ไม่ว่าจะโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์บันทึกและเล่นไฟล์ข้อมูลดิจิตอล คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวีดีโอเกม เครื่งอใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน หรือสินค้าเทคโนโลยีอะไรก็ตาม ที่ออกมาแล้วแป๊ฏ ทัง้ที่ตัวสินค้าก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่อาจจะเพราะออกมาเร็วไปนิด หรือออกมาช้าเกินไป
สำหรับผม ก็มีอย่างแรกเลย กล้องถ่ายรูป Digital Mavica ของ Sony ออกมาในช่วงประมาณปี 1998 ใช้แผ่น floppy disc 1.44นิ้ว ในการบันทึกข้อมูล แต่อยู่ได้ไม่กี่ปีเพราะสื่อประเภท SD card นั้น พัฒนาเร็วมากทั้งในแง่ความจุและราคาที่ถูกลง แทบไม่เคยเห็นคนใช้กล้องตัวนี้เลย ข้ามา Sony Cybershot กันหมด
แล้วก็ Sega Gamegear ออกมาต้นยุค 90 ล้ำหน้ากว่าค่ายใดด้วย จอภาพแบบสี แต่กินไฟจากแบ็ตเตอรี่ในตัวเครื่งอมากไปนิด ทำให้แป๊บเดียวก็ต้องชาร์จไฟใหม่ไม่ก็ต้องหา adaptor เสียไบ้วขณะเล่น เลยไปไม่ถึงดวงดาาวสักเท่าไรห่ แล้วพวกบรรดาเครื่องเล่นเกมแบบพกพาจากค่ายอื่นๆที่ใช้จอสีและออกมาเวลานั้น ยอดขายก็ไปไม่ถึงดวงดาว สู้ Nintendo ที่ยังหากินกับ Game Boy จอภาพขาวดำ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แล้วก็เครื่องเล่นไฟล์มัลติมีเดียที่ชื่อ Zune ของ Microsoft ที่ทานกระแสความนิยม iPod จากค่ายคู่แข่งไม่ได้
แล้วก็ Siemen S10 โทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของโลกที่มี จอภาพแบบสี แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายอะไร มือถือจอขาวดำยังครองเมืองกันอยู่ แม้กระทั่งในปี 2001 ที่ Sanyo ออกมือถือรุ่น SCP-5000 มือถือฝาพับหน้าจอสี รุ่นแรกที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ก็ไม่ได้กระตุ้นให้ผู้คนอยากแห่กันมาใช้มือถือจอสีแต่อย่างใด (ราคาเปิดตัวของรุ่นนี้คือ 500เหรียญสหรัฐในตอนนั้น) กว่ามือถือจอสีจะเริ่มนิยมกันอย่งาจริงจังและทำให้หลายคนเกิดความรู้สึวก่า ฉันอยากมีมือถือจอสีใช้ ก็น่จะช่วงปี 2005 นี่แหล่ะมั๊ง
แล้วก็ Sega Saturn ที่ออกมาช่วงกลางยุค 90 ซึ่งสเปคก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร แต่ดูเหมือนเพราะการตลาดที่ไม่ค่อยดี แถมไหนจะเจอกระแสของ Sony Playstation ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานอีก
ช่วงปลายยุค 90 ทาง Motorolla เคยออก pagerแบบที่สามารถพิมพ์ข้อความโต้ตอบหากันได้ แต่จากนัน้มไ่กี่ปีมือถือก็ราคาถูกลงมาก แถมสามารถส่งข้อความหากันได้ด้วย มาพร้อมกบัค่าบริการที่ถูกลง วงจรของสินค้าอย่าง pager ก็ค่อยๆตายลง ไม่รู้ Blackberry ได้แรงบัลดาลใจมาจากpagerตัวนี้หรือเปล่า
และในช่วงปี 1996 มีนวัตกรรมที่เรียกว่า WebTV ออกมา เป้นสิง่ที่มีหน้าตาค้ลายกล่องรับดาวเทียมที่ทำให้ทีวีของท่านใช้อินเตอร์เน็ตได้ มี Philips, Sony, Samsung และ Sega เข้มาร่วมวง รวมถึง Microsoft ก็ด้วย โดยมีค่าบริการ 20เหรียญสหรัฐต่อเดือน แต่ในขณะนั้น แม้แต่ผู้คนในประเทศที่เจริญแล้วส่วนมากก็ไม่ได้รู้จักหรอกว่า อินเตอร์เน็ตมันคืออะไร แถมบริการนี้อยู่ได้ไม่กี่ปี เพราะจากนัน้คอมพวิเตอร์ราคาถูกลงมาก ทำไมจะต้องจ่ายเงินเพื่ออินเตอร์เน็ตที่ใช้งานได้แค่ผ่านทางโทรทัศน์
กับเครื่องเล่นเกมที่ทาง Apple เคยทำออกมาในช่วงปี 1996 ที่ชื่อ Pippin สเปคก็ดูดี แต่แป๊กเพราะราคาที่แรงไปนิด ค่ายเกมที่สนับสนุนก็มีน้อย ไหนจะเจ้าตลาดอย่าง Sega และ Nintendo อีก
และที่เห็นชัดๆอีกอย่างก็ Netbook ของทุกยี่ห้อ อีกหนึง่ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในวงจรการตลาดค่อนข้างสั้น จากการที่ laptop ราคาถูกลงมากขึ้น แถมเจอกระแส iPad มาขยี้ซ็ำอีก
คิดว่ามีสินค้าเทคโนโลยีตัวไหน ที่มันก็ดูดี แต่กลับแป๊กเพราะออกมาผิดเวลาไปหน่อย
สำหรับผม ก็มีอย่างแรกเลย กล้องถ่ายรูป Digital Mavica ของ Sony ออกมาในช่วงประมาณปี 1998 ใช้แผ่น floppy disc 1.44นิ้ว ในการบันทึกข้อมูล แต่อยู่ได้ไม่กี่ปีเพราะสื่อประเภท SD card นั้น พัฒนาเร็วมากทั้งในแง่ความจุและราคาที่ถูกลง แทบไม่เคยเห็นคนใช้กล้องตัวนี้เลย ข้ามา Sony Cybershot กันหมด
แล้วก็ Sega Gamegear ออกมาต้นยุค 90 ล้ำหน้ากว่าค่ายใดด้วย จอภาพแบบสี แต่กินไฟจากแบ็ตเตอรี่ในตัวเครื่งอมากไปนิด ทำให้แป๊บเดียวก็ต้องชาร์จไฟใหม่ไม่ก็ต้องหา adaptor เสียไบ้วขณะเล่น เลยไปไม่ถึงดวงดาาวสักเท่าไรห่ แล้วพวกบรรดาเครื่องเล่นเกมแบบพกพาจากค่ายอื่นๆที่ใช้จอสีและออกมาเวลานั้น ยอดขายก็ไปไม่ถึงดวงดาว สู้ Nintendo ที่ยังหากินกับ Game Boy จอภาพขาวดำ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แล้วก็เครื่องเล่นไฟล์มัลติมีเดียที่ชื่อ Zune ของ Microsoft ที่ทานกระแสความนิยม iPod จากค่ายคู่แข่งไม่ได้
แล้วก็ Siemen S10 โทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของโลกที่มี จอภาพแบบสี แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายอะไร มือถือจอขาวดำยังครองเมืองกันอยู่ แม้กระทั่งในปี 2001 ที่ Sanyo ออกมือถือรุ่น SCP-5000 มือถือฝาพับหน้าจอสี รุ่นแรกที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ก็ไม่ได้กระตุ้นให้ผู้คนอยากแห่กันมาใช้มือถือจอสีแต่อย่างใด (ราคาเปิดตัวของรุ่นนี้คือ 500เหรียญสหรัฐในตอนนั้น) กว่ามือถือจอสีจะเริ่มนิยมกันอย่งาจริงจังและทำให้หลายคนเกิดความรู้สึวก่า ฉันอยากมีมือถือจอสีใช้ ก็น่จะช่วงปี 2005 นี่แหล่ะมั๊ง
แล้วก็ Sega Saturn ที่ออกมาช่วงกลางยุค 90 ซึ่งสเปคก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร แต่ดูเหมือนเพราะการตลาดที่ไม่ค่อยดี แถมไหนจะเจอกระแสของ Sony Playstation ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานอีก
ช่วงปลายยุค 90 ทาง Motorolla เคยออก pagerแบบที่สามารถพิมพ์ข้อความโต้ตอบหากันได้ แต่จากนัน้มไ่กี่ปีมือถือก็ราคาถูกลงมาก แถมสามารถส่งข้อความหากันได้ด้วย มาพร้อมกบัค่าบริการที่ถูกลง วงจรของสินค้าอย่าง pager ก็ค่อยๆตายลง ไม่รู้ Blackberry ได้แรงบัลดาลใจมาจากpagerตัวนี้หรือเปล่า
และในช่วงปี 1996 มีนวัตกรรมที่เรียกว่า WebTV ออกมา เป้นสิง่ที่มีหน้าตาค้ลายกล่องรับดาวเทียมที่ทำให้ทีวีของท่านใช้อินเตอร์เน็ตได้ มี Philips, Sony, Samsung และ Sega เข้มาร่วมวง รวมถึง Microsoft ก็ด้วย โดยมีค่าบริการ 20เหรียญสหรัฐต่อเดือน แต่ในขณะนั้น แม้แต่ผู้คนในประเทศที่เจริญแล้วส่วนมากก็ไม่ได้รู้จักหรอกว่า อินเตอร์เน็ตมันคืออะไร แถมบริการนี้อยู่ได้ไม่กี่ปี เพราะจากนัน้คอมพวิเตอร์ราคาถูกลงมาก ทำไมจะต้องจ่ายเงินเพื่ออินเตอร์เน็ตที่ใช้งานได้แค่ผ่านทางโทรทัศน์
กับเครื่องเล่นเกมที่ทาง Apple เคยทำออกมาในช่วงปี 1996 ที่ชื่อ Pippin สเปคก็ดูดี แต่แป๊กเพราะราคาที่แรงไปนิด ค่ายเกมที่สนับสนุนก็มีน้อย ไหนจะเจ้าตลาดอย่าง Sega และ Nintendo อีก
และที่เห็นชัดๆอีกอย่างก็ Netbook ของทุกยี่ห้อ อีกหนึง่ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในวงจรการตลาดค่อนข้างสั้น จากการที่ laptop ราคาถูกลงมากขึ้น แถมเจอกระแส iPad มาขยี้ซ็ำอีก