เวลาไปงานศพที่วัดธาตุทอง เอกมัย หลังงานถ้าอยากหาอะไรทานต่อ
จะไปที่ซอยสุขุมวิท 38 และมักจะเดินไป ไม่ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสไปลงสถานีทองหล่อ
ซึ่งห่างออกไปแค่สถานีเดียว แต่การเดินไปนั้น จะเดินฝั่งเดียวกับวัดธาตุทอง
ไม่ข้ามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเอกมัย ไปเดินฝั่งท้องฟ้าจำลอง เพราะทางเดินค่อนข้างมืดไม่ปลอดภัย
วันเสาร์ที่ 15-8-15 19.50 น. ถึงซอยทองหล่อ ขึ้นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อ ลงบันไดทางออกที่ 4
เพื่อข้ามไปสุขุมวิทซอย 38 ซึ่งสองฝั่งของระยะทางประมาณ 100 เต็มไปด้วยร้านและแผงลอยขายอาหาร
มีทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
เดินทางมาทานอาหารเย็นที่ซอยนี้ ซึ่งเริ่มตั้งแต่สี่โมงเย็น
ขายอาหารไทย จีน ทั้งอาหารคาวและของหวาน
ปัจจุบันห้ามตั้งตั้งโต๊ะและเก้าอี้บนพื้นถนน
อาหารในซอยนี้ขายดีกันทุกร้าน บางอย่างขายซ้ำกัน
แล้วแต่ความชอบและความพอใจ ในรสชาติของอาหารของแต่ละคน
เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกใจทุกคน และเป็นไปไม่ได้ ที่จะอร่อยถูกปากทั้งซอย
ของอร่อยของคนกลุ่มหนึ่ง อาจไม่อร่อยสำหรับอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่มีใครผิดใครถูก
ถ้าอาหารร้านนั้นไม่อร่อยถูกปากทุกคน ร้านนั้นย่อมอยู่ไม่ได้ ถ้าคนแน่นเต็มร้าน
แสดงว่าคนส่วนหนึ่งชอบรสชาติของร้านนั้น เหมือนผัดไททิพย์สมัย ที่สำราษราษฎร์
เห็นคนบอกไม่อร่อยกันมากมาย แต่คนเต็มร้านทุกวัน ฉะนั้น อย่าใช้เกณฑ์ของตัวเองตัดสิน
สำหรับสุขุมวิทซอย 38 นั้น ร้านที่แวะประจำ มีอยู่ 3-4 ร้าน
เริ่มด้วยร้านแรก คือ ร้านโจ๊กหมู ที่ห้องแถวแรกด้านชวามือของซอย
ขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อที่ซอยทองหล่อ ต่อมาย้ายมาขายฝั่งซอยสุขุมวิท 38
มีที่นั่งในร้านห้าโต๊ะ นั่งได้ประมาณ 25 คน
เครื่องปรุง
ของตัวเองเป็นโจ๊กหมูสับและเครื่องใน ใส่ไข่เค็ม 55 บาท
มีปาท่องโก๋กรอบโรยหน้าพร้อมต้นหอมและขิงซอย ถ้าสั่งปาท่องโก๋เพิ่ม ถุงละ 10 บาท
เครื่องในมี 4 อย่าง คือ ตับหมู กระเพาะหมู
เซี่ยงจี๊
และไส้อ่อน เครื่องในลวกและต้มสุกกำลังดี ไส้อ่อนไม่มีกลิ่น
หมูสับปรุงรส ปั้นเป็นลูกกลม แต่ไม่ตีอัดแน่นจนเป็นหมูเด้ง
ไข่เค็มใส่มาเต็มฟอง
เนื้อโจ้กไม่ข้น ถ้าชอบรสจัด ต้องปรุงเพิ่มด้วยซีอิ๊วและพริกไทย
ของแฟนเป็นเครื่องในล้วนใส่ไข่ 45 บาท
ออกจากร้านโจ๊กข้ามถนนไปฝั่งซ้ายของซอยสุขุมวิท 38
ไม่ชอบเดินฝั่งขวา เพราะต้องการหลบควันไฟ ทั้งจากร้านหมูสะเต๊ะและปลาเผา
และไอน้ำมันจากร้านอาหารตามสั่ง ที่ชอบผัดไฟลุกท่วม
ตรงข้ามกับร้านโจ๊ก คือ ร้านของหวานมุกเต้าทึง เป็นร้านที่แวะสุดท้ายก่อนกลับบ้าน
เดินตรงไป ผ่านร้านข้าวขาหมูไปทานบะหมี่หมูแดง
ไม่ใช่ร้านนี้ แต่เป็นร้านถัดไป ซึ่งเป็นร้านสุดท้ายของฝั่งซ้าย
ร้านนี้ไม่มีชื่อ แต่ส่วนใหญ่เรียกกันว่า"ร้านบะหมี่เกี๊ยว ปู หมูแดง สุขุมวิท 38"
ขายกันสองคน ดูจากอายุแล้ว น่าจะเป็นพี่ชายและน้องชาย จึงเรียกเองว่าร้านสองพี่น้อง
น้ำซุปร้านนี้หอมและหวานน้ำต้มกระดูกหมู
แต่วันนี้สั่งแบบแห้งทั้งสองคน ชามละ 50 บาทเพราะใส่ปูด้วย
ไม่ใส่เกี๊ยว แต่ขอให้ใส่กากหมูเจียว และขอน้ำซุปหนึ่งถ้วย
กากหมูเจียวแห้ง กรอบอร่อย ไม่อมน้ำมัน
หมูแดงหอมหมักเครื่องเทศถึง ย่างไฟกำลังดีไม่เหนียว
เนื้อปูสดแต่ใส่มานิดเดียว
ร้านนี้อร่อยด้วยบะหมี่ไข่ที่ทำเอง
เป็นที่นิยมของลูกค้าเอเซีย ทั้งญี่ปุ่นและจีน
โต๊ะนั่งมีเพียง 5 โต๊ะ ลูกค้าสั่งกลับบ้านกันมาก
บางคนนั่งทานที่ร้านแต่สั่งกลับ 10 ห่อ
เดินกลับมาที่ร้านมุกเต้าทึง วันนี้คนไม่แน่น มีโต๊ะว่างหลายโต๊ะ
ตามฝาผนัง จะมีภาพและประโยชน์ของเครื่องเต้าทึงแต่ละอย่าง
นั่งที่โต๊ะสีฟ้า ร้านนี้ไม่มีเบอร์โต๊ะ
แต่ใช้สีโต๊ะเป็นตัวกำหนด นั่งแล้วเขียนสั่งในกระดาษสีเดียวกับโต๊ะ
รายการของหวาน
รายการเครื่องเต้าทึง
รายการไอศครีม
ของแฟนเป็นเต้าทึงเย็น 25 บาท
ราคาถูกกว่าและใส่เครื่องมากกว่าร้านเช็งซิมอี๊
ไม่ใช่สาคู แต่ทำจากบุก เปลือกกรอบๆ
เม็ดเป็นประกายเหมือนคริสตัล เรียกว่า"เพชร"
แผ่นแป้งกลมกรอบ หรือ เช็งซิมอี๊
โบ๊กเกี๊ยไม่ได้ลวกสด ออกเหนียวไม่อร่อย
ของตัวเองเป็นไอศครีมกะทิไข่แข็ง 25 บาท
ตีไข่แดงลงในไอศครีมกะทิ รอจนไข่แข็งแล้วตักขึ้น
ไม่มีกลิ่นคาวของไข่ไก่
อาหารในซอยสุขุมวิท 38 ไม่ได้จัดว่าเป็นอาหารราคาถูก
สองคนพออิ่ม 250 บาท แต่สะดวกเพราะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสที่หน้าบ้าน ลงที่หน้าปากซอยสุขุมวิท 38 พอดี
ติดตามเรื่องราวอื่นได้ที่เพจ"เที่ยวไปกินไป by laser"
[CR] เที่ยวไปกินไป by laser : Street Food สุขุมวิท 38
จะไปที่ซอยสุขุมวิท 38 และมักจะเดินไป ไม่ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสไปลงสถานีทองหล่อ
ซึ่งห่างออกไปแค่สถานีเดียว แต่การเดินไปนั้น จะเดินฝั่งเดียวกับวัดธาตุทอง
ไม่ข้ามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเอกมัย ไปเดินฝั่งท้องฟ้าจำลอง เพราะทางเดินค่อนข้างมืดไม่ปลอดภัย
วันเสาร์ที่ 15-8-15 19.50 น. ถึงซอยทองหล่อ ขึ้นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทองหล่อ ลงบันไดทางออกที่ 4
เพื่อข้ามไปสุขุมวิทซอย 38 ซึ่งสองฝั่งของระยะทางประมาณ 100 เต็มไปด้วยร้านและแผงลอยขายอาหาร
มีทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
เดินทางมาทานอาหารเย็นที่ซอยนี้ ซึ่งเริ่มตั้งแต่สี่โมงเย็น
ขายอาหารไทย จีน ทั้งอาหารคาวและของหวาน
ปัจจุบันห้ามตั้งตั้งโต๊ะและเก้าอี้บนพื้นถนน
อาหารในซอยนี้ขายดีกันทุกร้าน บางอย่างขายซ้ำกัน
แล้วแต่ความชอบและความพอใจ ในรสชาติของอาหารของแต่ละคน
เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกใจทุกคน และเป็นไปไม่ได้ ที่จะอร่อยถูกปากทั้งซอย
ของอร่อยของคนกลุ่มหนึ่ง อาจไม่อร่อยสำหรับอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่มีใครผิดใครถูก
ถ้าอาหารร้านนั้นไม่อร่อยถูกปากทุกคน ร้านนั้นย่อมอยู่ไม่ได้ ถ้าคนแน่นเต็มร้าน
แสดงว่าคนส่วนหนึ่งชอบรสชาติของร้านนั้น เหมือนผัดไททิพย์สมัย ที่สำราษราษฎร์
เห็นคนบอกไม่อร่อยกันมากมาย แต่คนเต็มร้านทุกวัน ฉะนั้น อย่าใช้เกณฑ์ของตัวเองตัดสิน
สำหรับสุขุมวิทซอย 38 นั้น ร้านที่แวะประจำ มีอยู่ 3-4 ร้าน
เริ่มด้วยร้านแรก คือ ร้านโจ๊กหมู ที่ห้องแถวแรกด้านชวามือของซอย
ขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อที่ซอยทองหล่อ ต่อมาย้ายมาขายฝั่งซอยสุขุมวิท 38
มีที่นั่งในร้านห้าโต๊ะ นั่งได้ประมาณ 25 คน
เครื่องปรุง
ของตัวเองเป็นโจ๊กหมูสับและเครื่องใน ใส่ไข่เค็ม 55 บาท
มีปาท่องโก๋กรอบโรยหน้าพร้อมต้นหอมและขิงซอย ถ้าสั่งปาท่องโก๋เพิ่ม ถุงละ 10 บาท
เครื่องในมี 4 อย่าง คือ ตับหมู กระเพาะหมู
เซี่ยงจี๊
และไส้อ่อน เครื่องในลวกและต้มสุกกำลังดี ไส้อ่อนไม่มีกลิ่น
หมูสับปรุงรส ปั้นเป็นลูกกลม แต่ไม่ตีอัดแน่นจนเป็นหมูเด้ง
ไข่เค็มใส่มาเต็มฟอง
เนื้อโจ้กไม่ข้น ถ้าชอบรสจัด ต้องปรุงเพิ่มด้วยซีอิ๊วและพริกไทย
ของแฟนเป็นเครื่องในล้วนใส่ไข่ 45 บาท
ออกจากร้านโจ๊กข้ามถนนไปฝั่งซ้ายของซอยสุขุมวิท 38
ไม่ชอบเดินฝั่งขวา เพราะต้องการหลบควันไฟ ทั้งจากร้านหมูสะเต๊ะและปลาเผา
และไอน้ำมันจากร้านอาหารตามสั่ง ที่ชอบผัดไฟลุกท่วม
ตรงข้ามกับร้านโจ๊ก คือ ร้านของหวานมุกเต้าทึง เป็นร้านที่แวะสุดท้ายก่อนกลับบ้าน
เดินตรงไป ผ่านร้านข้าวขาหมูไปทานบะหมี่หมูแดง
ไม่ใช่ร้านนี้ แต่เป็นร้านถัดไป ซึ่งเป็นร้านสุดท้ายของฝั่งซ้าย
ร้านนี้ไม่มีชื่อ แต่ส่วนใหญ่เรียกกันว่า"ร้านบะหมี่เกี๊ยว ปู หมูแดง สุขุมวิท 38"
ขายกันสองคน ดูจากอายุแล้ว น่าจะเป็นพี่ชายและน้องชาย จึงเรียกเองว่าร้านสองพี่น้อง
น้ำซุปร้านนี้หอมและหวานน้ำต้มกระดูกหมู
แต่วันนี้สั่งแบบแห้งทั้งสองคน ชามละ 50 บาทเพราะใส่ปูด้วย
ไม่ใส่เกี๊ยว แต่ขอให้ใส่กากหมูเจียว และขอน้ำซุปหนึ่งถ้วย
กากหมูเจียวแห้ง กรอบอร่อย ไม่อมน้ำมัน
หมูแดงหอมหมักเครื่องเทศถึง ย่างไฟกำลังดีไม่เหนียว
เนื้อปูสดแต่ใส่มานิดเดียว
ร้านนี้อร่อยด้วยบะหมี่ไข่ที่ทำเอง
เป็นที่นิยมของลูกค้าเอเซีย ทั้งญี่ปุ่นและจีน
โต๊ะนั่งมีเพียง 5 โต๊ะ ลูกค้าสั่งกลับบ้านกันมาก
บางคนนั่งทานที่ร้านแต่สั่งกลับ 10 ห่อ
เดินกลับมาที่ร้านมุกเต้าทึง วันนี้คนไม่แน่น มีโต๊ะว่างหลายโต๊ะ
ตามฝาผนัง จะมีภาพและประโยชน์ของเครื่องเต้าทึงแต่ละอย่าง
นั่งที่โต๊ะสีฟ้า ร้านนี้ไม่มีเบอร์โต๊ะ
แต่ใช้สีโต๊ะเป็นตัวกำหนด นั่งแล้วเขียนสั่งในกระดาษสีเดียวกับโต๊ะ
รายการของหวาน
รายการเครื่องเต้าทึง
รายการไอศครีม
ของแฟนเป็นเต้าทึงเย็น 25 บาท
ราคาถูกกว่าและใส่เครื่องมากกว่าร้านเช็งซิมอี๊
ไม่ใช่สาคู แต่ทำจากบุก เปลือกกรอบๆ
เม็ดเป็นประกายเหมือนคริสตัล เรียกว่า"เพชร"
แผ่นแป้งกลมกรอบ หรือ เช็งซิมอี๊
โบ๊กเกี๊ยไม่ได้ลวกสด ออกเหนียวไม่อร่อย
ของตัวเองเป็นไอศครีมกะทิไข่แข็ง 25 บาท
ตีไข่แดงลงในไอศครีมกะทิ รอจนไข่แข็งแล้วตักขึ้น
ไม่มีกลิ่นคาวของไข่ไก่
อาหารในซอยสุขุมวิท 38 ไม่ได้จัดว่าเป็นอาหารราคาถูก
สองคนพออิ่ม 250 บาท แต่สะดวกเพราะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสที่หน้าบ้าน ลงที่หน้าปากซอยสุขุมวิท 38 พอดี
ติดตามเรื่องราวอื่นได้ที่เพจ"เที่ยวไปกินไป by laser"