สวัสดีครับ อยากลองเขียนอะไรยาวๆดูบ้าง เลยเอาเรื่องที่ไปเที่ยว ญี่ปุ่น มาเล่าให้ฟัง

เรื่องของเรื่อง คือ ปีที่แล้ว(2014) พี่ชายผม เค้าชวนคนที่บ้านไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน แต่ผมตอบกลับไปเลย ไม่มีตัง
เป็นอันว่า พี่ผมได้คนร่วมแก๊ง ไปกัน4คน มี พี่ แม่ น้องสาว แล้วก็ ลูกพี่ลูกน้อง ที่สนิท อีกคนนึง
ผ่านไป 2 อาทิตย์  ผมก็ตัดใจ ไม่ได้ไปแน่ๆ แต่แล้ว ส้มก็หล่น ใส่หัวดัง "ตุ๊บ"
คือมีคุณอาใจดีของผมท่านนึง โทรมาถามว่า "ไมไม่ไปกับเค้าล่ะ" ผมก็ตอบเหมือนเดิม ไม่มีตัง
อา เลยเสนอ ตั๋วเครื่องบิน กับ Pocket money จำนวนหนึ่งมาให้ เป้นคุณจะเอามั้ยครับ.....ติ๊กต๊อกๆๆ
แทบไม่ต้องคิดเลย ขอกราบขอบพระคุณ คุณอามา ณ โอกาสนี้ด้วย
       เอาล่ะ หลังจากส้มหล่น เสร็จแล้ว จึงเริ่ม วางแผนทันที เริ่มจาก
- จองตั๋ว ก๋วนพี่ผม เค้าจอง บินไทย กันไปแล้ว 4-14 ธค. ทีนี้ เอาไงดี หาไปหามา เลยได้ Delta
บิน 2-12 ธค. ไปก่อนกลับก่อน เอ่ะ.... ไปก่อน ก็ไปคนเดียวนี่หว่า กลับก่อน ก็กลับคนเดียวนี่หว่า
แต่ก็....เอาวะ มันจะซํกเท่าไหร่กันเชียว

- จองโรงแรม 2วันแรกที่นอนคนเดียว ผมตามรอย รายการ I love to go คือโรงแรม Horidome Villa
อยู่แถว Kodemacho ส่วนวันที่นอนกับที่บ้าน เรายึดหัวหาดกันที่ Ueno ครับ โรงแรม Kinuya
อยู่ตรงข้ามทางเข้า-ออก สถานนี Keisei Ueno เลย สะดวกสุดๆ แต่...ความตื่นเต้นยังไม่หมด คืนที่ 5
ผมต้องระเห็ดออกไปนอนที่อื่น คนเดียว เพราะวันนั้น โรงแรมหลักที่เราพักกัน "เต็ม" ได้รู้ก่อนเดินทางไม่กี่วัน
เลยรีบจองไป ได้ที่ Palace Japan อยู่เลย สถานนี Ueno ไปอีก 3 สถานนี

- ปักหมุด หาที่เที่ยว ดูรีวิว ทั้งใน พันทิพ, youtube ที่ไหนเค้าว่าเด็ด เราก็เข้าไปดู แล้วก็จดๆเอาไว้ ยาวเลย
กะไว้ เผื่อๆ พลาดอันไหน จะได้มีที่สำรอง

เอาล่ะ เดินทางกันดีกว่า
  

DAY 1
ตื่นตั้งแต่ ตี3 จริงๆแทบไม่ได้นอน มาถึง สุวรรณภูมิ ประมาณ ตี5 ข้อดี ของสายการบิน full service อย่างนึงคือการเช็คอิน
มีพนักงานยืนคอยบริการ เยอะจริงๆ แทบจะอุ้มไปส่งกันเลยทีเดียว ส่วนใหญ่จะใช้บริการ low cost มันช่างต่างกันซะเหลือกเกิน
หลังจากนั้น นั่งรออีกสักพักก็เรียกขึ้นเครื่อง


ตอนจองตั๋วเห็นเค้าบอกว่า ขาไปให้นั่งฝั่งซ้าย ขากลับให้นั่งฝั่งขวา จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ .... ดูเอาละกัน อยู่ ริบ ริ๊บบบ


ถึงสนามบิน นาริตะ ประมาณ 15:55 ตามเวลา ญี่ปุ่น ขั้นตอนการผ่าน ตม. คนเยอะมาก ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
เสร็จออกมา เดินลงบันไดเลื่อนรับกระเป๋า วิ่งเข้าเค้าเตอร์ Keisei ทันที อันนี้ แนะนำสำหรับ คนชอบสบายนะครับ "Sky Liner"
มันสะดวกจริงๆ ซื้อตั๋วเสร็จ ก็เข้าช่องที่อยู่ติดกัน เดินลงไปก็ถึง ชานชลา พอรถไฟเทียบท่าปุ๊ป รอให้แม่บ้านรถไฟเค้าทำความสะอาด
สักครู่ แล้วเบาะรถ หมุน 180 องศา พร้อมให้บริการ




อึดใจเดียว นั่งชมวิวข้างทาง ประมาณ 41 นาที ก็ถึงสถานนี Ueno
ตั้งแต่ลงเครื่องมา ผมก็ใส่ เสื้อมา2 ชั้น ตอนแรกนึกว่าจะหนาว นึกในใจ ก็งั้นๆ ไม่เห็นหนาวเลย
จน ผ่าน ตม. ขึ้นรถไฟ แต่พอถึงสถานนี Ueno ลงรถไฟมาปุ๊ป....รู้สึกเย็นขึ้นมาหน่อย ยิ่งเดินไป เดินไป ยิ่งใกล้ทางออก
มันเย็น มากๆๆๆๆเลย ทีนี้ผมต้องไปต่อรถไฟ ไปสถานนี Kodemacho
พอจะก้าวขึ้น เกิด event ทำกระเป๋าใส่ของหล่น ข้างในมี หูฟัง แล้วก็ เอกสาร การท่องเที่ยวต่างๆ นึกในใจ เอาไงดีฟะ
จะกลับไปเอาดีมั้ย.....ด้วยความเสียดาย เลยลงรถสถานนีหน้า
แบกกระเป๋าข้าม กลับมาอีกทาง หายหนาวเลยทีนี้ นั่งรถกลับมาที่เดิม วิ่งเข้าไปถาม เจ้าหน้าที่ เค้าชี้ให้ไปที่ Lost & Found
เป็นห้องรับแจ้งเรื่องของหาย โดยเฉพาะ เจ้าหน้าเค้าก็ด๊ดี ให้กรองข้อความ กระเป๋าเป็นยังไง สีอะไร เขียนเสร็จ พี่แกวิ่งไปเลย...
ไม่ถึง 3 นาที มาแล้วครับกระเป๋าผม สภาพเดิมทุกอย่าง ใครทำของหาย ส่วนใหญ่จะได้คืนนะ เพราะช่วงหลังก็มี event อีกเดี๋ยวเล่าให้ฟัง

ตัดกลับมาที่ สถานนี Kodemacho ยิ่งเดิน ใกล้ทางออก ก็ยิ่งหนาววววว บองตง ไม่เคยหนาวขนาดนี้มาก่อน ก่อนจะไปถึงญี่ปุ่น
มีคนเคยบอกไว้ว่า "มันหนาวแบบบ้าบอ" ไอ้เราก็ไม่เข้าใจ หนาวยังไง บ้าบอยังไง.......ซึ้งเลยตอนนี้
ถึงโรงแรมแล้ว อุ่นชิบเป๋ง
ถึงที่ห้อง รีบเปิดกระเป๋างัดเสื้อตัวหนาออกมาทันที ใจนึงก็คิด "อุ่นจังเลย ไม่อยากไปไหนแล้ว" อีกใจก็ "มาถึงแล้ว จะนั่งแช่ ไปถึงไหน"
สุดท้ายก็ ถีบตัวเองออกมาจนได้ ตอนนั้น ก็ประมาณ 5 โมงกว่าแล้ว ที่ที่อยากไปที่สุดตอนนั้น " AKIHABARA" อยากไปดูของไฮเทค
ดูกันดัม เล่นตู้หนีบ .... พูดถึงตู้หนีบ มันเหมือนมีมนต์สะกด มันเกือบจะได้ เกือบจะได้ เกือบ......รู้ตัวอีกทีก็ 3พันเยน แล้ว มันไหลออก
จากกระเป๋าเร็วมาก (เวลาไปเล่นต้องตั้งสตินิสนึง)

อาหารมื้อแรก ไปโดนที่ ชั้น 8 ของตึก Yodobashi Akiba ร้าน ChabuTon ยืนดูวิธีการสั่งอยู่พักนึง .... ไม่ยาก ไม่ยาก
หยดเหรียญ หรือ ใส่แบงค์ เสร็จแล้วกด เลือกแบบที่ต้องการ เลือกเสร็จ เครื่องจะ ใบคูปอง ออกมา เราก็เอาคูปองไปให้ที่เค้าเตอร์...ง่ายมั้ย

จากนั้นก็เล็งของที่หมายตาไว้ วันหลังค่อยมาซ้อย ....ออกมายืนท้าลมหนาวอยู่หน้าห้าง เห็นคนญี่ปุ่นเค้าก็นั่งเล่นเกมส์บ้าง อ่านหนังสือบ้าง
นั่งคุยกันบ้าง ไม่หนาวกันหรือไงฟะ แต่ว่าเราไม่ไหวแล้ว กลับก่อนดีกว่า กลับไปนอนแช่น้ำอุ่น จบวันแรกแบบ ทุลักทุเล