ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อ ตี้ ค่ะ
วันนี้! ตั้งใจจะมาแชร์ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงตัวเองค่ะ ตี้ต้องขอบอกก่อนนะคะว่าภาษาที่ตี้ใช้อาจจะสะดุดหน่อยหรืองงหน่อยเพราะไม่ค่อยถนัดเรื่องงานเขียนและตี้ต้องขออภัยล่วงหน้าหากว่าพิมพ์ผิดหรือพิมพ์ตกหล่นนะคะ
เอาล่:.....มาเริ่มกันเลย!!
ตี้เป็นคนอ้วนตั้งแต่เด็ก อ้วนไม่พอยัง! ยังมาดำอีก (โถ่...ชีวิต) เพื่อนชอบล้อตี้ว่า "ช้างน้ำ" "หมูตอน" "ไอยักษ์" "ผีเสื้อสมุทร" (ไปยาลใหญ่!!) ตั้งแต่เด็กยันม.ปลาย ตอนเด็กๆเราก็ไม่ได้คิดอะไรไง ผู้ใหญ่มักพูดเสทอว่า "กินเยอะๆนะลูกจะได้โตไวๆ" ^^
ตี้ปล่อยปะละเลยจนเวลาล่วงเลยมาถึง ป.6 วันนั้นที่โรงเรียนมีการเช็คสมรรถภาพร่างกาย ซึ่งนักเรียนทุกคนจะต้องชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เพื่อนๆทยอยต่อคิวกันไปชั่งนน. แต่ละคนนี่ 40,50 โลเอง พอถึงคิวที่ตี้ต้องเหยียบตราชั่งเท่านั้นแหละ เข็มนี่แทบจะหมุนกลับมาเลขศูนย์อีกรอบ! "นี่ตรูหนักถึง 79 เลยหรอวะ" คือหนักสุดในห้องเลย!! ไม่สิ ต้องเรียกว่าหนักสุดในชีวิตเลยต่างหาก....แล้วอิพวกผู้ชายก็ชอบมาล้อ แกล้งเรา เหมือนเราเป็นตัวตลกอ่ะ คือตอนนั้นเริ่มมีความรู้สึกเสียเซลฟ์หน่อยๆ แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก เริ่มชินกับบรรดาฉายาต่างๆ เพื่อนผู้หญิงนี่ตั้งให้ตี้เป็นหัวโจกเลยนะ เพราะตัวใหญ่ 555555
สรุป: ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อะไรทั้งสิ้น
ประถมผ่านไป ไวเหมือนเขียนพันทิป
ช่วงม.ต้น เป็นช่วงที่ตี้เริ่มเข้าสู่โลกโซเชียล .....Hi5,MSN นี่ฮิตมากในตอนนั้น ไม่ไม่เล่นที่เชยยยยยย พอเล่นโซเชียลก็ทำให้ได้เจอผู้คนมากขึ้น แล้วแบบไปแอบชอบคนใน Hi5 ไงแก!!! คือเค้าดูดี มากกกกกก ตกหลุมรักเลยย (รักคนง่ายเนาะ) ตอนนั้นพี่เค้าเป็นตัวจุดประกายฝันหรือ inspiration ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยนะ ฮี่ๆๆๆ ตี้เริ่มจากการลดน้ำหนัก ซึ่งสมัยนั้นรู้แค่ว่า "อดข้าวเย็น"แล้วจะผอม คือมันเป็นวิธีที่ค่อนข้างทรมาน แต่ใจร้อนไง อยากผอมเร็วๆ ทำไปได้เกือบสาทอาทิตย์ ไม่ไหวอ่ะ ไม่ชินสักที น้ำหนักยุที่ 73.....อดข้าวไม่ได้ ก้หันไปพึ่งยาลดความอ้วน ตี้กินหลายตัวมากกก สั่งในเน็ตบ้าง ซื้อในวัตสันบ้าง บอกเลยว่าใจสั่นค่ะ หิวน้ำทั้งวัน หงุดหงิด มันหวิวๆที่ใจ แต่ทนค่ะ กินอะไรไม่ค่อยได้ กินแล้วรู้สึกว่าอาหารไม่มีรสชาติ ตี้กินยาไปเยอะมากกก กินเป็นเดือนๆ ช่วงนั้นรู้ตัวเลยว่าผอมลง แต่ก็โทรมเหมือนผีเช่นกัน! ตอนนั้นม.3 ค่ะ น้ำหนักตี้อยู่ที่ 65-67 กก ลดน้ำหนักไม่พอ ช่วงนั้นยาขาวเป็นที่นิยมกันมาก กลูต้าแบบเม็ด แบบแคปซูล บลาๆ แน่นอนว่าตี้ไม่พลาดเลยสักแบบ กินกลูต้าคู่กับวิตซีแบลคมอล์ ผลที่ได้คือ ไม่ขาวค่ะ แต่ใส และไตเกือบพัง......เป็นมนุษย์ผู้หญิงนี่สุดแสนจะลำบากเนอะ
สรุป: ตอนม.ต้น ตี้ก็แค่เริ่มเปลี่ยนจากนางผีเสื้อสมุทรมาเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง และยังคงคอนเซ็บรูปหน้าและสีผิวเดิมเอาไว้
มัธยมต้นผ่านไป ไวเหมือนอาบน้ำ
เริ่มขึ้นม.ปลายเนี่ย บอกเลยว่าตี้รักสวยรักงามสุดๆ สรรหาทุกครีมมาทา สรรหาทุกยามากิน 555555 แหมมม......โตเป็นสาวแล้วก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดาาา ใครไม่เป็น ตอบ!!! ช่วงนั้นเดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนจัดฟัน จริงบ้าง แฟชั่นบ้าง แต่มันก็ดูแบ๊วๆดีแฮะ......เอาเลยจ้ะ ตัดสินใจขอที่บ้านจัดฟัน เผื่อจะน่ารัก คิขุ อาโนเนะบ้าง (เช็คเบ้าหน้าตัวเองก่อนไหมตี้) 5555 ตี้จัดฟันตอนม.4 ก่อนจัดเป็นช่วงนี่ทรมานสุดๆเพราะต้องเคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อย โดยตี้ต้องถอนฟันทั้งหมด 4 ซี่ และผ่าฟันคุดออกอีก 4 ซี่ อุดฟันอีก 7 ซี่
กว่าจะได้จัด แทบกระอักเลือดด!! เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย(ประมานเดือนกว่าๆ) คุณหมอก็จัดการใส่เหล็กให้ตี้ โห...ช่วงนั้นนี่ปลื้มมมาก มั่นใจในตัวเองขึ้นน แต่พอจัดไปสักพัก คุณหมอก็เริ่มดึงฟัน ทำให้ฟันตี้ห่างออกไปเรื่อยๆๆ เรื่อยๆๆ แล้วก็เรื่อยๆๆ จนกลายเป็น "ช่องโหว่" ที่สามารถวัดได้ประมาณ 1 cm กว่าา นี่ทาบไม้บรรทัดวัดเลยจ้าาาา!!!! หลังจากนั้นก็เสียเซลฟ์แบบสุดๆๆไปเลย นอยด์มากกก ยิ้มก็แปลกๆ เบี้ยวๆ ดูดน้ำทีนี่ไหลออกจากปากเลยนะ TT คือน่าเกียจมากกกกกกก!! แล้วตี้ต้องทนฟันหลอแบบนั้นอยู่ 2-3ปีเลยอ่ะ จนจบม.6แล้วก็ยังไม่หายหลอ....ตี้จัดฟันเป็นเวลาทั้งหมดประมาน 5 ปีค่ะ ถึงจะได้ถอด แต่พอถอดแล้วก็โอเคน้าาาา 555555 มีรูปให้ดูจ้าแต่รูป Before ตี้ขอให้รูปปัจจุบัน เพราะเพิ่งถอดเหล็กจ้า
สรุป: ตอนม.ปลาย จัดฟันแลก็ผอมลงนิดหน่อย
ช่วงจัดฟัน
หลังจัดฟัน
แถมรูปช่วงม.ปลายค่า
มัธยมปลายผ่านไป ไวเหมือนวันจันทร์
หลังจากจบม.6 ตี้ก็ซิ่ว 1 ปี และช่วงที่เก็บตัวอยู่แต่บ้านนั้น ตี้ตัดสินใจ "งัดดั้ง" ขึ้นจ้าาาาา โดนปรึกษากับที่บ้านแล้วว่าจะทำให้ดีทีเดียวไปเลย ซึ่งตี้ก็ได้ศึกษาดูหลายๆที่ แล้วก็ตัดสินใจทำที่
ตื้ดด ตื้ดดด ตื้ดดด คลินิก ตี้เสริมจมูกโดยใช้
กอร์เท็กซ์ หรือวัสดุสังเคราะห์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย ตัวกอร์เท็กซ์จะมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำซึ่งมันต่างจากซิลิโคนตรงที่ไม่ทำให้เกิดแคปซูลหดรัดตัว เนื้อเยื่อในจมูกเจริญเติบโตผ่านรูพรุนของกอร์เท็กซ์ ซึ่งจะทำให้จมูกดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียของมันก็คือ นานๆไปรูเล็กๆเหล่านั้นจะเกิดการหดตัวลง ทำให้ความสูงของจมูกเนี่ย ลดลงมาจากเดิมเล็กน้อยค่ะ คุณหมอใช้เวลาผ่าตัดแค่ 15 นาทีโดยใช้ไหมธรรมดาเพราะถ้าใช้ไหมลละลายแผลจะหายช้า หลังจากนั้นตี้ก็กลับบ้านได้ ตี้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดทุกอย่าง ไม่ว่าจะห้ามกินของแสลง นอนหมอนราบ ประคบร้อนประคบเย็น บลาๆ ช่วง 1-3 วันแรก ตี้เริ่มมีอาการปวด บวมและตึงไปทั้งหน้า แต่ไม่มีรอยช้ำอะไรนะคะ พอครบ 1 อาทิตย์ ตี้ก็ไปตัดไหมค่ะ กว่าจมูกจะเข้าที่และเป็นทรงสวย ก็ประมาณ 1-3 เดือน อ้อ ช่วงที่อยู่บ้านเนี่ยตี้ว่างมากก เลยทำให้มีเวลาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น หลังจากทำจมูกเสร็จประมาณ 3-4 เดือน ตี้ก็ย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ เวลาผ่านไป..... ฟันที่เคยหลอก็กลับมาชิดกันเหมือนเดิม พอฟันเริ่มเข้ามันก็เลยดูทำให้มีคาง การที่ติดสติ้กเกอร์ตาสองชั้นบ่อยๆก็ทำให้มีรอยพับที่ชั้นตา (รอยพับเล็กๆนะ) ทำให้ตาดูโตขึ้นนิดๆ แล้วก็เริ่มไดเอ็ทอย่างจริงจังค่ะ
สรุป: ได้นอแรดอันใหม่มา 555555 ฟันเข้า มีคาง และไม่ได้ขาวแต่อย่างไร
อยู่กรุงเทพได้ประมาณ 5 เดือน ตี้ก็ถอดเหล็กจัดฟันออก มาดูกันนนนน..... กรุณาโฟกัสที่ฟัน 5555 ปล.รูปแรกแสงเจิดจ้ามาก
น้ำหนักตี้ก็ลดลงด้วยน้าาาาาาาาาาาา5555555 (แต่ยังไม่ผอม -"
มาถึงตอนนี้....การแชรืเรื่องราวของตี้ก็ใกล้จะจบแล้ว ถ้าหากตี้ไม่ปทำ "ปากกระจับ" มาเพิ่ม 55555555555
ต่อ
ต่อ
จริงๆตี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับปากเลยนะคะ แต่อยากให้ปากเป็นรูปกระจับเฉยๆ ตี้ก็เลยทำแค่ปากบนค่ะ
ขอรวบรัดมาถึงตอนเข้าห้องผ่าตัดเลยนะคะ.....ตอนนั้นกลัวมากกก แต่คุณหมอใจดีค่ะ พูดปลอบใจ เปิดเพลงคลอเบาๆ คุณหมอมือเบา ฉีดยาชาไม่เจ็บเลยแล้วก็ชิลมากก ผ่าตัดไปคุยกับเราไป (ส่วนใหญ่คุณหมอคุยคนเดียวซะมากกว่า เพราะเราตอบไม่ได้ ก็อ้าปากอยู่อ่ะ) ฮัมเพลงไปด้วยก็มี การผ่าตัดใช้เวลา 45 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ จะบอกว่า การดูแลรักษาแผลยากมากค่ะ ถ้าเทียบกับการเสริมจมูก เพราะเราต้องกินข้าวทุกวัน แผลฉีกบ้าง แฉะบ้าง เลือดซึมออกมาบ้าง กว่าปากตี้จะหายดีก็ประมาณ 1 เดือนค่ะ
รูปนี้โฟกัสที่ปากน้าาาาา ตั้งใจจะถ่ายให้เห็นกระจับ
โอ้ยๆๆๆๆ ใกล้จบแล้ววว ฮี่ๆๆๆๆ ขอแถมภาพการพัฒนาฝีมือช่างแต่งหน้าในเมืองไทยนะคะ
สรุป: ทำมาทั้งหมดก็ได้แค่นี้แหละค่าาาาา 5555555 (ยังกล้ามาอวดเนอะ)
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะค้าาาาาาาา ขอบคุณค่าาาาาา
แชร์ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงตัวเอง แบบง้อศัลยกรรม! (มีรูป)
วันนี้! ตั้งใจจะมาแชร์ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงตัวเองค่ะ ตี้ต้องขอบอกก่อนนะคะว่าภาษาที่ตี้ใช้อาจจะสะดุดหน่อยหรืองงหน่อยเพราะไม่ค่อยถนัดเรื่องงานเขียนและตี้ต้องขออภัยล่วงหน้าหากว่าพิมพ์ผิดหรือพิมพ์ตกหล่นนะคะ
เอาล่:.....มาเริ่มกันเลย!!
ตี้เป็นคนอ้วนตั้งแต่เด็ก อ้วนไม่พอยัง! ยังมาดำอีก (โถ่...ชีวิต) เพื่อนชอบล้อตี้ว่า "ช้างน้ำ" "หมูตอน" "ไอยักษ์" "ผีเสื้อสมุทร" (ไปยาลใหญ่!!) ตั้งแต่เด็กยันม.ปลาย ตอนเด็กๆเราก็ไม่ได้คิดอะไรไง ผู้ใหญ่มักพูดเสทอว่า "กินเยอะๆนะลูกจะได้โตไวๆ" ^^
ตี้ปล่อยปะละเลยจนเวลาล่วงเลยมาถึง ป.6 วันนั้นที่โรงเรียนมีการเช็คสมรรถภาพร่างกาย ซึ่งนักเรียนทุกคนจะต้องชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เพื่อนๆทยอยต่อคิวกันไปชั่งนน. แต่ละคนนี่ 40,50 โลเอง พอถึงคิวที่ตี้ต้องเหยียบตราชั่งเท่านั้นแหละ เข็มนี่แทบจะหมุนกลับมาเลขศูนย์อีกรอบ! "นี่ตรูหนักถึง 79 เลยหรอวะ" คือหนักสุดในห้องเลย!! ไม่สิ ต้องเรียกว่าหนักสุดในชีวิตเลยต่างหาก....แล้วอิพวกผู้ชายก็ชอบมาล้อ แกล้งเรา เหมือนเราเป็นตัวตลกอ่ะ คือตอนนั้นเริ่มมีความรู้สึกเสียเซลฟ์หน่อยๆ แต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก เริ่มชินกับบรรดาฉายาต่างๆ เพื่อนผู้หญิงนี่ตั้งให้ตี้เป็นหัวโจกเลยนะ เพราะตัวใหญ่ 555555
สรุป: ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อะไรทั้งสิ้น
ประถมผ่านไป ไวเหมือนเขียนพันทิป
ช่วงม.ต้น เป็นช่วงที่ตี้เริ่มเข้าสู่โลกโซเชียล .....Hi5,MSN นี่ฮิตมากในตอนนั้น ไม่ไม่เล่นที่เชยยยยยย พอเล่นโซเชียลก็ทำให้ได้เจอผู้คนมากขึ้น แล้วแบบไปแอบชอบคนใน Hi5 ไงแก!!! คือเค้าดูดี มากกกกกก ตกหลุมรักเลยย (รักคนง่ายเนาะ) ตอนนั้นพี่เค้าเป็นตัวจุดประกายฝันหรือ inspiration ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยนะ ฮี่ๆๆๆ ตี้เริ่มจากการลดน้ำหนัก ซึ่งสมัยนั้นรู้แค่ว่า "อดข้าวเย็น"แล้วจะผอม คือมันเป็นวิธีที่ค่อนข้างทรมาน แต่ใจร้อนไง อยากผอมเร็วๆ ทำไปได้เกือบสาทอาทิตย์ ไม่ไหวอ่ะ ไม่ชินสักที น้ำหนักยุที่ 73.....อดข้าวไม่ได้ ก้หันไปพึ่งยาลดความอ้วน ตี้กินหลายตัวมากกก สั่งในเน็ตบ้าง ซื้อในวัตสันบ้าง บอกเลยว่าใจสั่นค่ะ หิวน้ำทั้งวัน หงุดหงิด มันหวิวๆที่ใจ แต่ทนค่ะ กินอะไรไม่ค่อยได้ กินแล้วรู้สึกว่าอาหารไม่มีรสชาติ ตี้กินยาไปเยอะมากกก กินเป็นเดือนๆ ช่วงนั้นรู้ตัวเลยว่าผอมลง แต่ก็โทรมเหมือนผีเช่นกัน! ตอนนั้นม.3 ค่ะ น้ำหนักตี้อยู่ที่ 65-67 กก ลดน้ำหนักไม่พอ ช่วงนั้นยาขาวเป็นที่นิยมกันมาก กลูต้าแบบเม็ด แบบแคปซูล บลาๆ แน่นอนว่าตี้ไม่พลาดเลยสักแบบ กินกลูต้าคู่กับวิตซีแบลคมอล์ ผลที่ได้คือ ไม่ขาวค่ะ แต่ใส และไตเกือบพัง......เป็นมนุษย์ผู้หญิงนี่สุดแสนจะลำบากเนอะ
สรุป: ตอนม.ต้น ตี้ก็แค่เริ่มเปลี่ยนจากนางผีเสื้อสมุทรมาเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง และยังคงคอนเซ็บรูปหน้าและสีผิวเดิมเอาไว้
มัธยมต้นผ่านไป ไวเหมือนอาบน้ำ
เริ่มขึ้นม.ปลายเนี่ย บอกเลยว่าตี้รักสวยรักงามสุดๆ สรรหาทุกครีมมาทา สรรหาทุกยามากิน 555555 แหมมม......โตเป็นสาวแล้วก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดาาา ใครไม่เป็น ตอบ!!! ช่วงนั้นเดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนจัดฟัน จริงบ้าง แฟชั่นบ้าง แต่มันก็ดูแบ๊วๆดีแฮะ......เอาเลยจ้ะ ตัดสินใจขอที่บ้านจัดฟัน เผื่อจะน่ารัก คิขุ อาโนเนะบ้าง (เช็คเบ้าหน้าตัวเองก่อนไหมตี้) 5555 ตี้จัดฟันตอนม.4 ก่อนจัดเป็นช่วงนี่ทรมานสุดๆเพราะต้องเคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อย โดยตี้ต้องถอนฟันทั้งหมด 4 ซี่ และผ่าฟันคุดออกอีก 4 ซี่ อุดฟันอีก 7 ซี่ กว่าจะได้จัด แทบกระอักเลือดด!! เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย(ประมานเดือนกว่าๆ) คุณหมอก็จัดการใส่เหล็กให้ตี้ โห...ช่วงนั้นนี่ปลื้มมมาก มั่นใจในตัวเองขึ้นน แต่พอจัดไปสักพัก คุณหมอก็เริ่มดึงฟัน ทำให้ฟันตี้ห่างออกไปเรื่อยๆๆ เรื่อยๆๆ แล้วก็เรื่อยๆๆ จนกลายเป็น "ช่องโหว่" ที่สามารถวัดได้ประมาณ 1 cm กว่าา นี่ทาบไม้บรรทัดวัดเลยจ้าาาา!!!! หลังจากนั้นก็เสียเซลฟ์แบบสุดๆๆไปเลย นอยด์มากกก ยิ้มก็แปลกๆ เบี้ยวๆ ดูดน้ำทีนี่ไหลออกจากปากเลยนะ TT คือน่าเกียจมากกกกกกก!! แล้วตี้ต้องทนฟันหลอแบบนั้นอยู่ 2-3ปีเลยอ่ะ จนจบม.6แล้วก็ยังไม่หายหลอ....ตี้จัดฟันเป็นเวลาทั้งหมดประมาน 5 ปีค่ะ ถึงจะได้ถอด แต่พอถอดแล้วก็โอเคน้าาาา 555555 มีรูปให้ดูจ้าแต่รูป Before ตี้ขอให้รูปปัจจุบัน เพราะเพิ่งถอดเหล็กจ้า
สรุป: ตอนม.ปลาย จัดฟันแลก็ผอมลงนิดหน่อย
ช่วงจัดฟัน
หลังจัดฟัน
แถมรูปช่วงม.ปลายค่า
มัธยมปลายผ่านไป ไวเหมือนวันจันทร์
หลังจากจบม.6 ตี้ก็ซิ่ว 1 ปี และช่วงที่เก็บตัวอยู่แต่บ้านนั้น ตี้ตัดสินใจ "งัดดั้ง" ขึ้นจ้าาาาา โดนปรึกษากับที่บ้านแล้วว่าจะทำให้ดีทีเดียวไปเลย ซึ่งตี้ก็ได้ศึกษาดูหลายๆที่ แล้วก็ตัดสินใจทำที่ ตื้ดด ตื้ดดด ตื้ดดด คลินิก ตี้เสริมจมูกโดยใช้ กอร์เท็กซ์ หรือวัสดุสังเคราะห์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย ตัวกอร์เท็กซ์จะมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำซึ่งมันต่างจากซิลิโคนตรงที่ไม่ทำให้เกิดแคปซูลหดรัดตัว เนื้อเยื่อในจมูกเจริญเติบโตผ่านรูพรุนของกอร์เท็กซ์ ซึ่งจะทำให้จมูกดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียของมันก็คือ นานๆไปรูเล็กๆเหล่านั้นจะเกิดการหดตัวลง ทำให้ความสูงของจมูกเนี่ย ลดลงมาจากเดิมเล็กน้อยค่ะ คุณหมอใช้เวลาผ่าตัดแค่ 15 นาทีโดยใช้ไหมธรรมดาเพราะถ้าใช้ไหมลละลายแผลจะหายช้า หลังจากนั้นตี้ก็กลับบ้านได้ ตี้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดทุกอย่าง ไม่ว่าจะห้ามกินของแสลง นอนหมอนราบ ประคบร้อนประคบเย็น บลาๆ ช่วง 1-3 วันแรก ตี้เริ่มมีอาการปวด บวมและตึงไปทั้งหน้า แต่ไม่มีรอยช้ำอะไรนะคะ พอครบ 1 อาทิตย์ ตี้ก็ไปตัดไหมค่ะ กว่าจมูกจะเข้าที่และเป็นทรงสวย ก็ประมาณ 1-3 เดือน อ้อ ช่วงที่อยู่บ้านเนี่ยตี้ว่างมากก เลยทำให้มีเวลาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น หลังจากทำจมูกเสร็จประมาณ 3-4 เดือน ตี้ก็ย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ เวลาผ่านไป..... ฟันที่เคยหลอก็กลับมาชิดกันเหมือนเดิม พอฟันเริ่มเข้ามันก็เลยดูทำให้มีคาง การที่ติดสติ้กเกอร์ตาสองชั้นบ่อยๆก็ทำให้มีรอยพับที่ชั้นตา (รอยพับเล็กๆนะ) ทำให้ตาดูโตขึ้นนิดๆ แล้วก็เริ่มไดเอ็ทอย่างจริงจังค่ะ
สรุป: ได้นอแรดอันใหม่มา 555555 ฟันเข้า มีคาง และไม่ได้ขาวแต่อย่างไร
อยู่กรุงเทพได้ประมาณ 5 เดือน ตี้ก็ถอดเหล็กจัดฟันออก มาดูกันนนนน..... กรุณาโฟกัสที่ฟัน 5555 ปล.รูปแรกแสงเจิดจ้ามาก
น้ำหนักตี้ก็ลดลงด้วยน้าาาาาาาาาาาา5555555 (แต่ยังไม่ผอม -"
มาถึงตอนนี้....การแชรืเรื่องราวของตี้ก็ใกล้จะจบแล้ว ถ้าหากตี้ไม่ปทำ "ปากกระจับ" มาเพิ่ม 55555555555
ต่อ
ต่อ
จริงๆตี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับปากเลยนะคะ แต่อยากให้ปากเป็นรูปกระจับเฉยๆ ตี้ก็เลยทำแค่ปากบนค่ะ
ขอรวบรัดมาถึงตอนเข้าห้องผ่าตัดเลยนะคะ.....ตอนนั้นกลัวมากกก แต่คุณหมอใจดีค่ะ พูดปลอบใจ เปิดเพลงคลอเบาๆ คุณหมอมือเบา ฉีดยาชาไม่เจ็บเลยแล้วก็ชิลมากก ผ่าตัดไปคุยกับเราไป (ส่วนใหญ่คุณหมอคุยคนเดียวซะมากกว่า เพราะเราตอบไม่ได้ ก็อ้าปากอยู่อ่ะ) ฮัมเพลงไปด้วยก็มี การผ่าตัดใช้เวลา 45 นาทีก็เสร็จแล้วค่ะ จะบอกว่า การดูแลรักษาแผลยากมากค่ะ ถ้าเทียบกับการเสริมจมูก เพราะเราต้องกินข้าวทุกวัน แผลฉีกบ้าง แฉะบ้าง เลือดซึมออกมาบ้าง กว่าปากตี้จะหายดีก็ประมาณ 1 เดือนค่ะ
รูปนี้โฟกัสที่ปากน้าาาาา ตั้งใจจะถ่ายให้เห็นกระจับ
โอ้ยๆๆๆๆ ใกล้จบแล้ววว ฮี่ๆๆๆๆ ขอแถมภาพการพัฒนาฝีมือช่างแต่งหน้าในเมืองไทยนะคะ
สรุป: ทำมาทั้งหมดก็ได้แค่นี้แหละค่าาาาา 5555555 (ยังกล้ามาอวดเนอะ)
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะค้าาาาาาาา ขอบคุณค่าาาาาา