สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ซาอุดิอาระเบีย กำลังเผชิญสถานการณ์ลำบากจากภาวะราคาน้ำมันดิ่งตก โดยไม่ได้อยู่สภาพร่ำรวยเหมือนที่ผ่านมา และภาวะการเงินอาจย่ำแย่ถึงขนาดต้องกู้ยืมเงินต่างชาติด้วย

รายงานระบุว่า ขณะนี้ ซาอุดิอาระเบีย ผู้นำกลุ่มโอเปก หรือกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันใหญ่ของโลก ต้องลำบากหนัก จากภาวะขาดดุลงบประมาณ จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตก รวมทั้งการใช้จ่ายงบกลาโหมที่เพิ่มสูงขึ้น และทำให้ขณะนี้ซาอุฯต้องนำเอาทุนสำรองคงคลังมาใช้ และอาจเข้าแย่หนักถึงขั้นต้องกู้ยืมเงินนักลงทุนต่างชาติด้วย

โดยที่ผ่านมาในปีนี้ ซาอุฯได้ใช้เงินทุนสำรองไปแล้ว 62,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งยังไดกู้ยืมเงินจากธนาคารภายในประเทศเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนก.ค. นอกจากนี้ ประเมินว่า ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของซาอุฯจะพุ่งถึงระดับ 20 เปอร์เซนต์ของจีดีพี ในปี 2015 ซึ่งถือว่าสูงอย่างผิดปกติมากสำหรับประเทศที่เคยมียอดบัญชีเดินสะพัดเกินดุลงบประมาณ



ขณะที่หน่วยงาน"แคปิตอล อีโคโนมิคส์"มองว่า รายได้ของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย จะลดลงถึง 82 เปอร์เซนต์ในปีนี้ หรือเทียบเท่า 8 เปอร์เซนต์ของจีดีพี ขณะที่ไอเอ็มเอฟคาดว่า ซาอุดิอาระเบียจะเข้าสู่ภาวะขาดดุลงบประมาณไปจนถึงปี 2020

ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สถานการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดของรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเอง เนื่องจากผู้นำโอเปกรายนี้ไม่ยอมลดสัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันสู่ตลาด ทำให้ภาวะน้ำมันล้นตลาดโลก นอกจากนี้ยังต้องเสียเงินกับกิจการด้านอื่น เช่น การเข้าแทรกแซงวิกฤตสงครามในประเทศอย่างเยเมนเพื่อนบ้าน รวมทั้งการเข้าไปร่วมกับภารกิจโจมตีกลุ่มไอเอสในซีเรีย ทำให้งบประมาณกลาโหมของซาอุฯเพิ่มขึ้น 17 เปอร์ซนต์ จากปีที่แล้ว หรือเทียบเท่ากับ 10 เปอร์เซนต์ของตัวเลขจีดีพี

นอกจากนี้ กษัตริย์ซัลแมนยังมีพฤติกรรมใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย ด้วยการจ่ายโบนัสให้แก่ข้าราชการก่อนที่พระองค์จะลงตำแหน่งเมื่อเดือนม.ค.และก่อนหน้านี้ ผู้ว่าหน่วยงานการเงินซาอุฯ ยังบอกว่า ซาอุจะต้องเผชิญกับสถานการณ์กู้ยืมเพิ่มขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่ธนาคารกลางซาอุฯไม่ได้แสดงความเห็นว่าจะมีการอออกพันธบัตรมากจำนวนมากแค่ไหน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1439280956