-----------------------------------------------
ติดตามทริปการเดินทางของเราได้ตามนี้นะครับ
หนีงานไปเที่ยว : ตามฝันถิ่นคันไซ
- ตอนที่ 1 เตรียมเนื้อเตรียมตัว
http://ppantip.com/topic/34032943
- ตอนที่ 2 Bangkok - Osaka ตื่นเต้นฝุดๆ
http://ppantip.com/topic/34033942
- ตอนที่ 3 Osaka - Endo Sushi - Universal Studio ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34037448
- ตอนที่ 4 Universal Studio คืนสู่วัยเยาว์ในโลกใบใหญ่ ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/34046029
- ตอนที่ 5 SLOW LIFE IN HIMEJI
http://ppantip.com/topic/34064955/comment1
- ตอนที่ 6 KOBE ไม่ได้มีแค่เนื้อนะ!!
http://ppantip.com/topic/34104765
- ตอนที่ 7 KYOTO ตัวตนของญี่ปุ่น
http://ppantip.com/topic/34161446
ผมทำ Facebook Page กับเขียน Blog ไว้สำหรับคนทำงาน ที่อยากหนีงานไปเที่ยวเข้ามาพูดคุยหรือแชร์เรื่องราวกันครับ ลองแวะไปเยี่ยมชม ติชม หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ ^_^
https://www.facebook.com/ibreak2travel
https://ibreak2travel.wordpress.com/
หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ เพื่อนๆ คนไหนอยากแนะนำอะไรเพิ่มเติม ผมยินดีครับ
-----------------------------------------------
“อยากไปเที่ยวปราสาทญี่ปุ่น” นี่เป็นวลีแรกที่ผุดขึ้นมาทันที ที่คิดจะวางแผนเที่ยวญี่ปุ่น ก็คงจะเหมือนๆ กับที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากมาเที่ยวชมพระบรมมหาราชวัง หรือพระราชวังบางปะอินนั่นล่ะครับ ปราสาท วัง และวัด ถือเป็นตัวแทนตัวตนด้านงานสถาปัตยกรรมของแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี ผมก็เลยอยากไปเที่ยวปราสาทญี่ปุ่น อยากไปๆๆๆๆๆ
เมื่อจะมาท่องเที่ยวภูมิภาคคันไซ ปราสาทที่ผมมักได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ ก็มักจะมี
ปราสาทโอซาก้า, ปราสาทคินคาคุจิ (ปราสาทโชกุนอาชิคางะ ที่ปรากฏในการ์ตูนอิคิวซัง) แล้วก็
ปราสาทฮิเมจิ แต่พอมาลองหาข้อมูลดูลึกๆ แล้ว ก็พบว่าสองปราสาทแรก เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ โดยจำลองมาจากปราสาทเดิมที่เคยถูกทิ้งระเบิดและถูกไฟไหม้ ดังนั้นหากจะมองถึงปราสาทที่ยังคงความสมบูรณ์มาแต่ดั้งเดิม ก็คงจะเหลือแต่ปราสาทฮิเมจินี่ล่ะครับ ที่มีแรงดึงดูดให้ได้ไปเยี่ยมชมจริงๆ ดังนั้นทริป
“ตามฝันถิ่นคันไซ วันที่ 3” ผมกับแฟนจึงเลือกจะไปเที่ยวเมืองฮิเมจิ และเที่ยวชมปราสาทฮิเมจิกันครับ ตามมาเล้ยยย…
ปราสาท Himeji หนึ่งในปราสาทที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
OSAKA – HIMEJI
หลังจากสนุกสุดแสนเที่ยว Universal Studio กันไปเมื่อวานแล้ว เช้านี้เราก็รีบตื่นกันแต่เช้า (7 โมง) เพื่อเก็บกระเป๋า หม่ำมื้อเช้าอร่อยๆ แล้วก็เช็คเอาท์จากโรงแรมครับ โดยรถเที่ยวที่เราจะขึ้นคือรถไฟใต้ดินเที่ยว 08:04 ซึ่งจะใช้เวลาแค่ 110 นาที จากสถานี NAKATSU (SUBWAY) โอซาก้าไปยังสถานี SANYOHIMEJI เมืองฮิเมจิ
สำหรับทริปนี้เราใช้ KANSAI THRU PASS ดังนั้นการเดินทางส่วนใหญ่จะเป็นรถไฟใต้ดินหรือรถบัสครับ
ตารางการเดินทางจากโอซาก้าครับ
เช้านี้ญี่ปุ่นยังทักทายเราทั้งคู่ด้วยลมหนาวเช่นเคย ดีครับ เราสองคนจะได้กอดกันให้อุ่นๆ ไม่ยอมแพ้อากาศหนาว อิๆ เขินๆ
หลังจากเช็คเอาท์แล้ว พวกเราก็ลากกระเป๋าลงสถานี NAKATSU (SUBWAY) ครับ โดยจะนั่งรถไฟไปลงที่สถานี UMEDA (SUBWAY) เพื่อไปต่อรถไฟสาย HANSHIN / SANYO THROUGH LTD. EXP. เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมือง HIMEJI กันครับ (ข้อมูลตามตารางเดินรถด้านบนเลยนะครับ)
ระบบขนส่งสาธารณะหลัก สำหรับนักเดินทางทุกเพศ ทุกวัย
การเดินทางยามเช้าเพื่อออกนอกเมือง ช่วยให้เราเห็นญี่ปุ่นในอีกมุมนึงครับ ขณะที่รถไฟวิ่งเข้าเมืองจะเต็มไปด้วยผู้คนแน่นเต็มโบกี้ แต่สำหรับขาออก ชีวิตนั้นไร้ซึ่งความเร่งรีบจริงๆ ครับ ผมเลยถือโอกาสได้นั่งมองวิวสวยๆ มองดูผู้คน แล้วก็ผลอยหลับเอาแรง 5555
ถ้านั่งรถไฟเที่ยว ลองเลือกนั่งท้ายขบวนหรือหัวขบวนดูครับ จะได้เห็นวิวที่น่าสนใจมากขึ้น
รถโล่งจนแทบจะเหมาคนเดียวทั้งโบกี้ 555
รถไฟแถบสีส้มนี้เป็นรถไฟขบวน SANYO HIMEJI นะครับ
ไม่รู้ว่าจะเป็นเหมือนกันทุกคนไหม แต่เจ้าหน้าที่รถไฟคนนี้ตั้งใจทำหน้าที่อย่างกระตือรือล้นตลอด 2 ชั่วโมง ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และกริยาที่นอบน้อม
ฝั่งเข้าเมืองช่างเร่งรีบ (ไปทำงาน) แต่ฝั่งออกนอกเมืองนี่ก็ช่างจะแสนชิลล์
ผ่านไปประมาณสักชั่วโมงครึ่ง เราก็เดินทางมาถึงสถานี SANYOHIMEJI ครับ จากนั้นเราจะเดินทางไปฝากกระเป๋าที่โรงแรม TOYOKO INN HIMEJI-EKI ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีครับ เดินไปแค่ 5-8 นาทีเอง (ถ้าไม่เผลอแวะซื้อขนมกินไปซะก่อนนะ)
คุณพี่ คุณน้า 3 คนนี้น่ารักมากครับ เธอแต่งชุดกิโมโนเดินอยู่ในเมือง ดีใจจังที่ได้เห็นสาวในชุดกิโมโนแล้ว
สำหรับ Taxi ในญี่ปุ่นนั้น เหมือนเป็นอาชีพที่ทรงเกียรตินะครับ ทุกคนจะต้องแต่งยูนิฟอร์มอย่างดี รถต้องสะอาด มีผ้าคลุมเบาะที่ต้องหมั่นซักอยู่เสมอ เพื่อเป็นการให้เกียรติลูกค้าที่เข้ามานั่ง ส่วนราคาค่า Taxi ในญี่ปุ่น… ก็แพงอย่างที่ร่ำลือกันล่ะครับ
เรื่องความเป็นระเบียบ ผมยกให้ประเทศนี้มาอันดับหนึ่ง
เดินแค่ 7-8 นาที ก็มาถึงโรงแรมแล้วจ้า ใกล้มากๆ เลย
เนื่องจากยังไม่ถึงบ่าย 3 จึงยังเช็คอินไม่ได้ แต่เราสามารถขอฝากกระเป๋าไว้ที่ล๊อบบี้ได้ครับ ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมจะดูแลไว้ให้เป็นอย่างดี และไหนๆ ก็ได้คุยกับคนท้องถิ่นแล้ว ผมก็เลยขอรายชื่อร้านอร่อยจากเจ้าหน้าที่โรงแรมซะเลย หุๆๆ
ได้เวลาออกเที่ยวแล้ว เย้!!!
แผนการท่องเที่ยวเมืองฮิเมจิของเรา เป็นแบบนี้ครับ
1. นั่ง Himeji Loop Bus เที่ยวชมเมือง Himeji
2. เดินเล่น ถ่ายรูป และดื่มด่ำกับความสวยงามของปราสาทฮิเมจิ
3. มื้อกลางวัน หม่ำข้าวหน้าปลาไหล
4. เดินเล่นถ่ายภาพแสงเย็นที่สวน Kokoen
5. เดินเล่นย่านการค้าถนน Miyukidori (มิยูกิโดริ) ชมงานศิลปะตลอดสองข้างทางในตัวเมือง
6. ถ่ายภาพ Cityscape ของเมือง Himeji
7. ลิ้มรสนาเบะ (หม้อไฟ)
8. กลับไปนอนตีพุงที่โรงแรม
บรรยากาศยามเช้าใน Himeji
สำหรับมือใหม่อยากแบกกระเป๋าเที่ยวเอง ผมแนะนำให้เข้าไปหาข้อมูลเพื่อวางแผนการท่องเที่ยว ที่เว็บไซต์เมือง Himeji ที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.himeji-kanko.jp/th/model_course/ เค้าจะมี Model Tour หรือโปรแกรมท่องเที่ยวแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย สะดวกมาก อ้อ.. ถ้าใครอยากขี่จักรยาน ทางสำนักงานการท่องเที่ยว มีจักรยานให้เช่าขี่แบบฟรีๆ ด้วยนะ
นั่ง HIMEJI LOOP BUS เที่ยวชมเมือง HIMEJI
ตารางเวลาสำหรับ Himeji Loop Bus ครับ
รอแป๊บเดียว รถบัสหน้าตาหน้ารักก็วิ่งมาเทียบป้ายรถ
ปราสาท Himeji อยู่บนเนินเขากลางเมือง ดังนั้นเราจึงเห็นตัวปราสาทจากทุกมุมเมืองเลยครับ
เมือง Himeji มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายครับ เริ่มตั้งแต่
“ปราสาท Himeji” ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น,
“วัดเอ็นเกียวจิ บนภูเขาโซะซะซัน” ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง
“The Last Samurai”,
สวนญี่ปุ่น Kokoen สวนที่มักจะใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หรือละครย้อนยุคของญี่ปุ่น
สำนักการท่องเที่ยวเมือง Himeji ได้จัดทำ Loop Bus ที่จะพาเราเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ได้ครบเลยครับ โดยเราสามารถรอขึ้นได้ที่บริเวณจุดที่เค้ากำหนดไว้ตามข้อมูลด้านล่างนี้ครับ
1.หน้าสถานีฮิเมจิ(ศูนย์รถบัสซิงกิ)
2.หน้าประตูโอเตะปราสาทฮิเมจิ
3.หน้าไปรษณีย์ฮิเมจิ
4.หน้าหอศิลป์
5.หน้าพิพิธภัณฑ์
6.สะพานคิโยะมิซึ(หน้าพิพิธภัณฑ์วรรณกรรม)
7.หน้าสวนโคโคะเอ็น
8.หน้าโอเตะ
9.หน้าสถานีฮิเมจิ(หน้าตึกฮิเมจิ OS)
รถออกทุกๆ 15-30 นาทีครับ รอไม่นานเลย
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ตรงทางเข้า JR Himeji
http://www.himeji-kanko.jp/th/information/
เดินเล่น ถ่ายรูป และดื่มด่ำกับความสวยงามของปราสาท HIMAJI
หลังจากลงรถที่บริเวณปราสาท Himeji พวกเราก็พร้อมจะเดินกันแว๊วววว…วว ก่อนอื่นมาดูข้อมูลปราสาท Himeji กันสักนิดนะครับ
ปราสาท Himeji เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทญี่ปุ่น ด้วยมีลักษณะสถาปัตยกรรมและยุทโธปกรณ์ครบตามแบบอย่างของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่างๆ ในบริเวณปราสาท ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น
ปราสาทแห่งนี้ไม่เคยได้รับความเสียหายจากสงครามและภัยพิบัติต่างๆ ตัวปราสาทจึงอยู่ในสภาพอนุรักษ์ มีการเก็บรักษาและบูรณะไว้อย่างน่าทึ่ง และด้วยความสมบูรณ์แบบนี้เอง จึงทำให้ปราสาทแห่งนี้ได้รับการบันทึกให้เป็นสมบัติแห่งชาติ และถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งแรกของญี่ปุ่น
ด้วยความที่ปราสาทนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาและอยู่ใจกลางเมือง เราจึงจะเห็นผู้คนในท้องถิ่นมากจะมาใช้เวลาเดินเล่น พบปะ และทำกิจกรรมในบริเวณปราสาทอยู่เสมอๆ ครับ ดังนั้นพื้นที่ด้านหน้าปราสาทจึงเป็นเหมือนสวนสาธารณะของเมืองนั่นเอง ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ได้ไม่เสียเงินครับ
แต่หากต้องการเข้าเยี่ยมชมภายในปราสาท ก็ต้องไปซื้อบัตรผ่านประตูกันสักนิด ค่าเข้าก็แค่ 400 เยน (ประมาณ 120 บาท) เท่านั้นเอง แต่ถ้าจะให้คุ้มสุด ก็ต้องซื้อตั๋วเข้าเยี่ยมชมปราสาท + ตั๋วเข้าชมสวน Kokoen ครับ สนนราคาตั๋วเหมาก็อยู่ที่ 560 เยน (ถ้าซื้อแยกจะอยู่ที่ 400 + 300 เยน = 700 เยนครับ) คุ้มครับคุ้ม
บริเวณที่จำหน่ายตั๋ว
พื้นที่โดยรวมของปราสาท Himeji กว้างใหญ่และสวยงามมาก
ถ้าจะซื้อตั๋วเหมาทั้งปราสาทและสวนฯ ให้มาซื้อที่คุณป้าหน้าตาใจดีตรงนี้นะครัส
แต่ถ้าจะซื้อเฉพาะตั๋วเข้าปราสาทอย่างเดียว สามารถซื้อที่เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติได้เลย
หนีงานไปเที่ยว : ตามฝันถิ่นคันไซ (DAY 3 -SLOW LIFE IN HIMEJI)
ติดตามทริปการเดินทางของเราได้ตามนี้นะครับ
หนีงานไปเที่ยว : ตามฝันถิ่นคันไซ
- ตอนที่ 1 เตรียมเนื้อเตรียมตัว http://ppantip.com/topic/34032943
- ตอนที่ 2 Bangkok - Osaka ตื่นเต้นฝุดๆ http://ppantip.com/topic/34033942
- ตอนที่ 3 Osaka - Endo Sushi - Universal Studio ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/34037448
- ตอนที่ 4 Universal Studio คืนสู่วัยเยาว์ในโลกใบใหญ่ ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/34046029
- ตอนที่ 5 SLOW LIFE IN HIMEJI http://ppantip.com/topic/34064955/comment1
- ตอนที่ 6 KOBE ไม่ได้มีแค่เนื้อนะ!! http://ppantip.com/topic/34104765
- ตอนที่ 7 KYOTO ตัวตนของญี่ปุ่น http://ppantip.com/topic/34161446
ผมทำ Facebook Page กับเขียน Blog ไว้สำหรับคนทำงาน ที่อยากหนีงานไปเที่ยวเข้ามาพูดคุยหรือแชร์เรื่องราวกันครับ ลองแวะไปเยี่ยมชม ติชม หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ ^_^
https://www.facebook.com/ibreak2travel
https://ibreak2travel.wordpress.com/
หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ เพื่อนๆ คนไหนอยากแนะนำอะไรเพิ่มเติม ผมยินดีครับ
-----------------------------------------------
“อยากไปเที่ยวปราสาทญี่ปุ่น” นี่เป็นวลีแรกที่ผุดขึ้นมาทันที ที่คิดจะวางแผนเที่ยวญี่ปุ่น ก็คงจะเหมือนๆ กับที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากมาเที่ยวชมพระบรมมหาราชวัง หรือพระราชวังบางปะอินนั่นล่ะครับ ปราสาท วัง และวัด ถือเป็นตัวแทนตัวตนด้านงานสถาปัตยกรรมของแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี ผมก็เลยอยากไปเที่ยวปราสาทญี่ปุ่น อยากไปๆๆๆๆๆ
เมื่อจะมาท่องเที่ยวภูมิภาคคันไซ ปราสาทที่ผมมักได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ ก็มักจะมีปราสาทโอซาก้า, ปราสาทคินคาคุจิ (ปราสาทโชกุนอาชิคางะ ที่ปรากฏในการ์ตูนอิคิวซัง) แล้วก็ปราสาทฮิเมจิ แต่พอมาลองหาข้อมูลดูลึกๆ แล้ว ก็พบว่าสองปราสาทแรก เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ โดยจำลองมาจากปราสาทเดิมที่เคยถูกทิ้งระเบิดและถูกไฟไหม้ ดังนั้นหากจะมองถึงปราสาทที่ยังคงความสมบูรณ์มาแต่ดั้งเดิม ก็คงจะเหลือแต่ปราสาทฮิเมจินี่ล่ะครับ ที่มีแรงดึงดูดให้ได้ไปเยี่ยมชมจริงๆ ดังนั้นทริป “ตามฝันถิ่นคันไซ วันที่ 3” ผมกับแฟนจึงเลือกจะไปเที่ยวเมืองฮิเมจิ และเที่ยวชมปราสาทฮิเมจิกันครับ ตามมาเล้ยยย…
ปราสาท Himeji หนึ่งในปราสาทที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
OSAKA – HIMEJI
หลังจากสนุกสุดแสนเที่ยว Universal Studio กันไปเมื่อวานแล้ว เช้านี้เราก็รีบตื่นกันแต่เช้า (7 โมง) เพื่อเก็บกระเป๋า หม่ำมื้อเช้าอร่อยๆ แล้วก็เช็คเอาท์จากโรงแรมครับ โดยรถเที่ยวที่เราจะขึ้นคือรถไฟใต้ดินเที่ยว 08:04 ซึ่งจะใช้เวลาแค่ 110 นาที จากสถานี NAKATSU (SUBWAY) โอซาก้าไปยังสถานี SANYOHIMEJI เมืองฮิเมจิ
สำหรับทริปนี้เราใช้ KANSAI THRU PASS ดังนั้นการเดินทางส่วนใหญ่จะเป็นรถไฟใต้ดินหรือรถบัสครับ
ตารางการเดินทางจากโอซาก้าครับ
เช้านี้ญี่ปุ่นยังทักทายเราทั้งคู่ด้วยลมหนาวเช่นเคย ดีครับ เราสองคนจะได้กอดกันให้อุ่นๆ ไม่ยอมแพ้อากาศหนาว อิๆ เขินๆ
หลังจากเช็คเอาท์แล้ว พวกเราก็ลากกระเป๋าลงสถานี NAKATSU (SUBWAY) ครับ โดยจะนั่งรถไฟไปลงที่สถานี UMEDA (SUBWAY) เพื่อไปต่อรถไฟสาย HANSHIN / SANYO THROUGH LTD. EXP. เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมือง HIMEJI กันครับ (ข้อมูลตามตารางเดินรถด้านบนเลยนะครับ)
ระบบขนส่งสาธารณะหลัก สำหรับนักเดินทางทุกเพศ ทุกวัย
การเดินทางยามเช้าเพื่อออกนอกเมือง ช่วยให้เราเห็นญี่ปุ่นในอีกมุมนึงครับ ขณะที่รถไฟวิ่งเข้าเมืองจะเต็มไปด้วยผู้คนแน่นเต็มโบกี้ แต่สำหรับขาออก ชีวิตนั้นไร้ซึ่งความเร่งรีบจริงๆ ครับ ผมเลยถือโอกาสได้นั่งมองวิวสวยๆ มองดูผู้คน แล้วก็ผลอยหลับเอาแรง 5555
ถ้านั่งรถไฟเที่ยว ลองเลือกนั่งท้ายขบวนหรือหัวขบวนดูครับ จะได้เห็นวิวที่น่าสนใจมากขึ้น
รถโล่งจนแทบจะเหมาคนเดียวทั้งโบกี้ 555
รถไฟแถบสีส้มนี้เป็นรถไฟขบวน SANYO HIMEJI นะครับ
ไม่รู้ว่าจะเป็นเหมือนกันทุกคนไหม แต่เจ้าหน้าที่รถไฟคนนี้ตั้งใจทำหน้าที่อย่างกระตือรือล้นตลอด 2 ชั่วโมง ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และกริยาที่นอบน้อม
ฝั่งเข้าเมืองช่างเร่งรีบ (ไปทำงาน) แต่ฝั่งออกนอกเมืองนี่ก็ช่างจะแสนชิลล์
ผ่านไปประมาณสักชั่วโมงครึ่ง เราก็เดินทางมาถึงสถานี SANYOHIMEJI ครับ จากนั้นเราจะเดินทางไปฝากกระเป๋าที่โรงแรม TOYOKO INN HIMEJI-EKI ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีครับ เดินไปแค่ 5-8 นาทีเอง (ถ้าไม่เผลอแวะซื้อขนมกินไปซะก่อนนะ)
คุณพี่ คุณน้า 3 คนนี้น่ารักมากครับ เธอแต่งชุดกิโมโนเดินอยู่ในเมือง ดีใจจังที่ได้เห็นสาวในชุดกิโมโนแล้ว
สำหรับ Taxi ในญี่ปุ่นนั้น เหมือนเป็นอาชีพที่ทรงเกียรตินะครับ ทุกคนจะต้องแต่งยูนิฟอร์มอย่างดี รถต้องสะอาด มีผ้าคลุมเบาะที่ต้องหมั่นซักอยู่เสมอ เพื่อเป็นการให้เกียรติลูกค้าที่เข้ามานั่ง ส่วนราคาค่า Taxi ในญี่ปุ่น… ก็แพงอย่างที่ร่ำลือกันล่ะครับ
เรื่องความเป็นระเบียบ ผมยกให้ประเทศนี้มาอันดับหนึ่ง
เดินแค่ 7-8 นาที ก็มาถึงโรงแรมแล้วจ้า ใกล้มากๆ เลย
เนื่องจากยังไม่ถึงบ่าย 3 จึงยังเช็คอินไม่ได้ แต่เราสามารถขอฝากกระเป๋าไว้ที่ล๊อบบี้ได้ครับ ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมจะดูแลไว้ให้เป็นอย่างดี และไหนๆ ก็ได้คุยกับคนท้องถิ่นแล้ว ผมก็เลยขอรายชื่อร้านอร่อยจากเจ้าหน้าที่โรงแรมซะเลย หุๆๆ
ได้เวลาออกเที่ยวแล้ว เย้!!!
แผนการท่องเที่ยวเมืองฮิเมจิของเรา เป็นแบบนี้ครับ
1. นั่ง Himeji Loop Bus เที่ยวชมเมือง Himeji
2. เดินเล่น ถ่ายรูป และดื่มด่ำกับความสวยงามของปราสาทฮิเมจิ
3. มื้อกลางวัน หม่ำข้าวหน้าปลาไหล
4. เดินเล่นถ่ายภาพแสงเย็นที่สวน Kokoen
5. เดินเล่นย่านการค้าถนน Miyukidori (มิยูกิโดริ) ชมงานศิลปะตลอดสองข้างทางในตัวเมือง
6. ถ่ายภาพ Cityscape ของเมือง Himeji
7. ลิ้มรสนาเบะ (หม้อไฟ)
8. กลับไปนอนตีพุงที่โรงแรม
บรรยากาศยามเช้าใน Himeji
สำหรับมือใหม่อยากแบกกระเป๋าเที่ยวเอง ผมแนะนำให้เข้าไปหาข้อมูลเพื่อวางแผนการท่องเที่ยว ที่เว็บไซต์เมือง Himeji ที่ลิงค์นี้ครับ http://www.himeji-kanko.jp/th/model_course/ เค้าจะมี Model Tour หรือโปรแกรมท่องเที่ยวแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย สะดวกมาก อ้อ.. ถ้าใครอยากขี่จักรยาน ทางสำนักงานการท่องเที่ยว มีจักรยานให้เช่าขี่แบบฟรีๆ ด้วยนะ
นั่ง HIMEJI LOOP BUS เที่ยวชมเมือง HIMEJI
ตารางเวลาสำหรับ Himeji Loop Bus ครับ
รอแป๊บเดียว รถบัสหน้าตาหน้ารักก็วิ่งมาเทียบป้ายรถ
ปราสาท Himeji อยู่บนเนินเขากลางเมือง ดังนั้นเราจึงเห็นตัวปราสาทจากทุกมุมเมืองเลยครับ
เมือง Himeji มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายครับ เริ่มตั้งแต่ “ปราสาท Himeji” ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น, “วัดเอ็นเกียวจิ บนภูเขาโซะซะซัน” ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “The Last Samurai”, สวนญี่ปุ่น Kokoen สวนที่มักจะใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หรือละครย้อนยุคของญี่ปุ่น
สำนักการท่องเที่ยวเมือง Himeji ได้จัดทำ Loop Bus ที่จะพาเราเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ได้ครบเลยครับ โดยเราสามารถรอขึ้นได้ที่บริเวณจุดที่เค้ากำหนดไว้ตามข้อมูลด้านล่างนี้ครับ
1.หน้าสถานีฮิเมจิ(ศูนย์รถบัสซิงกิ)
2.หน้าประตูโอเตะปราสาทฮิเมจิ
3.หน้าไปรษณีย์ฮิเมจิ
4.หน้าหอศิลป์
5.หน้าพิพิธภัณฑ์
6.สะพานคิโยะมิซึ(หน้าพิพิธภัณฑ์วรรณกรรม)
7.หน้าสวนโคโคะเอ็น
8.หน้าโอเตะ
9.หน้าสถานีฮิเมจิ(หน้าตึกฮิเมจิ OS)
รถออกทุกๆ 15-30 นาทีครับ รอไม่นานเลย
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ตรงทางเข้า JR Himeji
http://www.himeji-kanko.jp/th/information/
เดินเล่น ถ่ายรูป และดื่มด่ำกับความสวยงามของปราสาท HIMAJI
หลังจากลงรถที่บริเวณปราสาท Himeji พวกเราก็พร้อมจะเดินกันแว๊วววว…วว ก่อนอื่นมาดูข้อมูลปราสาท Himeji กันสักนิดนะครับ
ปราสาท Himeji เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทญี่ปุ่น ด้วยมีลักษณะสถาปัตยกรรมและยุทโธปกรณ์ครบตามแบบอย่างของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่างๆ ในบริเวณปราสาท ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น
ปราสาทแห่งนี้ไม่เคยได้รับความเสียหายจากสงครามและภัยพิบัติต่างๆ ตัวปราสาทจึงอยู่ในสภาพอนุรักษ์ มีการเก็บรักษาและบูรณะไว้อย่างน่าทึ่ง และด้วยความสมบูรณ์แบบนี้เอง จึงทำให้ปราสาทแห่งนี้ได้รับการบันทึกให้เป็นสมบัติแห่งชาติ และถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งแรกของญี่ปุ่น
ด้วยความที่ปราสาทนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาและอยู่ใจกลางเมือง เราจึงจะเห็นผู้คนในท้องถิ่นมากจะมาใช้เวลาเดินเล่น พบปะ และทำกิจกรรมในบริเวณปราสาทอยู่เสมอๆ ครับ ดังนั้นพื้นที่ด้านหน้าปราสาทจึงเป็นเหมือนสวนสาธารณะของเมืองนั่นเอง ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ได้ไม่เสียเงินครับ
แต่หากต้องการเข้าเยี่ยมชมภายในปราสาท ก็ต้องไปซื้อบัตรผ่านประตูกันสักนิด ค่าเข้าก็แค่ 400 เยน (ประมาณ 120 บาท) เท่านั้นเอง แต่ถ้าจะให้คุ้มสุด ก็ต้องซื้อตั๋วเข้าเยี่ยมชมปราสาท + ตั๋วเข้าชมสวน Kokoen ครับ สนนราคาตั๋วเหมาก็อยู่ที่ 560 เยน (ถ้าซื้อแยกจะอยู่ที่ 400 + 300 เยน = 700 เยนครับ) คุ้มครับคุ้ม
บริเวณที่จำหน่ายตั๋ว
พื้นที่โดยรวมของปราสาท Himeji กว้างใหญ่และสวยงามมาก
ถ้าจะซื้อตั๋วเหมาทั้งปราสาทและสวนฯ ให้มาซื้อที่คุณป้าหน้าตาใจดีตรงนี้นะครัส
แต่ถ้าจะซื้อเฉพาะตั๋วเข้าปราสาทอย่างเดียว สามารถซื้อที่เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติได้เลย