เรื่องมันคาใจ ใครก็ได้ตอบที????

ขอเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดน่ะค่ะ อาจจะยาวหน่อย

จำได้ติดตาเลย วันที่ 8 พฤษภาคม 2557 เราขับรถจะไปทำธุระในเมือง ปรากฎว่ามีเด็กผู้ชายคนนึง(น้องอายุ 17 น่ะค่ะ)ขับรถมอไซต์มาในเลนซ้ายเป็นเลนเดียวกันกับเราที่กำลังจะมุ่งหน้าไปในเมือง บนถนน 4 เลนน้องเขาขับเหมือนจะชลอเปิดไฟเลี้ยวซ้ายในระยะสายตาที่เรามองเห็นคืออยู่บนไหล่ถนนภาษาบ้านนอกคือขับในเส้นขาวอ่ะค่ะ ซึ่งเราขับด้วยความเร็ว 80-100 กม./ชม. ขณะนั้นเราอยู่เลนที่ 2 ซึ่งเป็นเลนกลางของถนน ชั่วความคิดพร้อมกับคำพูดของเราอุทานออกมาว่า "อย่าบอกน่ะว่าเลี้ยวตัดหน้า" แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ น้องเปิดไฟเลี้ยวซ้าย แต่หักยูเทิร์นออกมาขวาทันที เราไม่หวังให้พ้น เพราะจะให้พ้นยังไง ก็ขวางมาแล้วตั้งครึ่งลำตัว เราเลยตัดสินใจชน กล้าพูดได้เต็มปาก สติไม่รู้มาจากไหน สิ่งที่ทำได้คือ ถ้าประจันหน้ากันตรงๆ น้องตายชัวร์ เราเลยเหยียบเบรกแบบเหยียบปล่อย เหยียบปล่อย แล้วก็พร้อมทั้งให้จังหว่ะดึงเบรคมือ เพื่อที่จะให้ท้ายรถของเราสะบัดไปตบน้องให้ลงไปข้างถนน ซึ่งเป็นลานพงหญ้า เพราะถ้าชนแบบประจันหน้า นอกจากน้องจะไม่ตกลงไปข้างทางแล้ว ยังจะโดนรถที่สวนมาเหยียบซ้ำ รถเราก็ไถลตกลงไปอีกฝั่งนึงของถนน ซึ่งเป็นคลองชลประทาน อีกประมาณ 2.5 เมตร ก็ตกคลอง ซึ่งมีความลึก 17 เมตร แต่ในเวลาที่ล้อหยุดหมุน รถหยุด ทุกอย่างหยุด เรารีบวิ่งไปดูน้องคนนั้นทันที โชคดีมากๆ ทุกอย่างเป็นอย่างที่คิดไว้เป๊ะเลย น้องลงไปนั่งอยู่ตรงหญ้าข้างถนน แต่รถมอไซต์น้องก็ติดอยู่ตรงป้ายบอกระยะทาง อาการ ไหปลาร้าหักสองข้าง ขาข้างขวาหัก หัวแตก  ส่วนเราก็ช้ำใน แรกๆ ก็ไม่เป็นอะไร สามวันต่อมา เลือดกำเดาไหล ณ จุดเกิดเหตุ ตำรวจและกู้ภัยก็มาทันที(กู้ภัยมาถึงก่อน ส่วนคุณตำรวจอิชั้นก็จำเป็นต้องด่าค่ะ ถึงออกมาได้ ยังมีหน้ามาถามว่าคุณลูกใคร หุหุ แต่ก็ขอบคุณน่ะค่ะที่ออกมา) ทำการถ่ายรูป พิสูจน์หลักฐาน ณ ที่เกิดเหตุ ผลสรุปว่า เราเป็นฝ่ายถูก 100 เปอร์เซ็นต์ค่ะ  เป็นการขับรถตัดหน้า และไม่ได้เป็นการประมาทร่วมทั้งสิ้น เรื่องนี้ มอไซต์ผิดค่ะ
ต่อมาในเรื่องของการว่าความ เราก็ให้ตำรวจเอารถเราไปไว้ที่ สน. ส่วนน้องเราก็ประสานงานทุกอย่างให้ โดยที่ไม่ต้องร้องขอ จัดแจงให้ทุกอย่างในเรื่องของการรักษาพยาบาล  แต่......เงื่อนไขมันมีอยู่ว่า ขอให้เราช่วยเหลือในส่วนของการใช้ พรบ. มาคุ้มครองน้องเพื่อการรักษาพยาบาลครั้งนี้ แต่สิ่งที่เราคิดคือ
-รถที่น้องขับมา ไม่ใช่รถของตัวเอง
-หมวกกันน็อคไม่ใส่
-กระจกมองหลังไม่มี
-ป้ายทะเบียนไม่ติด
-พรบ.ไม่ต่อ
-ภาษีไม่มี
-ประกันไม่มี
-ใบขับขี่หมดอายุ
มีแค่บัตรประจำตัวประชาชนอย่างเดียว ไม่มีอะไรเอื้อมาถึงเราเลย จะให้เราช่วยอย่างไร แต่ในกรณีฉุกเฉิน เราเคยผ่าตัด บัตรทอง หรือประกันสังคม เขามีฉุกเฉินช่วยเราอยู่แล้ว โดยที่เราไม่ต้องจ่ายเลย แล้วอยู่ๆ พี่สาวเขาก็มาเรียกร้องค่ามนุษยธรรมกับเรา จำนวน 30000 บาท ตอนนั้นเราโมโหมาก แต่ก็ทำได้แค่นิ่งเฉย ให้ประกันเป็นคนคุย เพราะเราได้พูดคุยกับประกันแล้วว่า นับตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ เราจำเป็นต้องลาออกจากงาน ไม่มีรายได้ แล้วต้องมานั่งจ่ายงวดที่ไม่รู้ว่ารถเข้าอู่ไปแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะซ่อมเสร็จ เนื่องจากระยะทางจากบ้านไปที่ทำงานก็ไกลพอสมควร ก็ต้องหางานใหม่ที่อยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อรถซ่อมเสร็จออกมาแล้ว จะใช้งานได้สภาพเดิมไหม แต่ร้อยทั้งร้อย เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขนาดนี้ ไม่มีทางเหมือนเดิมแน่ๆ หม้อน้ำ บลาๆ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ประเมินซ่อมที่240,000 ดีที่อยู่ในระยะประกันชั้น 1 ถ้าไม่อย่างนั้น เราจะเอาเงินจากไหนมาซ่อม แล้วเขายังจะมาเรียกร้องเงินจากเราอีก ถามว่าเงินค่าทำขวัญเราให้ไหม เราก็มีน้ำใจให้อยู่แล้ว แต่สามหมื่น สภาพจิตใจเราหล่ะ รถเราหล่ะ ที่ยังเพิ่งจะผ่อนได้ไม่ถึงปี (สำหรับคนที่รวยหรือมีอยู่แล้วก็อย่างเพิ่งทับถมกันน่ะค่ะ ส่วนคนที่ยังไม่เคยมีรถ แต่ ณ วันนี้มีกินมีใช้ก็อย่าเพิ่งด่าเรา เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณมีภาระอะไรสักอย่างที่จะต้องรับผิดชอบ เดี๋ยวคุณก็รู้เอง) เราต้องเสียสละออกจากงานอีกหล่ะ  เขาก็ด่าเรากลับมาว่า "ใช่สิ ก็คุณไม่ใช่คนเจ็บนี่ คุณก็พูดได้สิ" แต่สิ่งที่เราแปลกคือ พี่สาวคนนี้ รู้ดียังกะอยู่ในเหตุการณ์ ทั้งๆ ที่รูปถ่ายและหลักฐานต่างๆ ก็บ่งบอกชัดเจนว่าน้องชายเขาผิด ซึ่งเราไม่เอาความให้เขาต้องมาซ่อมรถให้มันก็ดีเท่าไหร่แล้ว แถมยังวิ่งเรื่องการรักษาพยาบาลให้อีก จนแล้วจนรอด ยังไงเขาก็ไม่ยอม ประกันเลยบอกว่า "ถ้าไม่ยอม อยากได้สามหมื่นก็เชิญไปฟ้องได้เลยครับ ผมก็จะได้ฟ้องคุณกลับเหมือนกัน ว่าลูกค้าของผมเป็นลูกค้าชั้นดี ประวัติดี แต่คุณเอาอุบัติเหตุมาขู่กรรโชกทรัพย์ลูกค้าผมซึ่งหน้า ทั้งพยานและหลักฐาน ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครจะชนะคดี"

สุดท้ายเราได้มารู้ว่าน้องคนนี้ตรวจยังไงก็ฉี่ม่วงแน่ๆ เลยบอกว่าเรามีให้แค่ 5000 ถ้าไม่เอา 5000 ก็ไปตรวจฉี่ ..................จากเรื่องทั้งหมด เราเลยอยากรู้ว่า ที่เขาต้องการสามหมื่น เราสามารถจัดให้อยู่ในส่วนของการกรรโชกทรัพย์ซึ่งหน้าอย่างที่ประกันบอกได้ไหม แล้วเราสามารถฟ้องร้องเขากลับได้รึเปล่า ปวดใจ กับห้าพัน (ตอนแรกจะให้แบบเสน่ห์หา แต่พอพี่สาวมันมา 5000 กรูยังเสียดาย)ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่