อันว่าอาวุธปืนเป็นเหมือนเรื่องต้องห้ามในสังคมที่ผมทำงานเพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ความเป็นพ่อบ้านใจกล้าหน้าตาติ๋มๆ ที่ผมรักษามานานกลายเป็นกลุ่มชาวพุทธติดอาวุธหัวรุนแรงขึ้นมาทันที มิใยที่ผมจะบอกว่าปืนทุกกระบอกที่มีไม่เคยยิงสิ่งมีชีวิต ไม่เคยยิงขึ้นฟ้า ไม่เคยเอาไปคุกคามใครนอกจากเป้ากระดาษ แต่ด้วยความที่เป็นอาวุธเลยทำให้หลายๆ คนไม่ชอบให้เอามาพูดคุยกันเท่าไร
ครั้นพอจะคุยกัน ด้วยความที่เป็นเรื่องที่ต้องแอบเอามาสนทนา แวดวงปืนที่ผมรู้จักจึงเต็มด้วยข่าวลือประเภท “เขาว่ากันว่า” เต็มไปหมดอาทิ ปืน .45 หรือ 11 มม. นั้นเป็น "อาวุธสงคราม” คนธรรมดามีไว้ในครอบครองไม่ได้ หรือ “ต้อง .357 เท่านั้นถึงจะยิงรางรถไฟขาด”
ด้วยอารมณ์ว่างๆ ยามเช้า บวกกับรื้อรูปเจอปืนเก่าๆ ที่เคยมีไว้ใช้สมัยที่บ้าสะสมอาวุธเลยถือโอกาสเอามาเล่าสู่กันฟังเสียเลย มิใยว่าจะเป็นมือใหม่ที่ไม่ได้มีปืนเทพๆ แต่หวังว่าปืนบ้านๆ ที่มีเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังหาข้อมูลอยู่ ไม่ว่าจะเอามายิงเป้า เฝ้าบ้าน หรือเก็บตำนานปืนเก่าๆ เอาไว้ให้ลูกหลานก็ได้ตามอัธยาศัยนะครับ
ผมสัมผัสปืนกระบอกแรก ตั้งแต่สมัยประถม แน่นอนว่าเป็นของคุณพ่อ คือ Smith & Wesson .38 ลำกล้อง 2 นิ้ว ความรู้สึกแรกคือยิงยากมาก เพราะลำกล้องสั้น ระยะหวังผลยากครับ เทียบกับกระบอกอื่นๆ ที่คุณพ่อให้ลองของเพื่อน เช่น Smith 686 ลำกล้อง 4 นิ้วแล้ว ยิงเข้าวงดำที่ระยะ 15 เมตรได้ง่ายกว่ามาก ยิ่งเป็นลำกล้องยาวๆ อย่าง Colt Python 6 นิ้ว ก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก ทำให้จำฝังใจว่าถ้ามีโอกาสซื้อปืนกระบอกแรกต้องขอยาวสักหน่อย เพื่อยิงเป้ากระดาษได้สนุกหน่อย
พอเรียนจบทำงาน มีบ้านเป็นของตัวเอง ปืนยิงเป้าเฝ้าบ้านที่ผมเลือกจึงเป็น CZ 85 Combat ขนาด 9 มม. ลำกล้อง 5 นิ้ว จุ 15 นัด เพราะกระแส 9 ลูกดกมาแรง คือดูๆ แล้วความแรงของกระสุน 9 มม. น่าจะพอเพียงในการใช้ป้องกันตัว บวกกับความจุกระสุนถึง 15 นัดน่าจะใช้ต่อสู้ในยามจำเป็นได้พอสมควร
CZ แม่นมากครับ ใช้ไม่ผิดหวังเลย ความแข็งแรงทนทานก็น่าจะโอเคเพราะเป็นเหล็กล้วน โดย CZ รุ่นยอดนิยมในปัจจุบันคือ CZ75 ไม่ต่างอะไรกับ CZ85 ที่ผมเคยใช้อยู่มากนักเพียงแต่มีรุ่นย่อยเพิ่มขึ้นอีกหลายรุ่น เช่น CZ75 SP01, Shadow ฯลฯ รับประกันว่าแม่นทุกรุ่น แต่สมัยที่ผมซื้อเป็นกระบอกแรกนั้นต้องคิดอยู่นานก่อนเลือก CZ เพราะกระแสความนิยมของ Glock มาแรงมาก จนท้ายที่สุดก็เลยถอย Glock 19 มาใช้งานด้วยอีกกระบอกเพราะชอบระบบปฏิบัติการที่เรียบง่ายและดูแลรักษาง่าย ราคาของทั้ง 2 กระบอกนี้พอๆ กัน (ปัจจุบันราคาหน้าร้านราวๆ 85,000) เลือกได้ตามใจชอบครับว่าอยากได้ปืนเหล็ก ถึกๆ แม่นๆ ก็เลือก CZ หรืออยากได้ปืนโพลีเมอร์เบาๆ มีของแต่งเพียบพร้อม พกง่าย ใช้ง่าย รักษาง่าย ก็ Glock ถ้าเลือกไม่ถูกก็จัดไปทั้ง 2 กระบอกแบบผม
ความชอบกระสุนขนาด 9 มม. ทำให้ผมบ้าจี้ ซื้อ “9 ลูกดก” มาเพิ่มอีกคือ HK USP ตามเทรนด์ของหนัง Tomb Raider ที่กำลังฮิตตอนนั้น HK เป็นปืนเยอรมันที่คุณภาพการผลิตเหลือเฟือครับ โครงเป็นโพลิเมอร์ แต่เสริมเหล็กเพื่อความแข็งแรงในหลายจุด สนนราคาจึงสูงกว่า Glock พอสมควร ที่กวนใจเป็นรางติดอุปกรณ์เสริม ที่ปกติยี่ห้ออื่นเขาใจรางพิคาทินนี่ ใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ แต่ HK USP ใช้รางเฉพาะของตัวเองนะครับ ใช้ไฟฉาย หรือเลเซอร์ร่วมกับใครเขาไม่ได้
ถัดมาเป็นปืนพระเอก Beretta 92 ที่ผมต้องตัดใจเพราะมันใหญ่เหลือเกิน รูปทรงของมันสวยจริงแต่ขนาดมันไม่เหมาะกับมือคนไทยเลยครับ อยากได้มากแต่ (ขนาด) มือไม่ถึงเลยต้องเลือกเอา Beretta 92 Compact มาใช้แทน ขนาดเล็กลงนิดนึง แม็กกาซีนถูกลดความจุลงเหลือ 13 นัดแต่ยังสวยเหมือนเดิม ก็พอจะเอามายิงเป้าทำเท่ได้เหมือนกัน
ที่ซื้อตามมาในปีเดียวกันคือ Smith & Wesson 5906 TSW เป็น 9 มม. ลูกดกของ Smith ซึ่งผมชอบหน้าตาเป็นการส่วนตัวแถมยังเจาะพอร์ตมาให้อีก แต่ขอบอกว่าถ้าไม่รักกันจริงอย่าเล่นเลยครับปืนเจาะพอร์ตเนี่ย ล้างยากมากๆ เขม่าเยอะติดตามซอกต่างๆ น่าเวียนหัว กระบอกนี้ผมได้มาปีกว่าๆ ก็ขายต่อเพื่อนไปครับ
หันมาดูที่ลูกโม่กันบ้าง ปืนสามัญประจำบ้านของไทยเราหนีไม่พ้น Smith 686 ขนาด .357 Magnum ที่เขาลือกันนักหนาว่ายิงรางรถไฟขาดนี่แหละ กระสุน .357 นี้อัตราทะลุทะลวงสูงมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นยิงรางรถไฟขาดแน่นอนเพราะมีคนทดสอบให้ดูแล้วหลายคน ถึงจะไม่แรงเท่าที่ร่ำลือ แต่อานุภาพนั้นเหนือกว่า 9 มม. อยู่หลายขุม โดยเฉพาะเสียงที่ดังบาดแก้วหู ใช้ขู่ขโมยขโจรได้ชะงัด แถมพลังงานและแรงปะทะก็สูงจริงครับจนไม่อาจยิงได้ในสนามยิงปืนหลายๆ แห่ง แต่ไม่มีปัญหาอะไรเพราะสามารถใช้ลูก .38 ยิงซ้อมไปก่อนได้ ไม่เปลืองค่ากระสุนดีด้วย
แต่ถ้าอยากซ้อมยิงชิวๆ ยิงบ่อยๆ โดยกระเป๋าไม่แฟบไปก่อนก็นี่เลยครับ Smith 617 ขนาด .22 LR ลูกโม่ 10 นัด ลำกล้อง 6 นิ้วแม่นเหลือเฟือ เพราะค่ากระสุน .22 ยังไงๆ ก็ถูกกว่า 9 มม. หรือ .38 อยู่ไม่น้อย ที่สำคัญกระบอกนี้หาคนขายมือสองได้ยากเย็น ผมปล่อยขายไปไม่ถึง 6 หมื่นแต่ราคามือสองปัจจุบันขึ้นไปถึง 8 หมื่นกว่าแล้ว ยิ่งคิดยิ่งเสียดายครับ
ส่วนปืนยาว ผมไม่ค่อยสันทัด มีกับเขาอยู่กระบอกเดียวคือ Colt M4 ที่ให้ลิขสิทธิ Walther ไปผลิตเป็นขนาด .22 ออกขาย กระบอกนี้ตั้งใจให้ลูกสาวได้ซ้อมมือก่อนจะสอนให้ใช้ปืนสั้นครับ
ยี่ห้อนี้ตอนซื้อไม่ได้ทำการบ้านเท่าที่ควร เพราะคนเล่นปืนทรงนี้ส่วนใหญ่จะเชียร์ CMMG มากกว่าในฐานะที่ใช้กลไกและระบบเกือบทั้งหมดเหมือนกับ M4 ของจริง จนใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้หลายชิ้น
เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยว่าเมื่อเล่นปืนถึงจุดหนึ่ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าปืนที่เราเคยมองข้ามมันมาโดยตลาดเพราะรู้สึกว่ามัน “ตกยุค” ไปนานแล้วเพราะแก่แถมเชย คือ Colt 1911 จะกลับมาทำให้เราหลงเสน่ห์มันได้ง่ายๆ
ปืนที่มีประวัติความเป็นมาตั้งร้อยกว่าปี แถมยังจุลูกกระสุนได้แค่ 7-8 นัด ยิงดับเบิ้ลแอ็คชั่นก็ไม่ได้ รางติดอุปกรณ์ก็ไม่มี แต่พับผ่าสิ มันคลาสสิกเหลือหลาย ในที่สุดผมก็ต้องถอย Colt Commander Series 70 มาใช้ และเริ่มติดใจอานุภาพของ .45 มาตั้งแต่นั้น
กระสุน .45 หรือที่บ้านเรานิยมเรียกกันว่า 11 มม. นั้นหลายๆ คนไม่คิดจะหามาครอบครองเพราะคิดว่ามันเป็นอาวุธสงคราม ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เลยครับ นักกีฬา IPSC, IDPA ก็ล้วนใช้ .45 เป็นปืนหลักในสนามแข่งเพราะ Power Factor ของมัน ซึ่งในการใช้งานจริงก็ต้องยอมรับว่าแม้จะบรรจุลูกได้แค่ 8 นัด แต่มันเป็น 8 นัดที่ใช้ป้องกันตัวได้เหลือเฟือด้วยแรงปะทะที่หนักหน่วง และแรงรีคอยล์ที่นุ่มนวลกว่า .357 ซึ่งช่วยให้ยิงซ้ำได้ง่ายกว่า
กระบอกถัดมาผมเลือก Para Ordnance P14 .45 Limited ซึ่งเป็นปืนทรง 1911 เช่นเดิม เพราะตอบโจทย์ว่าเป็น .45 แต่จุลูกได้สูงถึง 14 นัด (แต่น้ำหนักไม่ต้องพูดถึง...) ที่กำลังจัดหามาเพิ่มคือ Kimber รุ่นที่เป็น 1911 ดั้งเดิมกับ STI รุ่น 2011 ที่จุลูกได้เยอะเหมือน Para Ordnance
ตอนนี้ผมเหลือ 9 มม. อยู่ไม่กี่กระบอก เพราะทะยอยเปลี่ยนเป็นขนาด .45 เพราะติดใจจริงๆ ใครที่หวาดผวาเสียงดังสนั่นและแรงรีคอยล์ของมัน ผมขอให้ใจเย็นๆ และค่อยๆ ฝึกให้ชินครับ รับรองจะหลงเสน่ห์ปืนเก่าๆ อย่างนี้ได้โดยไม่รู้ตัว
[CR] รีวิวปืนยิงเป้า ปืนเฝ้าบ้าน ปืนในตำนาน มือใหม่ขอเอาปืนที่มีประจำการมาเล่าสู่กันฟัง
ครั้นพอจะคุยกัน ด้วยความที่เป็นเรื่องที่ต้องแอบเอามาสนทนา แวดวงปืนที่ผมรู้จักจึงเต็มด้วยข่าวลือประเภท “เขาว่ากันว่า” เต็มไปหมดอาทิ ปืน .45 หรือ 11 มม. นั้นเป็น "อาวุธสงคราม” คนธรรมดามีไว้ในครอบครองไม่ได้ หรือ “ต้อง .357 เท่านั้นถึงจะยิงรางรถไฟขาด”
ด้วยอารมณ์ว่างๆ ยามเช้า บวกกับรื้อรูปเจอปืนเก่าๆ ที่เคยมีไว้ใช้สมัยที่บ้าสะสมอาวุธเลยถือโอกาสเอามาเล่าสู่กันฟังเสียเลย มิใยว่าจะเป็นมือใหม่ที่ไม่ได้มีปืนเทพๆ แต่หวังว่าปืนบ้านๆ ที่มีเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังหาข้อมูลอยู่ ไม่ว่าจะเอามายิงเป้า เฝ้าบ้าน หรือเก็บตำนานปืนเก่าๆ เอาไว้ให้ลูกหลานก็ได้ตามอัธยาศัยนะครับ
ผมสัมผัสปืนกระบอกแรก ตั้งแต่สมัยประถม แน่นอนว่าเป็นของคุณพ่อ คือ Smith & Wesson .38 ลำกล้อง 2 นิ้ว ความรู้สึกแรกคือยิงยากมาก เพราะลำกล้องสั้น ระยะหวังผลยากครับ เทียบกับกระบอกอื่นๆ ที่คุณพ่อให้ลองของเพื่อน เช่น Smith 686 ลำกล้อง 4 นิ้วแล้ว ยิงเข้าวงดำที่ระยะ 15 เมตรได้ง่ายกว่ามาก ยิ่งเป็นลำกล้องยาวๆ อย่าง Colt Python 6 นิ้ว ก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก ทำให้จำฝังใจว่าถ้ามีโอกาสซื้อปืนกระบอกแรกต้องขอยาวสักหน่อย เพื่อยิงเป้ากระดาษได้สนุกหน่อย
พอเรียนจบทำงาน มีบ้านเป็นของตัวเอง ปืนยิงเป้าเฝ้าบ้านที่ผมเลือกจึงเป็น CZ 85 Combat ขนาด 9 มม. ลำกล้อง 5 นิ้ว จุ 15 นัด เพราะกระแส 9 ลูกดกมาแรง คือดูๆ แล้วความแรงของกระสุน 9 มม. น่าจะพอเพียงในการใช้ป้องกันตัว บวกกับความจุกระสุนถึง 15 นัดน่าจะใช้ต่อสู้ในยามจำเป็นได้พอสมควร
CZ แม่นมากครับ ใช้ไม่ผิดหวังเลย ความแข็งแรงทนทานก็น่าจะโอเคเพราะเป็นเหล็กล้วน โดย CZ รุ่นยอดนิยมในปัจจุบันคือ CZ75 ไม่ต่างอะไรกับ CZ85 ที่ผมเคยใช้อยู่มากนักเพียงแต่มีรุ่นย่อยเพิ่มขึ้นอีกหลายรุ่น เช่น CZ75 SP01, Shadow ฯลฯ รับประกันว่าแม่นทุกรุ่น แต่สมัยที่ผมซื้อเป็นกระบอกแรกนั้นต้องคิดอยู่นานก่อนเลือก CZ เพราะกระแสความนิยมของ Glock มาแรงมาก จนท้ายที่สุดก็เลยถอย Glock 19 มาใช้งานด้วยอีกกระบอกเพราะชอบระบบปฏิบัติการที่เรียบง่ายและดูแลรักษาง่าย ราคาของทั้ง 2 กระบอกนี้พอๆ กัน (ปัจจุบันราคาหน้าร้านราวๆ 85,000) เลือกได้ตามใจชอบครับว่าอยากได้ปืนเหล็ก ถึกๆ แม่นๆ ก็เลือก CZ หรืออยากได้ปืนโพลีเมอร์เบาๆ มีของแต่งเพียบพร้อม พกง่าย ใช้ง่าย รักษาง่าย ก็ Glock ถ้าเลือกไม่ถูกก็จัดไปทั้ง 2 กระบอกแบบผม
ความชอบกระสุนขนาด 9 มม. ทำให้ผมบ้าจี้ ซื้อ “9 ลูกดก” มาเพิ่มอีกคือ HK USP ตามเทรนด์ของหนัง Tomb Raider ที่กำลังฮิตตอนนั้น HK เป็นปืนเยอรมันที่คุณภาพการผลิตเหลือเฟือครับ โครงเป็นโพลิเมอร์ แต่เสริมเหล็กเพื่อความแข็งแรงในหลายจุด สนนราคาจึงสูงกว่า Glock พอสมควร ที่กวนใจเป็นรางติดอุปกรณ์เสริม ที่ปกติยี่ห้ออื่นเขาใจรางพิคาทินนี่ ใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ แต่ HK USP ใช้รางเฉพาะของตัวเองนะครับ ใช้ไฟฉาย หรือเลเซอร์ร่วมกับใครเขาไม่ได้
ถัดมาเป็นปืนพระเอก Beretta 92 ที่ผมต้องตัดใจเพราะมันใหญ่เหลือเกิน รูปทรงของมันสวยจริงแต่ขนาดมันไม่เหมาะกับมือคนไทยเลยครับ อยากได้มากแต่ (ขนาด) มือไม่ถึงเลยต้องเลือกเอา Beretta 92 Compact มาใช้แทน ขนาดเล็กลงนิดนึง แม็กกาซีนถูกลดความจุลงเหลือ 13 นัดแต่ยังสวยเหมือนเดิม ก็พอจะเอามายิงเป้าทำเท่ได้เหมือนกัน
ที่ซื้อตามมาในปีเดียวกันคือ Smith & Wesson 5906 TSW เป็น 9 มม. ลูกดกของ Smith ซึ่งผมชอบหน้าตาเป็นการส่วนตัวแถมยังเจาะพอร์ตมาให้อีก แต่ขอบอกว่าถ้าไม่รักกันจริงอย่าเล่นเลยครับปืนเจาะพอร์ตเนี่ย ล้างยากมากๆ เขม่าเยอะติดตามซอกต่างๆ น่าเวียนหัว กระบอกนี้ผมได้มาปีกว่าๆ ก็ขายต่อเพื่อนไปครับ
หันมาดูที่ลูกโม่กันบ้าง ปืนสามัญประจำบ้านของไทยเราหนีไม่พ้น Smith 686 ขนาด .357 Magnum ที่เขาลือกันนักหนาว่ายิงรางรถไฟขาดนี่แหละ กระสุน .357 นี้อัตราทะลุทะลวงสูงมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นยิงรางรถไฟขาดแน่นอนเพราะมีคนทดสอบให้ดูแล้วหลายคน ถึงจะไม่แรงเท่าที่ร่ำลือ แต่อานุภาพนั้นเหนือกว่า 9 มม. อยู่หลายขุม โดยเฉพาะเสียงที่ดังบาดแก้วหู ใช้ขู่ขโมยขโจรได้ชะงัด แถมพลังงานและแรงปะทะก็สูงจริงครับจนไม่อาจยิงได้ในสนามยิงปืนหลายๆ แห่ง แต่ไม่มีปัญหาอะไรเพราะสามารถใช้ลูก .38 ยิงซ้อมไปก่อนได้ ไม่เปลืองค่ากระสุนดีด้วย
แต่ถ้าอยากซ้อมยิงชิวๆ ยิงบ่อยๆ โดยกระเป๋าไม่แฟบไปก่อนก็นี่เลยครับ Smith 617 ขนาด .22 LR ลูกโม่ 10 นัด ลำกล้อง 6 นิ้วแม่นเหลือเฟือ เพราะค่ากระสุน .22 ยังไงๆ ก็ถูกกว่า 9 มม. หรือ .38 อยู่ไม่น้อย ที่สำคัญกระบอกนี้หาคนขายมือสองได้ยากเย็น ผมปล่อยขายไปไม่ถึง 6 หมื่นแต่ราคามือสองปัจจุบันขึ้นไปถึง 8 หมื่นกว่าแล้ว ยิ่งคิดยิ่งเสียดายครับ
ส่วนปืนยาว ผมไม่ค่อยสันทัด มีกับเขาอยู่กระบอกเดียวคือ Colt M4 ที่ให้ลิขสิทธิ Walther ไปผลิตเป็นขนาด .22 ออกขาย กระบอกนี้ตั้งใจให้ลูกสาวได้ซ้อมมือก่อนจะสอนให้ใช้ปืนสั้นครับ
ยี่ห้อนี้ตอนซื้อไม่ได้ทำการบ้านเท่าที่ควร เพราะคนเล่นปืนทรงนี้ส่วนใหญ่จะเชียร์ CMMG มากกว่าในฐานะที่ใช้กลไกและระบบเกือบทั้งหมดเหมือนกับ M4 ของจริง จนใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้หลายชิ้น
เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยว่าเมื่อเล่นปืนถึงจุดหนึ่ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าปืนที่เราเคยมองข้ามมันมาโดยตลาดเพราะรู้สึกว่ามัน “ตกยุค” ไปนานแล้วเพราะแก่แถมเชย คือ Colt 1911 จะกลับมาทำให้เราหลงเสน่ห์มันได้ง่ายๆ
ปืนที่มีประวัติความเป็นมาตั้งร้อยกว่าปี แถมยังจุลูกกระสุนได้แค่ 7-8 นัด ยิงดับเบิ้ลแอ็คชั่นก็ไม่ได้ รางติดอุปกรณ์ก็ไม่มี แต่พับผ่าสิ มันคลาสสิกเหลือหลาย ในที่สุดผมก็ต้องถอย Colt Commander Series 70 มาใช้ และเริ่มติดใจอานุภาพของ .45 มาตั้งแต่นั้น
กระสุน .45 หรือที่บ้านเรานิยมเรียกกันว่า 11 มม. นั้นหลายๆ คนไม่คิดจะหามาครอบครองเพราะคิดว่ามันเป็นอาวุธสงคราม ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เลยครับ นักกีฬา IPSC, IDPA ก็ล้วนใช้ .45 เป็นปืนหลักในสนามแข่งเพราะ Power Factor ของมัน ซึ่งในการใช้งานจริงก็ต้องยอมรับว่าแม้จะบรรจุลูกได้แค่ 8 นัด แต่มันเป็น 8 นัดที่ใช้ป้องกันตัวได้เหลือเฟือด้วยแรงปะทะที่หนักหน่วง และแรงรีคอยล์ที่นุ่มนวลกว่า .357 ซึ่งช่วยให้ยิงซ้ำได้ง่ายกว่า
กระบอกถัดมาผมเลือก Para Ordnance P14 .45 Limited ซึ่งเป็นปืนทรง 1911 เช่นเดิม เพราะตอบโจทย์ว่าเป็น .45 แต่จุลูกได้สูงถึง 14 นัด (แต่น้ำหนักไม่ต้องพูดถึง...) ที่กำลังจัดหามาเพิ่มคือ Kimber รุ่นที่เป็น 1911 ดั้งเดิมกับ STI รุ่น 2011 ที่จุลูกได้เยอะเหมือน Para Ordnance
ตอนนี้ผมเหลือ 9 มม. อยู่ไม่กี่กระบอก เพราะทะยอยเปลี่ยนเป็นขนาด .45 เพราะติดใจจริงๆ ใครที่หวาดผวาเสียงดังสนั่นและแรงรีคอยล์ของมัน ผมขอให้ใจเย็นๆ และค่อยๆ ฝึกให้ชินครับ รับรองจะหลงเสน่ห์ปืนเก่าๆ อย่างนี้ได้โดยไม่รู้ตัว