พอดีเกิดแอคซิเดนท์เรื่องการวางแพลนเที่ยวปีหน้าค่ะ จองโปรสลับฟันปลาไปมาตั้งแต่ช่วงกลางปี บางรอบก็ได้ขาไป รอบต่อมาก็ได้แต่ขาไปอีก - -"
เหตุเพราะขากลับ พี่ airasia เค้ากั๊กหนักมากกก..กอปรกับเราอยากเที่ยวมันทุกเทศกาลทั้งเดือนเมษาเลย จึงเป็นที่มาของตั๋วขาไปช่วงซากุระถึง 2 เที่ยว

เที่ยวแรก BKK-NRT วันที่ 31 มีนาคม 2016 อยากไปดูซากุระที่โตเกียวแล้วกะว่าจะล่องลงมาทางคันไซ ขึ้นเครื่องกลับที่ KIX แต่!!..รอมาตั้งแต่เดือนพฤษภา ไม่มีทีท่าว่าตั๋วจากโอซาก้า-กรุงเทพฯ จะราคาถูกลงเลย (ช่วงวันที่ 6-15 เมษา) ครั้นจะรอทางฝั่ง Nok Scoot ก็กลัวเก้อ..เพราะหน้าไฮแบบนั้นตั๋วขายดี คงยากที่ราคาจะลงมาอยู่ระดับที่เราหวัง

รอไปรอมา..ปรากฎว่าโปรรอบถัดมา หน้ามืดไปกดจอง KUL-KIX อีกซะงั้น!! เล่าให้ใครฟังก็มีแต่คนส่ายหน้า..ตั๋วขากลับยังหาไม่ได้เลย แกจะจองอีกเพื่อ!!
ยอมรับค่ะว่าตอนนั้นหน้ามืดเพราะราคามันถูกจริงๆ บินช่วงสงกรานต์วันที่ 12 เม.ย. ราคาไม่ถึง 3 พัน พอโปรรอบนี้มาเลยจับขากลับได้วันที่ 27 เม.ย. ในราคา 3,2xx บาท เป็นอันว่าตอนนี้เหลือแต่ตั๋วขากลับเที่ยวแรกที่ยังไม่ได้จอง

เราเลยคิดว่าจะจองเที่ยวสุดท้ายมาซ่อมทริป คือ จากซัปโปโร-กัวลาฯ วันที่ 11 เม.ย. เท่ากับว่าเราบินเข้าออกญี่ปุ่นติดกันแค่ข้ามวัน หรือ 1 วันเท่านั้น แบบนี้ ตม.จะสงสัยไหมคะว่ามันมาทำไมติดกันจัง แถมทริปนึงอยู่นานเป็นสัปดาห์ๆ

ปล. จขกท.อยากเขียนหนังสือภาพประกอบเกี่ยวกับญี่ปุ่นสักเล่มหนึ่งค่ะ แบบนี้เราพอจะใช้เป็นเหตุผลอธิบายกับ ตม.ได้ไหมคะ?