมีรูปปั้นของผู้ก่อตั่งมหาวิทยาลัยคซึ่งตั้งอยู่ข้างๆกันครับ

ต่อมาที่ St.Volodymyr’s Cathedral ก็จะเป็นโบสถ์ที่มีคนเข้าไปทำพิธีตลอดวัน

พอตอนกลางคืน Khreschatyk St. ก็จะเป็นแหล่งที่มีผู้คนเดินมากมายพร้อมกับการแสดงริมถนน ซึ่งบรรยากาศดีมากครับ ขอบอกกกก !