[CR] รีวิวแปลงเพศ หมอ อนุชิต เซเลบคลีนิค พาต้าปิ่นเกล้า พร้อมรูปประกอบอย่างละเอียด

กระทู้รีวิว
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวการแปลงเพศกับ หมอ อนุชิต เซเลบคลีนิค พาต้าปิ่นเกล้า ในราคาที่ถูกๆ  90,000 บาทนะคะ เราผ่าตัดไปเมื่อปีที่แล้ว วันที่ 7 ตุลาคม 2557 อีกสองเดือน ก็จะครบ1ปีเต็มแล้วค่ะ ตอนแรกก็ลังเลว่าจะเขียนรีวิวดีไหม แต่ในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว และเราก็ปลอดภัยจากการผ่าตัดและใช้งานได้ เราจึงตกลงกับตัวเองที่จะเขียนรีวิวให้กับพี่ๆน้องๆ ที่สนใจในการผ่าตัดแปลงเพศได้อ่านและทำความเข้าใจกับมันค่ะ

เราเกิดมาอยากเป็นผู้หญิงตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ และความคิดที่อยากจะผ่าตัดมันก็ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่จู่ๆอยากจะผ่าก็ผ่า แต่คิดว่าอยากจะผ่ามานานแล้วค่ะ

เมื่อปีที่แล้วเรามีอายุ22 ปีเต็มและเงินก็พร้อม เราเลยหาคลีนิคที่รับแปลงเพศที่ราคาไม่เกินแสนบาท เราหาไปเยอะมาก มีแต่เกินแสนทั้งนั้นค่ะ ที่มีถูกๆอีกที่ก็หมอ*** กับโรงพยาบาล**** แต่ที่นั่นมันถูกเกินไปและจากที่ดูรีวิวก็มีปัญหากันเยอะค่ะ ก็เลยไม่เอา ทีนี้เราก็มาเจอที่นี่ เซเลบคลีนิค

เราหารีวิวกับคุณหมอไม่เจอเลยค่ะ มีแต่รีวิวเสริมจมูก ตอนนั้นเราก็กลัวว่าจะทำดีไหมเพราะไม่มีแบบอย่างให้ดูเลย ก็เลยไม่รู้ว่าหมอจะทำออกมาสวยไหม แต่ก็ลองเสี่ยงอ่ะค่ะ

เพราะทนไม่ไหวแล้วอยากจะผ่าตัดเต็มทน ก็เลยตัดสินใจโทรนัดค่ะ เราก็นัดก่อนวันผ่าตัดจริงประมาณ2เดือนเห็นจะได้ค่ะ พอนัดวันเสร็จก็ได้เข้าไปพบคุณหมอ


บรรยากาศหน้าคลีนิค

หมอก็ดูใจดีนะคะ ยิ้มแย้มและเป็นกันเองค่ะ หมอชอบพูดตลกด้วยค่ะ เราก็เข้าไปพบ หมอก็ถามว่าจะผ่าตัดแปลงเพศใช่ไหม หมอก็ถามไปเรื่อยๆค่ะเรื่องเบสิค ถามว่าแต่งตัวเป็นผู้หญิงนานหรือยัง รทำไมอยากจะผ่าตัด ผ่าตัดแล้วเอาคืนไม่ได้นะ อะไรแบบนี้ เราก็บอกว่าจะผ่าแน่นอนค่ะ

คุณหมอก็ให้เราขึ้นไปบนเตียงแล้วหมอก็จับตรงอวัยวะเพศเดิมเราว่าพอไหมที่จะผ่าตัด มีอะไรครบถ้วนไหม ตอนนั้นไม่อายนะคะเพราะคิดว่าเป็นการทำทางการแพทย์ค่ะ หมอต้องทำแบบนี้ทุกคนเพื่อดูว่าจะสามารถผ่าได้ไหม

แต่ตอนที่เราไปทำไม่มีแบบให้ดูนะคะ หมอแค่บอกว่ามีครบ แคมนอกแคมในเม็ด อะไรต่างๆ และเคยทำงานกับหมอ กมล ที่โรงพยาบาลกมลก่อนจะมาเปิดคลีนิคเองค่ะ เราก็ต้องวัดดวงค่ะ ไม่มีรีวิว ไม่มีอะไรให้ดูทั้งนั้น แต่ตอนนี้ คงมีรีวิวจากคลีนิคให้ดูบ้างแล้วมั้ง เราก็ไม่แน่ใจค่ะ

เสร็จแล้วหมอก็ถามว่าจะผ่าได้ตอนไหน ที่นี่ส่วนมากหมอจะให้ผ่าตรงกับวันจันทร์นะคะ และพักที่คลีนิคชั้นบน กลับบ้านได้เย็นวันเสาร์ค่ะ เราก็นัดไปวันจันทร์ที่6 ตุลาคม หรือ7ตุลาคมไม่แน่ใจ แต่ตรงกับวันจันทร์ค่ะ

แต่นัดไปแล้วในกรณีเรายังไม่จ่ายค่ามัดจำหรืออะไรนะคะ เพราะว่าต้องไปขอใบรับรองจิตแพทย์มาก่อนค่ะ เราเลยบอกว่าจะไปขอใบรับรองจิตแพทย์มาให้เดือนหน้า (คือก่อนผ่าตัด1เดือน) บ้านเราอยู่ขอนแก่นเลยยังไม่สะดวกค่ะ

ทุกอย่างโอเค เราเลยกลับมาขอนแก่น และรอวันที่จะไปพบจิตแพทย์ เราไปขอใบรับรองจิตแพทย์เพื่อผ่าตัดแปลงเพศ จากโรงพยาบาลพระรามเก้าค่ะ ความจริงมีหลายโรงพยาบาลที่ขอได้ ยังไงก็ลองไปดูในอินเตอร์เน็ตดูนะคะ


ระหว่างรอพบหมอเพื่อขอใบรับรองจากจิตแพทย์

เราก็ไปขอค่ะ แต่แนะนำไปก่อนสิบโมงเช้าจะดีมากค่ะ เพราะบางทีคนก็เยอะ เราไปได้พบหมอสองคน เพราะใช้ใบรับรองสองใบจากหมอสองคนค่ะ เราเข้าไปก็ไปที่ทำประวัติเขาก็จะถามว่ามาทำอะไร เราก็บอกไปตามตรงไม่ต้องอายค่ะ ว่ามาขอใบรับรองจิตแพทย์ไปแปลงเพศ

เสร็จแล้วก็วัดความดัน ชั่งน้ำหนักเหมือนหาหมอทั่วไปเลยค่ะ แล้วก็รอให้พยาบาลเรียก เราก็รอสักพักใหญ่ ก็เข้าไปพบหมอคนแรก เป็นหมอที่อายุเยอะมากแล้ว เจ็ดสิบกว่าแต่ท่านยังดูแข็งแรง ชื่อหมอพยอม ท่านก้ไม่ได้ถามอะไรมากเพราะท่านก็เห็นเราเหมือนผู้หญิง ก็ถามแบบธรรมดาว่ากินฮอโมนมากี่ปีแล้ว อะไรก็ว่าไป ถามเรื่องส่วนตัวนิดหน่อยก็ตอบไปตามความเป็นจริง ไม่มีอะไรยากเลยค่ะ

เสร็จแล้วไวมาก ก็ได้ออกมาและขึ้นไปข้างบนเพื่อพบจิตแพทย์อีกคน ซึ่งเป็นผู้หญิงสาวค่ะ แต่จำชื่อไม่ได้ ก็มองดูเราก็ถามปกตินะ ว่าแต่งตัวเป็นผู้หญิงมากี่ปี อยากแปลงเพศเพราะอะไร ทำไมถึงอยากแปลงเพศ ก็ถามค่ะ ไม่ยากเลย เพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่คุณหมอจะดูค่ะ และภายในก็ถามว่าทำไมอยากแปลงเพศ แค่นี่เองค่ะ เสร็จแล้ว

จากนั้นก็ไปจ่ายเงิน เราจำได้ว่าเสียไป สองใบ 2,300บาทค่ะ แต่ก็พร้อมจ่ายค่ะ แต่มีบางแห่งที่ถูกกว่านี้ ยังไงก็ลองไปหาในอินเตอร์เน็ตดูนะคะ มีเยอะแยะเลย

พอเราได้ใบมาแล้ว ก็ไปเซเลบคลีนิคที่พาต้าเลยค่ะ นั่งแท็กซี่ไปเลย เร็วดีเราก็บอกว่าได้ไปรับรองจิตแพทย์แล้วนะคะ พี่ที่หน้าเคาท์เตอร์ก็บอกโอเค เดี๋ยวนั่งรอก่อน เพื่อไปเจาะเลือดค่ะ เราก็เจาะเลือดเสร็จปุ๊บ ไม่เจ็บเลยตอนเจาะ

จากนั้นผู้ช่วยพยาบาลก็มาแนะนำว่าก่อนการแปลงเพศต้องทำอย่างไร โอเค เขาก็ให้ใบแนะนำกับยาระบาย 90CC มาให้ค่ะ เรามัดจำไป 5,000นะคะ และที่เหลือเราขอหมายเลขบัญชีหมอมาค่ะ โอนให้ก่อนวันผ่าตัด 2วัน โอนไป 85,000 ค่ะ เพราะไม่อยากเอาเงินก้อนไปให้ที่คลีนิคมันจะลำบาก วันไปคลีนิคก็แค่เอาหลักฐานการโอนเงินไปก็พอค่ะ



นี่คือใบแนะนำการเตรียมตัวก่อนการแปลงเพศค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียมมาและอะไรก็อ่านดูเลยนะคะ

และช่วงเวลาที่ ทรมานก็มาถึงค่ะ ก่อนวันที่จะแปลงเพศ บ้านเราอยู่ขอนแก่นค่ะ แต่พอดีว่าอาของเราอยู่ที่ซอยวัดลาดปลาดุก บางบัวทอง เราก็เลยไม่อยากเสียเงินค่าโรงแรม เพราะเราจะได้นอนที่คลีนิคแค่ 5วันเท่านั้นนะคะ จากนั้นเราต้องออกมาดูแลตัวเองโดยที่ต้องเข้าไปล้างแผลทุกวันค่ะหลังจากที่ออกมาแล้ว

เพราะฉนั้น ใครที่ไม่มีบ้านที่กรุงเทพ ก็ต้องเตรียมเรื่องห้องพักใกล้ๆคลีนิคด้วยก็จะดีมากนะคะ โอเคกลับมาที่เรื่องของเราต่อ เราได้นัดแปลงเพศวันที่6ตุลาคม วันจันทร์ วันที่5หลังเที่ยงเรามาพักบ้านอา เราต้องกินยาถ่าย 45cc ครึ่งขวด คือมันเค็มมากกกกกก เค็มบาดคอค่ะ เค็มจริงๆ คิดตอนนี้ยังอยากจะอ๊วกเลย

แต่ก็ต้องกินค่ะเพราะจะต้องล้างลำใส้ค่ะ ก็กินแล้วกินน้ำตามมากๆค่ะเพื่อดับอาการเค็มคอนั้นให้หมดไป มันก็ช่วยได้ค่ะ เราก็รอไม่ถึง15นาทีนะคะ ก็ออกฤทธิ์ น้ำพุ่งออกมาเป็นสายเลยค่ะ คืออกมาแบบทะลักทะลาย ฮาๆๆๆๆ เรากลัวมากเพราะไม่เคยกินยาถ่ายค่ะ ไม่รู้ว่าอาการจะเป็นแบบไหน

และวิธีเคล็ดไม่ลับของเรานะคะ คือนั่งคาอยู่บนโถชักโครกเลยค่ะ เพราะมันจะมีน้ำออกมาตลอดนะคะ ช่วงแรกจะออกมาเยอะแต่หลังๆจะออกมาน้อยๆค่ะ แต่ออกมาตลอด กลั้นไม่อยู่ด้วยค่ะ ถ้าออกไปเดินมันก็จะเปื้อนได้ เราเอาพัดลมมาเป่าเลยค่ะ เพราะจะเป็นลม ช่วงนั้นถ้ามีคนดูแลอยู่ด้วยก็จะดีนะคะ

เราแบบทรมานนะ คิดดูนะคะ กินยาถ่ายแล้ว ถ่ายออกมาหมดจนเหลือแต่น้ำที่ออกมาอ่ะค่ะ น้ำใสมากกก เราแอบดู ฮาๆๆ คือเรากินยาตอนเที่ยง จนถ่ายหมดไปเกิอบ1ทุ่มอ่ะค่ะ กว่าจะได้ออกมานอนได้!



นี่คือสภาพของเราค่ะ เพลียมาก ทรมานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เพลียมาก เพลียสุดๆ แต่กินน้ำหวานอาหารอ่อนๆอะไรได้นะคะ เพราะตอนเช้ามืดต้องกินอีกค่ะ! เช้ามืดก่อนวันผ่าตัด เราก็กินอีก20 CC แต่แอบกินไม่ถึงค่ะ กินแค่10CC เพราะไม่ไหวจริงๆ และคิดว่ามันคงไม่มีอะไรเหลือแล้วล่ะ

ก็กินก็ออกมาอีก คงจะเป็นข้าวต้มโจ๊กเมื่อวาน แต่ก็ไม่เยอะมากค่ะ นั่งจากตี5 จนถึง9โมงเช้าถึงจะไม่มีอะไรกระปริบกระปรอยออกมา แล้วเราก็อาบน้ำค่ะ อ้อๆๆๆ แล้วเราก็จัดการโกนขนตรงนั้นด้วยตัวเองเลยค่ะ เพราะไม่อยากรบกวนพี่ผู้ช่วยและเกรงใจค่ะ เขินด้วย เลยจัดการโกนไปเองเลย ก็ดีด้วยค่ะ พี่พยาบาลบอกว่าดีมาก พี่ไม่เหนื่อย

เราก็ไปถึงคลีนิคก่อน11โมงเช้า เข้าไปก็นั่งคอยค่ะ อ้อ สิ่งที่เราเอาไปก็มีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คค่ะ เพราะที่คลีนิคจะมีไวไฟให้ค่ะ และเสื้อผ้าหลวมๆไว้ใส่กลับ ใครจะเอาซีดีหนังไปดูก็ได้นะคะเพราะว่าต้องนอนบนเตียงหลายวันเดินไม่ได้ค่ะเมื่อยมากขอบอก

รอข้างล่างสักพักพี่เขาก็พาขึ้นไปชั้นสามค่ะ ห้องจะอยู่ชั้นสามเป็นห้องเล็กๆค่ะ ห้องน้ำในตัว แต่ห้องน้ำไม่ได้ใช้เลยค่ะ เพราะว่านอนแต่บนเตียงได้ใช้แค่วันสุดท้ายเท่านั้น



นี่คือรูปบนห้องนะคะ มีทีวี เตียงก็ดีค่ะแต่แอบแข็งไปค่ะ และไม่มีระบบนวดใดๆทั้งสิ้น เมื่อยค่ะ แต่เมื่อยก้นมากกว่า แต่จะเล่าในตอนถัดไปนะคะ ห้องก็ดีค่ะ แต่แอบเล็กไปหน่อย แต่ก็โอเคนะคะ เป็นส่วนตัว ถึงแม้จะเล็กแต่ก็ใหญ่ไปเพื่อ? ในเมื่อนอนบนเตียงตลอดค่ะ

และตอนที่เราผ่าเมื่อปีที่แล้ว ห้ามให้ญาตินอนเฝ้านะคะเพราะว่าห้องเล็กและจะไม่สะดวกแต่มาเยี่ยมตอนกลางวันได้ค่ะ จะมีพี่ผู้ช่วยพยาบาลมานอนเฝ้าทั้งคืนค่ะ แต่ตอนกลางวันพี่เขาจะทำงานด้วยค่ะ ช่วยหมอข้างล่างก็จะมาดูเราเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ยังไงก็โทรถามที่คลีนิคอีกทีนะคะ

เราก็นอนคอยก็โอเคค่ะ นอนคอยจนกว่าจะสี่โมงเย็นค่ะ เพราะหมอจะผ่าตัดห้าโมงเย็น ตอนนั้นเราตื่นเต้นมากกกกกกกกกกก มากถึงมากที่สุดค่ะ เพราะเราจะเป็นผู้หญิงเต็มตัวแล้ว

ระหว่างนอนรอก็จะมีพี่ผู้ช่วยพยาบาลมาหาเรา เอาชุดสีม่วงชุดคนไข้ให้เราใส่ค่ะ



ชุดก็จะเป็นแบบนี้ อันนี้ถ่ายตอนนอนรอบนเตียงในห้อง ไม่มีอะไรทำเลยถ่ายเก็บไว้ค่ะ หลังจากนั้นพี่เขาก็มาเช็คว่าเรากินยาถ่ายมาจริงหรือเปล่าโดยการ แหย่นิ้วเข้ามาในก้นของเรา อันนี้ไม่น่ากลัวแต่แอบอายค่ะ ก็แหย่เข้าไปนิดเดียวค่ะ พี่เขาก็บอกว่าเก่งมากค่ะ!

แล้วก็ดูว่าเราโกนขนมาหรือยังเราก็บอกว่าโกนมาแล้ว พี่เขาก็บอกว่าดีมาก พี่จะได้ไม่ต้องโกนให้ ดีมากๆ เราก็คิดในใจดีแล้วค่ะหนูเขิน อิอิ

จากนั้นเราก็นอนหลับค่ะ เปิดทีวีดูไปและหลับตื่นมาอีกทีเกือบจะสี่โมงเย็น พี่เขามาหาบอกว่าให้ลงไปรอข้างล่างค่ะ เพราะห้องผ่าตัดใหญ่อยู่ชั้นสองของคลีนิค เข้าไปแอร์เย็นมาก มีหมออนุชิต และผู้ช่วย วิสัญญี และใครหลายคนมากค่ะประมาณสิบคนได้ ในนั้นมีไฟดวงใหญ่แบบแสบตามาก

และหนาวมากตัวสั่นขาสั่นไปหมด ทั้งตื่นเต้นดีใจ และหนาวมากกกกกกกกกกกกกก ทำไมหนาวอย่างนี้ ขึ้นไปก็นอนยาวๆค่ะ พี่เขายังไม่ได้ให้ขึ้นขาหยั่งอะไรทั้งนั้น สงสัยรอให้เราสลบก่อนค่ะ

ขึ้นไปก็เหมือนโดนเสียบสายน้ำเกลือ แต่ไม่เจ็บนะคะแบบเหมือนฉีดยาทั่วไป แต่เราสั่นมากค่ะ พยายามไม่ให้สั่นแต่ก็สั่น จากนั้นหมอก็เอาหน้ากากมาครอบจมูกกับปากเราค่ะ กลิ่นเริ่มมา กลิ่นไม่เหม็นนะคะ แต่ยังไงไม่รู้อธิบายไม่ถูก และมีอะไรเย็นๆแสบๆฉีดเข้าไปในเส้นเลือดที่มือค่ะ เข้ามาแบบพุ่งปรี๊ดดดดด แสบๆเย็นๆ ค่ะ แต่ไวมาก หมอบอกจะทำให้หลับแล้วนะ สูดให้ใจเข้าลึกๆ

เราก็สูดค่ะ พออะไรแสบๆเย็นฉีดเข้ามาในแขนเราเท่านั้น เราหลับเลยค่ะ หลับแบบไม่รู้อะไรอีกเลย ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น สมองดับไปเลยเหมือนชีวิตถูกตัดขาด เหมือนสมองโดนตัดไปอ่ะค่ะ คือเวลาหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ตื่นขึ้นมาสะลึมสะลือ รู้สึกมือข้างขวาไม่มีแรงอยากจะตะกายมือขึ้นมา แต่ไม่ได้มือขวาหนักมาก นี่ฉันเป็นอะไร วินาทีแรกยังไม่ได้ได้คิดอะไรเกี่ยวกับการแปลงเพศ ยังไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ รู้สึกมือขวาชามากที่สุดค่ะ ทำไม? แต่ไม่ทันได้อะไรมากไปกว่านั้น อาการเจ็บของการแปลงเพศมันเข้ามาแล้ว

เจ็บมาก เจ็บตรงก้นกบ ด้านหลังก้นกบเจ็บ ทำไมเจ็บอย่างนี้ ตรงที่แปลงเพศทำไมรู้สึกแน่นข้างในรู แน่นมากเหมือนมีอะไรมายัดไว้ โอ๊ยเจ็บ โอ๊ยเจ็บมาก ร้องขอชีวิต

หมอเข้ามา ผู้ช่วยเข้ามา และเป่าห่วงยาง ให้เรารองก้นไว้เพราะเจ็บมาก สงสัยอยู่ท่านี้นานหลายชั่วโมงตั้งแต่ผ่าตัด


ห่วงยางอันนี้ค่ะ เรายังเก็บไว้อยู่เลยค่ะ เพราะว่าหมอให้มาเลยต้องใช้หลายวันค่ะ ป้องกันการกดทับแผลหากนั่งโดยไม่มีห่วงยาง
ชื่อสินค้า:   แปลงเพศ หมอ อนุชิต เซเลบคลีนิค ราคา 90,000 บาท ห้าคืนนอนที่คลีนิค
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่