ขอความเห็น โรงเรียนแนวบูรณาการ กับ โรงเรียนแนววิชาการ จากประสบการณ์ของผู้ปกครอง ?

อยากทราบความเห็นครับ
ใครเลือกแนวไหน แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไรทั้งในแง่มุมมองของผู้ปกครองและตัวเด็ก

แล้วมีใครรู้สึกว่าผิดหวังกับทางเลือกแรกที่เลือกไว้ จนต้องเปลี่ยนไปเลือกในอีกตัวเลือก

เช่น เคยเลือกแนววิชาการ แล้วต่อมาพบว่าเด็กเหมาะกับแนวบูรณาการมากกว่า เลยย้ายโรงเรียน
หรือ เคยเลือกแนวบูรณาการแล้ว พบว่าไม่เหมาะกับเด็กหรือการเรียนต่อในชั้นสูงๆ-มหาวิทยาลัย
จนต้องย้ายกลับเข้าแนววิชาการ - เรียนพิเศษเสริมไปด้วย

แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไร

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นและคำแนะนำ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เป็นแม่ที่มีลูกเรียนโรงเรียนแนวบูรณาการทั้ง 3 ระดับค่ะ (อนุบาล,ประถม และมัธยม) คนโตที่อยู่ม.3 ก็เรียนมาตั้งแต่อนุบาลนะคะ
เริ่มต้นเลยที่เลือกให้ลูกเรียนแนวนี้  ก็ไม่เคยมีความคาดหวังหรือมีแผนการเรียนให้ลูกต้องเดินตาม step การศึกษาในประเทศไทยอยู่แล้ว  แบบต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ  เพราะฉะนั้นก็ไม่เคยคิดมองซ้ายมองขวาแบบลังเลนะคะ
ลูกคนโต  ผลการเรียนก็ไม่ค่อยดีนะคะ วิชาการอ่อนมาก ซึ่งอันนี้เพื่อนลูกไม่เป็นนะคะ  ก็แปลว่าแล้วแต่เด็กแล้วแต่บ้าน  การเรียนการสอนในโรงเรียนไม่ได้มีผลเป็นหลัก
แต่...แต่ค่ะแต่  ลูกเรามีความสุขกับตัวเองได้ดี  รู้ข้อบกพร่องของตัวเอง  บางข้อที่เค้าคิดว่าจำเป็นเค้าก็พยายามปรับปรุงได้มากบ้างน้อยบ้างว่ากันไป
บางข้อที่เค้าคิดว่ามันไม่จำเป็นกะเค้ามากนักเค้าก็ข้ามๆไป  ไม่มานั่งเครียดกับข้อบกพร่องของตัวเอง
การทำงาน Project ที่โรงเรียน  มักทำเป็นกลุ่ม เด็กๆจะเรียนรู้จุดแข็งจุดอ่อนของเพื่อนในกลุ่มและแบ่งงานกันทำ  มีการเรียนรู้ร่วมกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน
ลูกเรามีความเป็นผู้นำสูง (ประเมินจากครูและเพื่อน) สามารถจัดการ ประสานงานเพื่อนและครูได้ดี เพื่อนยอมรับแบบไม่ได้เป็นคนที่เรียนเก่งหรือทำอะไรโดดเด่นเหมือนพี่ๆที่ popular ในโรงเรียนทั่วไป
ที่สำคัญ...ลูกเราเค้ารู้แล้วว่าเค้าชอบอะไร ทำอะไรได้ดี อยากทำอะไรในอนาคตเค้า  แล้วเค้าก็กำลังเดินไปในเส้นทางนั้นค่ะ ชีวิตในโรงเรียนเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งที่เป็นชีวิตจริง การลงมือทำงานจริง มากกว่าโรงเรียนสามัญเหมือนตอนเราเด็กๆ  มีการบูรณาการว่าวิชาการแต่ละอย่างเอาไปทำอะไรในชีวิตได้บ้าง  เห็นภาพกว้างกว่าตอนเราเด็กๆนะ

เราคุยกะลูกเมื่อวันที่ลูกเดินมาบอกว่าเค้าอยากทำ อยากเป็นอะไร ว่า... นี่คือสิ่งที่แม่รออยู่
เหมือนลูกรู้ว่าจะไปโตเกียวแล้วก็รู้ว่าจะเที่ยวแค่ตอนกลางของญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ไม่สนใจจะไปฮอกไกโด ลูกก็ไม่ต้องจัดกระเป๋าแบบเตรียมและยัดทุกอย่างเผื่อหนาวสุดขั้ว  เสื้อขนเป็ด เลคกิ้งแบบหนาพิเศษก็ไม่ต้องยัดใส่กระเป๋าไป เราก็เดินทางแบบสบายตัว
การเรียนแบบเราสมัยก่อน  สอนให้เราเตรียมเสื้อผ้าสำหรับทุกฤดูยัดใส่กระเป๋าไป  แบกไปอย่างหนัก สุดท้ายอาจจะมีหลายอย่างที่ไม่ได้เอาออกจากกระเป๋ามาใช้จนจบ trip เลยด้วยซ้ำ

ปล. เราเป็นเด็กเรียนเก่ง ตั้งใจเรียน ทำงานในตำแหน่งที่ดี เงินเดือนสูง แต่เราก็เห็นว่าคนที่เรียนเก่ง เรียนสูง สุดท้ายก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสุข
และเราว่าคนยุคลูกเราควรปรับตัวเก่ง มีความสุขได้ในแบบตัวเอง ไม่ต้องแข่งกับใคร เพราะสนามแข่งมันเยอะเกินไป คนเข้าแข่งแต่ละสนามก็น่ากลัวเกินไป  ลูกเราควรจะเรียนรู้ที่จะมีความสุขกับตัวตนของเค้าเองถึงแม้เค้าจะไม่ได้ยืนบนยอดไหนเลยก็ตาม

ลูกเรา Hard skill อาจจะอ่อนด้อย แต่ Soft skill นี่โตแบบค่อยๆได้รับการเติมเต็มมาตั้งแต่เด็กนะ

เป็นแม่คนแล้วมองย้อนกลับไป  วิชาการที่ได้จากช่วงวัยเรียน  ไม่ได้เอามาใช้ในชีวิตเท่ากับตัวตนนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่