เรื่องมีอยู่ว่า... แฟนผมได้ซื้อรถเก๋งแล้วเข้าโครงการรถยนต์คันแรก(ซื้อสด)จนได้คืนเงินภาษีมาเรียบร้อยแล้ว 100,000 บาท
พอหลังจากที่ได้เงินภาษีคืนมาประมาณปีกว่าแฟนผมก็ได้ทำการขายรถต่อให้กับคนรู้จักโดยทำการซื้อขายกันเหมือนทั่วๆไป
ขายไปค่อนข้างถูก วิ่งไปแค่ประมาณ30,000กว่าโล ตกลงราคาขายกันในราคา 360,000บาทแล้วก็เซ็นต์ซื้อขายกันเรียบร้อย
เค้าขอจ่ายก่อน 300,000บาท ส่วนที่เหลืออีก 60,000บาท เดี๋ยวเค้าทำเรื่องโอนรถที่ขนส่งเสร็จจะเอามาให้อีก 60,000บาท
ปรากฎว่าพูดท่านั้นท่านี้บอกว่าเห็นแผลถลอกเยอะแยะไปหมด ทะเบียนก็ขาดมาปีนึงแล้ว ประกันก็หมดอายุด้วย พูดไปพูดมา
ก็บอกว่า 60,000บาท นี่ขอเอาไปเก็บแผลกับต่อทะเบียนต่อประกันรถละกัน (เออ! เอากะมันดิ) ตกใจมากว่ามัน60,000เลยรึ?
แต่แฟนบอกว่าช่างมันเพราะมันบอกว่ามันไปโอนชื่อมาแล้ว ยังคับยังไม่จบ คล้อยหลังจากนั้นเดือนนึงมันโทรมาโวยวายใหญ่
ว่าเอารถไปเข้าไฟแนนซ์หรือไปเข้าโครงการอะไรรึเปล่าทำไมมันโอนเปลี่ยนชื่อไม่ได้ ผมเลยรีบย้อนถามกลับว่า ไหนบอกโอน
ไปแล้ว นี่มันโกหกชัดๆ มันก็หาคำพูดมาพูดท่านั้นท่านี้จนผมขี้เกียจฟัง คือผมจับใจความได้ว่าจะให้เอาเงิน 100,000บาทเนี่ย
ไปทำเรื่องชดใช้คืนภาษีที่ได้มา 100,000บาท เพื่อที่จะได้สามารถโอนเปลี่ยนชื่อได้อะไรได้ ผมรู้สึกสังหรณ์ใจก็เลยโทรไปที่
กรมสรรพสามิตว่าต้องใช้เงินจำนวน 100,000บาท ไปทำการปิดจริงๆรึเปล่าซึ่งเค้าก็บอกว่าจริง ผมก็เลยบอกให้เค้าสำรองจ่าย
ไปแล้วเอาใบเสร็จตัวจริงจากกรมสรรพสามิตมายืนยันผมถึงจะเอาเงินสดให้เค้า 100,000บาท แล้วพอจัดการเสร็จครบหมดแล้ว
ยังคับมันยังไม่หยุดแค่นี้ ยังมีการโทรมาบอกว่า มันลืมบอกว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มที่สรรพสามิตอีก 10,000บาท อันนี้ผมข้องใจมากๆ
ก็เลยโทรไปถามที่กรมสรรพสามิตเพื่อความแน่ใจอีกที เค้าบอกว่าไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นถ้าแบบนี้คือเค้าคงเรียกเงินเองแล้ว!!
ผมได้ยินเจ้าหน้าที่พูดยืนยันมาแบบนี้ผมโมโหมากว่าทำไมคนรู้จักกันไว้ใจกันแม่ผมก็เคยช่วยเค้าไว้หลายๆครั้งทำไมถึงทำได้ลง
ผมโทรไปปรึกษาเจ้าหน้าที่อีกครั้งเรื่องที่ว่าผมกับแฟนจะสามารถเอารถคันนี้คืนมาได้อย่างไร จนท.บอกว่ารถก็ยังเป็นกรรมสิทธิ์
ของชื่อคุณอยู่นะให้ลองไปแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางคนที่เค้าซื้อต่อไปเพื่อขอซื้อคืนจะดีกว่า
*** ดังนั้นผมจึงใคร่ขอคำแนะนำจากผู้รู้ทุกๆท่านในพันทิปเพื่อเป็นประโยชน์กับตัวผมและผู้อื่นด้วยคับ ...ขอบคุณมากคับ ***
สอบถามเรื่องกรรมสิทธิ์ของรถยนต์คันแรกหน่อยคับ
พอหลังจากที่ได้เงินภาษีคืนมาประมาณปีกว่าแฟนผมก็ได้ทำการขายรถต่อให้กับคนรู้จักโดยทำการซื้อขายกันเหมือนทั่วๆไป
ขายไปค่อนข้างถูก วิ่งไปแค่ประมาณ30,000กว่าโล ตกลงราคาขายกันในราคา 360,000บาทแล้วก็เซ็นต์ซื้อขายกันเรียบร้อย
เค้าขอจ่ายก่อน 300,000บาท ส่วนที่เหลืออีก 60,000บาท เดี๋ยวเค้าทำเรื่องโอนรถที่ขนส่งเสร็จจะเอามาให้อีก 60,000บาท
ปรากฎว่าพูดท่านั้นท่านี้บอกว่าเห็นแผลถลอกเยอะแยะไปหมด ทะเบียนก็ขาดมาปีนึงแล้ว ประกันก็หมดอายุด้วย พูดไปพูดมา
ก็บอกว่า 60,000บาท นี่ขอเอาไปเก็บแผลกับต่อทะเบียนต่อประกันรถละกัน (เออ! เอากะมันดิ) ตกใจมากว่ามัน60,000เลยรึ?
แต่แฟนบอกว่าช่างมันเพราะมันบอกว่ามันไปโอนชื่อมาแล้ว ยังคับยังไม่จบ คล้อยหลังจากนั้นเดือนนึงมันโทรมาโวยวายใหญ่
ว่าเอารถไปเข้าไฟแนนซ์หรือไปเข้าโครงการอะไรรึเปล่าทำไมมันโอนเปลี่ยนชื่อไม่ได้ ผมเลยรีบย้อนถามกลับว่า ไหนบอกโอน
ไปแล้ว นี่มันโกหกชัดๆ มันก็หาคำพูดมาพูดท่านั้นท่านี้จนผมขี้เกียจฟัง คือผมจับใจความได้ว่าจะให้เอาเงิน 100,000บาทเนี่ย
ไปทำเรื่องชดใช้คืนภาษีที่ได้มา 100,000บาท เพื่อที่จะได้สามารถโอนเปลี่ยนชื่อได้อะไรได้ ผมรู้สึกสังหรณ์ใจก็เลยโทรไปที่
กรมสรรพสามิตว่าต้องใช้เงินจำนวน 100,000บาท ไปทำการปิดจริงๆรึเปล่าซึ่งเค้าก็บอกว่าจริง ผมก็เลยบอกให้เค้าสำรองจ่าย
ไปแล้วเอาใบเสร็จตัวจริงจากกรมสรรพสามิตมายืนยันผมถึงจะเอาเงินสดให้เค้า 100,000บาท แล้วพอจัดการเสร็จครบหมดแล้ว
ยังคับมันยังไม่หยุดแค่นี้ ยังมีการโทรมาบอกว่า มันลืมบอกว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มที่สรรพสามิตอีก 10,000บาท อันนี้ผมข้องใจมากๆ
ก็เลยโทรไปถามที่กรมสรรพสามิตเพื่อความแน่ใจอีกที เค้าบอกว่าไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นถ้าแบบนี้คือเค้าคงเรียกเงินเองแล้ว!!
ผมได้ยินเจ้าหน้าที่พูดยืนยันมาแบบนี้ผมโมโหมากว่าทำไมคนรู้จักกันไว้ใจกันแม่ผมก็เคยช่วยเค้าไว้หลายๆครั้งทำไมถึงทำได้ลง
ผมโทรไปปรึกษาเจ้าหน้าที่อีกครั้งเรื่องที่ว่าผมกับแฟนจะสามารถเอารถคันนี้คืนมาได้อย่างไร จนท.บอกว่ารถก็ยังเป็นกรรมสิทธิ์
ของชื่อคุณอยู่นะให้ลองไปแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางคนที่เค้าซื้อต่อไปเพื่อขอซื้อคืนจะดีกว่า
*** ดังนั้นผมจึงใคร่ขอคำแนะนำจากผู้รู้ทุกๆท่านในพันทิปเพื่อเป็นประโยชน์กับตัวผมและผู้อื่นด้วยคับ ...ขอบคุณมากคับ ***