เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนสนิท จขกท.เองครับ จะเล่าในมุมมองของตัวเพื่อนนะครับ
"เริ่มด้วยดิฉันเป็นคนรักสุนัขคนนึงที่เลี้ยงชิวาวาไว้คู่นึง (เพศผู้และเพศเมีย) น้องหมาของดิฉันกินเก่ง กินทั้งวัน จนมาช่วงระยะเดือน มิ.ย. 58 ที่ผ่านมาเริ่มสังเกตุเห็นว่าน้องหมาตัวเมียอ้วนผิดปกติและมีเต้าน้ำตั้งขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยไม่มีประสบการณ์เลี้ยงหมาพันธุ์นี้ค่ะ บวกกับว่าเห็นน้องเค้าทานเยอะ ก็ต้องอ้วนเป็นธรรมดา และช่วงวันที่ 10-14 ส.ค. 58 เค้ากินน้อยลง นอนมากขึ้น จนกระทั่งถึงวันที่ 15 ส.ค.58 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.00 น. ดิฉันสังเกตุเห็นเค้าเข้าไปหาที่ซุกมืดๆ ใต้เตียงบ้าง ใต้ตู้บ้าง และชอบคาบกระดาษ คาบของเข้าไปซุกๆ มีพฤติกรรมคล้ายๆ นกที่กำลังสร้างรังค่ะ เลยเอ๊ะใจหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ก็เป็นในลักษณะของสุนัขที่กำลังหาที่คลอดลูกค่ะ ช่วงเวลา 22.00 น. เค้าอาเจียนออกมาเป็นอาหารมื้อเย็นที่เค้ากินไปในช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ขนาดประมาณ 1 กำปั้น น้ำลายหยดๆ ออกมา หายใจแรง มีน้ำฉี่สีเขียวดำจางๆออกมาด้วย 1 ครั้ง ออกมาจากอวัยะเพศ แล้วก็ร้องแบบเจ็บปวด ทำท่าเหมือนเบ่งอุจาระ ทำแบบนั้นอยู่ประมาณ 3-4 ครั้ง ในระหว่างนั้นดิฉันก็พยายามติดต่อกับโรงพยาบาล คลินิก ที่ใกล้เคียงระแวกบ้านของดิฉัน ณ เวลานั้นใกล้เที่ยงคืนแล้วไม่มีที่ไหนเปิดค่ะ เมื่อเวลาประมาณ 00.05 น.ดิฉันจึงให้เพื่อนโทรหาเจ้าของฟาร์มที่ซื้อน้องมา สอบถามกับเจ้าของฟาร์ม เค้าก็สงสัยว่าน้องหมาของดิฉันจะแท้งแล้วเพราะเข้าใจว่าน้ำที่ออกมาน่าจะเป็นน้ำสีเขียวๆ ที่บ่งบอกว่าลูกได้ตายในท้องแม่แล้ว แนะนำให้รีบพาไปหาหมอเพื่อเอาลูกออกรักษาชีวิตของแม่ไว้
หลังจากฟังแบบนั้นดิฉันก็รีบโทรสอบถามเพื่อนที่อยู่แถวกระทุ่มแบนคือห่างออกไปจากระแวกบ้านดิฉันทันที เพื่อนดิฉันได้ข้อมูลคลินิกแห่งนึงย่านศาลายามาจากในอินเตอร์เน็ตค่ะ ซึ่งคลิกนิกแห่งนี้มีหลายสาขาและเครื่องมือครบค่ะ ที่สำคัญเค้าเปิด 24 ชม. และโทรไปมีคนรับสายค่ะ !! ระหว่างทางจากกระทุ่มแบนไปคลินิกย่านศาลายาดิฉันได้คุยสอบถามเรื่องอาการและค่าใช้จ่ายกับคุณหมอในสายคราวๆ ประมาณนึงค่ะ และไปถึงคลินิกย่านศาลายาประมาณ 01.30 น. พอดีคุณหมอติดเคสฉุกเฉินอยู่ค่ะ ดิฉันรอประมาณ 20 นาที คุณหมอถึงเรียกเข้าไปห้องตรวจค่ะ ดิฉันเล่าอาการทั้งหมดให้คุณหมอฟัง คุณหมอจึงแนะน้ำให้อัลตราซาวด์เพื่อเช็คดูว่าลูกยังมีชีวิตอยู่มั้ย 02.00 น. คุณหมออัลตราซาวด์พบว่ามีลูกอยู่ในท้อง 2 ตัว และซาวด์เห็นหัวใจที่เต้นอยู่ทั้งสองตัวค่ะ และคุณหมอก็แนะนำให้ลอง x-ray ดูเพื่อประเมินว่าน้องหมาสามารถเบ่งคลอดเองได้หรือไม่ ดิฉันก็โอเคทำตามที่คุณหมอแนะนำค่ะ ฟิล์ม x-ray สองแผ่นคุณหมอได้อธิบายว่ากระดูกเชิงกรางกับขนาดตัวของลูกใกล้เคียงกัน มีสิทธิที่น้องหมาจะสามารถเบ่งคลอดเองได้ตามธรรมชาติค่ะ ด้วยที่ดิฉันไม่มีประสบการณ์ดูแลสุนัขตั้งท้อง จึงสอบถามคุณหมอเกี่ยวกับเรื่องของการฝากคลอด และก็ตกลงฝากคลอดไว้กับคลินิกแห่งนี้ค่ะ คุณหมอประเมินระยะครรภ์ว่า 60-64 วันแล้ว พร้อมคลอดแล้ว ไม่น่าเกินพรุ่งนี้เช้าก็น่าจะคลอดค่ะ และแนะนำอีกว่าน้องหมาของดิฉันเป็นท้องแรกและพันธุ์เล็กอาจจะเบ่งไม่ไหวก็ต้องผ่าคลอด ซึ่งในกรณีที่ผ่าคลอดจะต้องมีเอกสารเซ็นยินยอมการวางยาสลบ คุณหมอแนะนำให้ดิฉันเซ็นเอกสารทิ้งไว้เผื่อน้องหมาคลอดเองไม่ได้จะได้ทำการผ่าตัดได้เลย ดิฉันก็เซ็นเอกสารพร้อมชำระเงินมัดจำ 7,000 บาทให้กับทางคลินิกค่ะ และกลับบ้านมาเวลาประมาณ 03.00 น. และเช้าของวันที่ 16 สค. 58 เวลา 08.43 น. มีสายเข้าจากคุณหมอคลินิกแห่งนี้ แจ้งว่าน้องหมาของดิฉันไม่สามารถเบ่งคลอดเองได้ตามธรรมชาติจะต้องทำการผ่าตัด ดิฉันก็แจ้งกลับไปทางสายโทรศัพท์นั้นว่าโอเคค่ะ ผ่าได้เลยค่ะ แล้วก็วางสายไป และดิฉันก็คิดถึงการทำหมันสุนัขขึ้นมาค่ะ เพราะก็อยากให้มีแค่คอกนี้คอกเดียว 2 ตัวกำลังดีแล้วเพราะรวมกับพ่อแม่ที่เลี้ยงไว้ก็เป็น 4 ตัวพอแล้วค่ะ จึงโทรกลับไปแจ้งให้ทำหมันสุนัขไปด้วยเลยในเวลา 08.44 น. ค่ะ และสอบถามว่าระยะเวลาในการผ่าตัดเสร็จประมาณ 11.00-12.00 น. ดิฉันจึงเตรียมตัวเดินทางไปรับน้องหมาและลูกทั้งสองของดิฉัน ระหว่างทางช่วงเวลา 11.21 น. มีสายเข้าจากทางคลินิกแจ้งว่า ได้ทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ แต่ลูกๆ ของน้องหมาดิฉันเสียชีวิตทั้งสองตัวค่ะ !!! ตอนนั้นดิฉันถามกลับไปในสายว่าทำไมละคะ ทางคลินิกก็แจ้งกลับมาว่า เนื่องจากลูกหมาอยูาในครรภ์นานเกินไปจึงขาดอากาศหายใจอะไรทำนองนี้ค่ะ ดิฉันฟังไม่ค่อยถนัดและใกล้จะถึงคลินิกแล้วด้วยจึงแจ้งกลับปลายสายไปว่าเดี๋ยวกำลังจะถึงคลินิกแล้วเดี๋ยวค่อยไปคุยกันละกันค่ะ ดิฉันไปถึงคลิกนิก 11.55 น. พนักงานของคลินิกพาดิฉันเข้าไปหาน้องหมาของดิฉันที่ยังไม่ค่อยได้สติจากยาสลบ สายน้ำเกลือแล้วก็มีเสียงร้องออกมา ดิฉันเห็นภาพแบบนั้นสติก็แตก ร้องไห้ด้วยความรู้สึกที่สับสน สงสาร เสียใจ สูญเสียปะปนกันไปหมด ดิฉันได้ยินเสียงพนักงานอีกคนพูดกับเพื่อนดิฉันว่านี่ลูกๆ ของน้องหมาดิฉันค่ะ ดิฉันพยายามตั้งสติอยู่ชั่วครู่นึง แล้วจึงหันไปบอกกับพนักงานว่าขอคุยกับคุณหมอหน่อยสักครู่นึงคุณหมอก็เดินออกมา แต่ไม่ใช่คุณหมอที่เจอเมื่อคืนนี้ ดิฉันจึงถามกลับไปว่านี่คือหมอที่ผ่าตัดให้น้องหมาของดิฉันใช่มั้ย คุณหมอพยักหน้ารับ ดิฉันจึงถามคุณหมอไปว่า เหตุผลที่เด็กๆ ไม่รอดคืออะไร ทั้งที่เมื่อคืนเค้าก็ยังหายใจปกติ ร่างกายครบสมบูรณ์อยู่เลย คุณหมอให้คำตอบกับดิฉันว่า 'เกิดจากลูกหมาอยู่ในครรภ์แม่นานเกินไปค่ะ ทำให้ขาดอากาศหายใจ น้องหมาเค้าไม่ยอมเบ่งเลยค่ะตั้งแต่เมื่อคืน' ดิฉันจึงเล่าลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดให้คุณหมอท่านนี้ฟังใหม่ และคุณหมอก็พูดประโยคเดิม 'เกิดจากลูกหมาอยู่ในครรภ์แม่นานเกินไปค่ะ ทำให้ขาดอากาศหายใจ' ดิฉันจึงตอบกลับไปว่า มันรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลอะ ก็ในเมื่อดิฉันฝากคลอดกับทางคลินิกแล้วคุณหมอคนเมื่อคืนก็ประเมินให้ลองคลอดเองก่อนได้ หรือถ้าไม่ได้ก็ผ่าตัดเอาลูกออก ดิฉันก็มอบอำนาจในการวางยาสลบให้หมดแล้ว คือคลินิกมีอำนาจอยู่ในมือหมดแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ประเมินละว่าควรจะผ่าออกตอนไหน? คุณหมอก็ตอบดิฉันกลับมาว่า 'เกิดจากลูกหมาอยู่ในครรภ์แม่นานเกินไปค่ะ ทำให้ขาดอากาศหายใจ ตอนผ่าออกเนี่ยคือปากจมูกม่วงหมดแล้ว สันนิฐานว่าแม่น่าจะเบ่งนานเกินไปค่ะ' และทำหมันแล้วด้วย โดยที่ลูกแท้งแล้ว อึ้งมั้ยคะ ดิฉันจะมารับลูกสาวกับเด็กๆ อีกสองตัวกลับบ้าน นอนคิดตั้งชื่อเด็กๆ ทั้งคืน คือเราส่งถึงมือหมอแล้วยังไงเค้าก็ปลอดภัย คือคิดแบบนี้ค่ะ มองกลับกันนะคะมันผิดพลาดที่อะไร? ถ้าคุณหมอเค้าตัดสินใจเร็วกว่านี้ เด็กๆ อาจจะรอดหรือเปล่า? แล้วทำไมเค้าถึงปล่อยให้รอจนเช้าในขณะที่น้องหมาอยู่กับเค้าตลอด? หรือเปลี่ยนเวรของคุณหมอท่านที่1 กับท่านที่2 ไม่ประสานงานกัน? คือมันคาใจอ่ะคะ "
อยากทราบความคิดเห็นเพื่อนๆหน่อยครับ ว่าเคสนี้คุณหมอเขาจะต้องมีพิจารณายังไงในขั้นตอนของการ
วิเคราะห์ว่าจะผ่าตัดหรือปล่อยให้สุนัขคลอดเอง
ถ้าไม่แน่ใจว่าคลอดเองได้ควรจะผ่าตั้งแต่แรกไหม
เพราะตอนที่คุยกับคุณหมอ(หลังจากลูกทั้งสองตายแล้ว)เขาก็บอกว่า เป็นเพราะสาเหตุที่ขาดอากาศหายใจคลอดออกมาไม่ทันจึงตาย
เพราะลูกตัวแรกมีขนาดใหญ่กว่าตัวที่สอง แม่สุนัขจึงคลอดเองไม่ได้.....คือฟังมาถึงตรงนี้ก็เลยงงๆว่า
อ่าวตกลงก็รู้นี้ว่าลูกหมามีขนาดใหญ่กว่าที่จะคลอดเองได้แล้วทำไมถึงไม่ผ่าตัดตั้งแต่ตอนนั้นเลย
แถมทำหมันไปแล้วด้วยคือไม่มีโอกาสจะได้เลี้ยงลูกหมาจากเจ้าสโนว(แม่หมา)แล้วแน่ๆอีกต่อไป
ตรงทำหมันน่าจะโทรมาบอกลายละเอียดก่อนว่าลูกหมาทั้งสองตัวตาย
แล้วจะยังทำหมันต่อไหม -..-
คือตอนนี้มันเสียทั้งเงินเสียทั้งความรู้สึกอะครับ จากที่ผมฝังที่เพื่อนเล่ามาทั้งหมด
ปล.เรื่องมันเศร้าตรงที่ตอนแรกก็ตัดใจทำใจไปแล้วว่า ลูกของน้องหมา(ชื่อสโนว)ตายไปแล้ว
พอมาถึงมือหมอก็บอกว่ายังมีชีวิต มาสร้างความหวังใหม่ดีใจไปแล้ว
พอยังไม่ทันข้ามวันดีก็กลายเป็นต้องเสียใจใหม่แถมหนักกว่าเดิม
ส่วนค่าใช้จ่าย
ค่ายาและ/หรือสารน้ำ และ/หรือ ออกซิเจน 895.-
ค่าผ่าตัด/วางยาสลบ 7150.-
ค่าวินิจฉัยด้วยภาพถ่ายรังสี 1050.-
ค่าเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 360.-
ค่ารับฝากสัตว์ 180.-
ค่าบริการทางการแพทย์ 1194.-
สรุปทั้งหมดนี้โดนไป 10852-. บาท พร้อมกับลูกหมาตายสองตัวที่ให้เอาไปฝังเอง T^T
ทำไมลูกหนูถึงไม่รอด!!!(ลูกหมานะ)
"เริ่มด้วยดิฉันเป็นคนรักสุนัขคนนึงที่เลี้ยงชิวาวาไว้คู่นึง (เพศผู้และเพศเมีย) น้องหมาของดิฉันกินเก่ง กินทั้งวัน จนมาช่วงระยะเดือน มิ.ย. 58 ที่ผ่านมาเริ่มสังเกตุเห็นว่าน้องหมาตัวเมียอ้วนผิดปกติและมีเต้าน้ำตั้งขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยไม่มีประสบการณ์เลี้ยงหมาพันธุ์นี้ค่ะ บวกกับว่าเห็นน้องเค้าทานเยอะ ก็ต้องอ้วนเป็นธรรมดา และช่วงวันที่ 10-14 ส.ค. 58 เค้ากินน้อยลง นอนมากขึ้น จนกระทั่งถึงวันที่ 15 ส.ค.58 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.00 น. ดิฉันสังเกตุเห็นเค้าเข้าไปหาที่ซุกมืดๆ ใต้เตียงบ้าง ใต้ตู้บ้าง และชอบคาบกระดาษ คาบของเข้าไปซุกๆ มีพฤติกรรมคล้ายๆ นกที่กำลังสร้างรังค่ะ เลยเอ๊ะใจหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ก็เป็นในลักษณะของสุนัขที่กำลังหาที่คลอดลูกค่ะ ช่วงเวลา 22.00 น. เค้าอาเจียนออกมาเป็นอาหารมื้อเย็นที่เค้ากินไปในช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. ขนาดประมาณ 1 กำปั้น น้ำลายหยดๆ ออกมา หายใจแรง มีน้ำฉี่สีเขียวดำจางๆออกมาด้วย 1 ครั้ง ออกมาจากอวัยะเพศ แล้วก็ร้องแบบเจ็บปวด ทำท่าเหมือนเบ่งอุจาระ ทำแบบนั้นอยู่ประมาณ 3-4 ครั้ง ในระหว่างนั้นดิฉันก็พยายามติดต่อกับโรงพยาบาล คลินิก ที่ใกล้เคียงระแวกบ้านของดิฉัน ณ เวลานั้นใกล้เที่ยงคืนแล้วไม่มีที่ไหนเปิดค่ะ เมื่อเวลาประมาณ 00.05 น.ดิฉันจึงให้เพื่อนโทรหาเจ้าของฟาร์มที่ซื้อน้องมา สอบถามกับเจ้าของฟาร์ม เค้าก็สงสัยว่าน้องหมาของดิฉันจะแท้งแล้วเพราะเข้าใจว่าน้ำที่ออกมาน่าจะเป็นน้ำสีเขียวๆ ที่บ่งบอกว่าลูกได้ตายในท้องแม่แล้ว แนะนำให้รีบพาไปหาหมอเพื่อเอาลูกออกรักษาชีวิตของแม่ไว้
หลังจากฟังแบบนั้นดิฉันก็รีบโทรสอบถามเพื่อนที่อยู่แถวกระทุ่มแบนคือห่างออกไปจากระแวกบ้านดิฉันทันที เพื่อนดิฉันได้ข้อมูลคลินิกแห่งนึงย่านศาลายามาจากในอินเตอร์เน็ตค่ะ ซึ่งคลิกนิกแห่งนี้มีหลายสาขาและเครื่องมือครบค่ะ ที่สำคัญเค้าเปิด 24 ชม. และโทรไปมีคนรับสายค่ะ !! ระหว่างทางจากกระทุ่มแบนไปคลินิกย่านศาลายาดิฉันได้คุยสอบถามเรื่องอาการและค่าใช้จ่ายกับคุณหมอในสายคราวๆ ประมาณนึงค่ะ และไปถึงคลินิกย่านศาลายาประมาณ 01.30 น. พอดีคุณหมอติดเคสฉุกเฉินอยู่ค่ะ ดิฉันรอประมาณ 20 นาที คุณหมอถึงเรียกเข้าไปห้องตรวจค่ะ ดิฉันเล่าอาการทั้งหมดให้คุณหมอฟัง คุณหมอจึงแนะน้ำให้อัลตราซาวด์เพื่อเช็คดูว่าลูกยังมีชีวิตอยู่มั้ย 02.00 น. คุณหมออัลตราซาวด์พบว่ามีลูกอยู่ในท้อง 2 ตัว และซาวด์เห็นหัวใจที่เต้นอยู่ทั้งสองตัวค่ะ และคุณหมอก็แนะนำให้ลอง x-ray ดูเพื่อประเมินว่าน้องหมาสามารถเบ่งคลอดเองได้หรือไม่ ดิฉันก็โอเคทำตามที่คุณหมอแนะนำค่ะ ฟิล์ม x-ray สองแผ่นคุณหมอได้อธิบายว่ากระดูกเชิงกรางกับขนาดตัวของลูกใกล้เคียงกัน มีสิทธิที่น้องหมาจะสามารถเบ่งคลอดเองได้ตามธรรมชาติค่ะ ด้วยที่ดิฉันไม่มีประสบการณ์ดูแลสุนัขตั้งท้อง จึงสอบถามคุณหมอเกี่ยวกับเรื่องของการฝากคลอด และก็ตกลงฝากคลอดไว้กับคลินิกแห่งนี้ค่ะ คุณหมอประเมินระยะครรภ์ว่า 60-64 วันแล้ว พร้อมคลอดแล้ว ไม่น่าเกินพรุ่งนี้เช้าก็น่าจะคลอดค่ะ และแนะนำอีกว่าน้องหมาของดิฉันเป็นท้องแรกและพันธุ์เล็กอาจจะเบ่งไม่ไหวก็ต้องผ่าคลอด ซึ่งในกรณีที่ผ่าคลอดจะต้องมีเอกสารเซ็นยินยอมการวางยาสลบ คุณหมอแนะนำให้ดิฉันเซ็นเอกสารทิ้งไว้เผื่อน้องหมาคลอดเองไม่ได้จะได้ทำการผ่าตัดได้เลย ดิฉันก็เซ็นเอกสารพร้อมชำระเงินมัดจำ 7,000 บาทให้กับทางคลินิกค่ะ และกลับบ้านมาเวลาประมาณ 03.00 น. และเช้าของวันที่ 16 สค. 58 เวลา 08.43 น. มีสายเข้าจากคุณหมอคลินิกแห่งนี้ แจ้งว่าน้องหมาของดิฉันไม่สามารถเบ่งคลอดเองได้ตามธรรมชาติจะต้องทำการผ่าตัด ดิฉันก็แจ้งกลับไปทางสายโทรศัพท์นั้นว่าโอเคค่ะ ผ่าได้เลยค่ะ แล้วก็วางสายไป และดิฉันก็คิดถึงการทำหมันสุนัขขึ้นมาค่ะ เพราะก็อยากให้มีแค่คอกนี้คอกเดียว 2 ตัวกำลังดีแล้วเพราะรวมกับพ่อแม่ที่เลี้ยงไว้ก็เป็น 4 ตัวพอแล้วค่ะ จึงโทรกลับไปแจ้งให้ทำหมันสุนัขไปด้วยเลยในเวลา 08.44 น. ค่ะ และสอบถามว่าระยะเวลาในการผ่าตัดเสร็จประมาณ 11.00-12.00 น. ดิฉันจึงเตรียมตัวเดินทางไปรับน้องหมาและลูกทั้งสองของดิฉัน ระหว่างทางช่วงเวลา 11.21 น. มีสายเข้าจากทางคลินิกแจ้งว่า ได้ทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ แต่ลูกๆ ของน้องหมาดิฉันเสียชีวิตทั้งสองตัวค่ะ !!! ตอนนั้นดิฉันถามกลับไปในสายว่าทำไมละคะ ทางคลินิกก็แจ้งกลับมาว่า เนื่องจากลูกหมาอยูาในครรภ์นานเกินไปจึงขาดอากาศหายใจอะไรทำนองนี้ค่ะ ดิฉันฟังไม่ค่อยถนัดและใกล้จะถึงคลินิกแล้วด้วยจึงแจ้งกลับปลายสายไปว่าเดี๋ยวกำลังจะถึงคลินิกแล้วเดี๋ยวค่อยไปคุยกันละกันค่ะ ดิฉันไปถึงคลิกนิก 11.55 น. พนักงานของคลินิกพาดิฉันเข้าไปหาน้องหมาของดิฉันที่ยังไม่ค่อยได้สติจากยาสลบ สายน้ำเกลือแล้วก็มีเสียงร้องออกมา ดิฉันเห็นภาพแบบนั้นสติก็แตก ร้องไห้ด้วยความรู้สึกที่สับสน สงสาร เสียใจ สูญเสียปะปนกันไปหมด ดิฉันได้ยินเสียงพนักงานอีกคนพูดกับเพื่อนดิฉันว่านี่ลูกๆ ของน้องหมาดิฉันค่ะ ดิฉันพยายามตั้งสติอยู่ชั่วครู่นึง แล้วจึงหันไปบอกกับพนักงานว่าขอคุยกับคุณหมอหน่อยสักครู่นึงคุณหมอก็เดินออกมา แต่ไม่ใช่คุณหมอที่เจอเมื่อคืนนี้ ดิฉันจึงถามกลับไปว่านี่คือหมอที่ผ่าตัดให้น้องหมาของดิฉันใช่มั้ย คุณหมอพยักหน้ารับ ดิฉันจึงถามคุณหมอไปว่า เหตุผลที่เด็กๆ ไม่รอดคืออะไร ทั้งที่เมื่อคืนเค้าก็ยังหายใจปกติ ร่างกายครบสมบูรณ์อยู่เลย คุณหมอให้คำตอบกับดิฉันว่า 'เกิดจากลูกหมาอยู่ในครรภ์แม่นานเกินไปค่ะ ทำให้ขาดอากาศหายใจ น้องหมาเค้าไม่ยอมเบ่งเลยค่ะตั้งแต่เมื่อคืน' ดิฉันจึงเล่าลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดให้คุณหมอท่านนี้ฟังใหม่ และคุณหมอก็พูดประโยคเดิม 'เกิดจากลูกหมาอยู่ในครรภ์แม่นานเกินไปค่ะ ทำให้ขาดอากาศหายใจ' ดิฉันจึงตอบกลับไปว่า มันรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลอะ ก็ในเมื่อดิฉันฝากคลอดกับทางคลินิกแล้วคุณหมอคนเมื่อคืนก็ประเมินให้ลองคลอดเองก่อนได้ หรือถ้าไม่ได้ก็ผ่าตัดเอาลูกออก ดิฉันก็มอบอำนาจในการวางยาสลบให้หมดแล้ว คือคลินิกมีอำนาจอยู่ในมือหมดแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ประเมินละว่าควรจะผ่าออกตอนไหน? คุณหมอก็ตอบดิฉันกลับมาว่า 'เกิดจากลูกหมาอยู่ในครรภ์แม่นานเกินไปค่ะ ทำให้ขาดอากาศหายใจ ตอนผ่าออกเนี่ยคือปากจมูกม่วงหมดแล้ว สันนิฐานว่าแม่น่าจะเบ่งนานเกินไปค่ะ' และทำหมันแล้วด้วย โดยที่ลูกแท้งแล้ว อึ้งมั้ยคะ ดิฉันจะมารับลูกสาวกับเด็กๆ อีกสองตัวกลับบ้าน นอนคิดตั้งชื่อเด็กๆ ทั้งคืน คือเราส่งถึงมือหมอแล้วยังไงเค้าก็ปลอดภัย คือคิดแบบนี้ค่ะ มองกลับกันนะคะมันผิดพลาดที่อะไร? ถ้าคุณหมอเค้าตัดสินใจเร็วกว่านี้ เด็กๆ อาจจะรอดหรือเปล่า? แล้วทำไมเค้าถึงปล่อยให้รอจนเช้าในขณะที่น้องหมาอยู่กับเค้าตลอด? หรือเปลี่ยนเวรของคุณหมอท่านที่1 กับท่านที่2 ไม่ประสานงานกัน? คือมันคาใจอ่ะคะ "
อยากทราบความคิดเห็นเพื่อนๆหน่อยครับ ว่าเคสนี้คุณหมอเขาจะต้องมีพิจารณายังไงในขั้นตอนของการ
วิเคราะห์ว่าจะผ่าตัดหรือปล่อยให้สุนัขคลอดเอง
ถ้าไม่แน่ใจว่าคลอดเองได้ควรจะผ่าตั้งแต่แรกไหม
เพราะตอนที่คุยกับคุณหมอ(หลังจากลูกทั้งสองตายแล้ว)เขาก็บอกว่า เป็นเพราะสาเหตุที่ขาดอากาศหายใจคลอดออกมาไม่ทันจึงตาย
เพราะลูกตัวแรกมีขนาดใหญ่กว่าตัวที่สอง แม่สุนัขจึงคลอดเองไม่ได้.....คือฟังมาถึงตรงนี้ก็เลยงงๆว่า
อ่าวตกลงก็รู้นี้ว่าลูกหมามีขนาดใหญ่กว่าที่จะคลอดเองได้แล้วทำไมถึงไม่ผ่าตัดตั้งแต่ตอนนั้นเลย
แถมทำหมันไปแล้วด้วยคือไม่มีโอกาสจะได้เลี้ยงลูกหมาจากเจ้าสโนว(แม่หมา)แล้วแน่ๆอีกต่อไป
ตรงทำหมันน่าจะโทรมาบอกลายละเอียดก่อนว่าลูกหมาทั้งสองตัวตาย
แล้วจะยังทำหมันต่อไหม -..-
คือตอนนี้มันเสียทั้งเงินเสียทั้งความรู้สึกอะครับ จากที่ผมฝังที่เพื่อนเล่ามาทั้งหมด
ปล.เรื่องมันเศร้าตรงที่ตอนแรกก็ตัดใจทำใจไปแล้วว่า ลูกของน้องหมา(ชื่อสโนว)ตายไปแล้ว
พอมาถึงมือหมอก็บอกว่ายังมีชีวิต มาสร้างความหวังใหม่ดีใจไปแล้ว
พอยังไม่ทันข้ามวันดีก็กลายเป็นต้องเสียใจใหม่แถมหนักกว่าเดิม
ส่วนค่าใช้จ่าย
ค่ายาและ/หรือสารน้ำ และ/หรือ ออกซิเจน 895.-
ค่าผ่าตัด/วางยาสลบ 7150.-
ค่าวินิจฉัยด้วยภาพถ่ายรังสี 1050.-
ค่าเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ 360.-
ค่ารับฝากสัตว์ 180.-
ค่าบริการทางการแพทย์ 1194.-
สรุปทั้งหมดนี้โดนไป 10852-. บาท พร้อมกับลูกหมาตายสองตัวที่ให้เอาไปฝังเอง T^T