วันนี้จะขออนุญาตมาเล่าประสบการณ์ครั้งแรกกับการเดินทางไปสวนผึ้งและกิจกรรมที่ทำให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะคะ
ทริปนี้ไปด้วยรถส่วนตัวแต่ไม่ได้ขับไปเองดังนั้นจะมาถามทาง เอาอะไรกับเราเรื่องเส้นทางนี่ไม่ได้เลย
เดินทางจาก นานาขึ้นทางด่วนมาลงพระราม 2 ไม่รู้ว่าเส้นทางนั้นมีอะไรอร่อยๆ น่าทาน จึงได้ตัดสินใจแวะร้าน "บตส" (ชื่อนี้มีแต่ของไม่อร่อย)
ในร้านจะมีข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ข้าวราดแกง ขนมจีน เครื่องดื่ม ขนมปังปิ้ง และของฝากเล็กๆน้อย ๆ
บรรยากาศติดบ่อน้ำ ดูสะอาดตาและน่าจะอร่อย แต่ไม่เลย (คุณหลอกดาว)
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กลวกเส้นเหมือนไม่สุก เส้นแข็งมากเคี้ยวกรุบกรับ (พยายามคิดว่าเป็นเส้นแบบไม่มีกลูเต็นแต่มันก็ไม่ใช่) แต่น้ำก๋วยเตี๋ยวและหมูตุ๋นเขาโอเคนะคะ สั่งเป็นหมูตุ๋นต้มยำก็เปรี้ยวๆเค็มๆพอไปได้ แต่เส้นนี้ไม่ได้จริงๆเลย บอกให้เขาทำให้ใหม่ได้ไหม เขาก็ทำให้ใหม่จริงๆ เทเส้นที่เราทานแล้วลงไปในหม้อลวกต่ออีกนิด และเทกลับเข้าชาม (ต่อจากนี้ใครทานก็ตัวใครตัวมันนะคะ)
และ Signature เครื่องดื่มของที่นี่เขาบอกต้องทานน้ำผึ้งแท้+มะนาว (แก้วละ 40 บาท) อู้หู เค็มมาก น้ำผึ้งมะนาวแท้ต้องเค็มมากสินะ แถมได้มดมาเสริมแคลเซียมอีกเต็มแก้ว มื้อนี้เช็คไปเกือบ 500 บาท พร้อมน้ำตา (ขนาดแค่ขนมปังปิ้งราดน้ำตาลยังทำไม่อร่อยเลยอะเท้อว์ ความสามารถพิเศษจริงๆ)
#อะไรว่าดีดาวก็ว่าดี #อะไรไม่ดีดาวก็ต้องสู้ T T
หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปสวนผึ้งต่อด้วยความตื่นเต้น พอเริ่มอยากเที่ยวมากเท่าไร อากาศก็จะแปรผกผันกับความต้องการของเราเท่านั้น ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ (แต่แน่นอนฟ้าหลังฝนย่อมสดใส) หลังจากฝนตกต้นไม้ก็เขียวชอุ่ม อากาศดี ฟ้าสวย แดดไม่ร้อน แวะปั๊มน้ำมันชักภาพสักรูป
วันนี้เราเข้าพักกันที่ Ashcarya Boutique Resort ซึ่งได้รับการแนะนำมาจากเพื่อนที่เคยมาสวนผึ้งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วและขับรถผ่านรีสอร์ทนี้ หลังจากนั้นจึงเข้าไปดูใน Facebook ของเขาแล้วรู้สึกว่า "ฉันต้องมาและต้องได้รูปกลับไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้"
เมื่อมาถึงรีสอร์ทประมาณ 14.00 ก็ Check in เรียบร้อยพนักงานก็ขับรถกอล์ฟ (แต่เราขอขับเองเขาก็ให้ขับนะ) ไปส่งที่ห้องพัก
เมื่อเปิดเข้ามาในห้อง หู๊ววว ชอบเลย รีสอร์ทที่นี่เขาจะเน้นใช้สีแดง-ดำ เป็นตีมหลัก แล้วทำออกมาได้ดีทีเดียว
ห้องน้ำเป็นแบบเปิดมองเห็นวิวได้ มีเสียงเพลงคลอทั่วทั้งรีสอร์ท แล้วของในห้องมีบริการค่อนข้างครบ ทั้งไดร์เป่าผม เสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าใส่เดินในห้อง ไฟฉาย ครีมนวด สบู่แบบเหลวและแบบก้อน (เหมาะมากกับผู้ที่ขี้เกียจและไม่พกอะไรเลยนอกจากชุดถ่ายรูปอย่างเรา)
หลังจากวางของเรียบร้อยแล้วก็เดินไปสำรวจรีสอร์ทสักหน่อย
โดยมาเริ่มที่บาร์ ริมสระว่ายน้ำก่อน ชิคมากก พูดเลยยย คือไม่ได้ใหญ่โตดูครบอะไรแต่ความรู้สึกมันได้ (ได้ภาพสวยๆแน่นอน) แล้วบริเวณนั้นเขาจะตัดหญ้าเตี้ยๆ เล่นระดับ มองเห็นวิวภูเขาได้อย่างกว้างขวาง
เราเลือกสั่งน้ำชามะนาว โดยเขาชงใหม่ทุกแก้วและบีบมะนาวสดลงไป ฮื้มมม ฟิน (ฟินจนไม่ได้ถ่ายรูปคิดดูเซ่ะ เอาเมนูไปเลือกกันเองละกันเนอะ)
หลังจากนั่งชิลๆสักพักจนประมาน 16.30 แดดร่มลมตกเราก็เริ่มกิจกรรมที่อยากทำมากที่สุดนั่นคือปั่นจักรยานนนนน (โทรมาสอบถามกิจกรรมล่วงหน้าว่ามีอะไรบ้าง) เปลี่ยนชุดพร้อมลุย ปั่นมาแบบชิลๆ อากาศดีดีย์
มีเส้นแบ่งเลนจักรยานชัดเจน ปลอดภัย อย่าเข้าไปกลางถนนแล้วกัน ระหว่างทางเจอ เพื่อนนักปั่น ทักทายกันอย่างน่ารัก แต่เขาดูจริงจังกว่าเรามาก ปั่นไปแวะถ่ายรูปไป จนไปถึง Scenery Vintage Farm #ตอนแรกก็สวยหรอกนะ สภาพตอนมาถึงก็ตามภาพ
หลังจากนั้นก็เข้าไปให้อาหารแกะกันตามธรรมเนียมและก็กินแบบฮาร์ดคอมาก กระชากลากถูหญ้าในมือ ใจเย็นๆกันสิค่าาา ถ่ายรูปชักภาพเป็นพิธีแล้วก็ไป
ทานไอศครีมนมแกะ กันโดยมีให้เลือกเป็นนมล้วน ทูโทน และช๊อคโกแลต
ไอติมของที่นี่จะมีลักษณะเป็นแบบเกล็ดๆ ไม่ใช่ครีมๆ อธิบายไม่ถูกแต่ไม่หวานมาก อร่อยไม่อร่อยไม่รู้กินกันไปคนละ 3 โคน (โคนละ 30 บาท)
และที่นี่จะมีบูธให้เล่นเกม เช่น ปาลูกโป่ง ยิงปืน ชู๊ตบาส โยนห่วง โดยมีตุ๊กตาแกะน่ารักๆล่อตาล่อใจเราอยู่แต่เราไม่ใช่เซียนเกมทางด้านนี้เลย ดูเหมือนง่ายแต่ทำไมมันยากนักนะ ปกติเกมละ 30 ซื้อแบบเป็นแพคมา 5 ใบ แถม 1 ใบในราคา 150 บาท
ได้ตุ๊กตาสิงโต นำโชคมา หนึ่งตัวถ้วน (คือ 150 เอาไปเดินเข้าร้านของฝากจะได้อะไรที่ดีกว่านี้นะ พูดเลย!)
หลังจากกิจกรรมเสร็จเรียบร้อยก็ทานอาหารในร้านอาหารของที่ Scenery ร้านอาหารบรรยากาศดี อาหารเสิร์ฟไว มีร้องเพลงเบาๆคลอไปด้วย ช่างเป็นอาหารมื้อเย็นที่เปี่ยมสุข โดยอาหารที่สั่งมาก็จะมี สเต็ก ยำวุ้นเส้น สปาเกตตี้เส้นดำ (ไม่อร่อยมากรสชาติงั้นๆ) แต่มาตายสนิทที่ "อกเป็ดราดซอสส้ม" ฟินเว่ออออ ฟินแค่ไหนคิดดูรูปไม่มีกินหมดก่อนจะรู้สึกตัว แต่แนะนำเลยมานี่ต้องสั่งนะ
หลังจากอิ่มหนำสำราญไปกับดินเนอร์มื้อเย็นกับบรรยากาศโรแมนติก ความเป็นจริงที่โหดร้ายก็มาถึง อย่าลืมสิเรามายังไง
ปั่นจักรยานมาไงตั๋วเธอ แล้วต้องทำไงคะ ปั่นกลับคะ ขามามีแต่เนินลงฉิวว ขากลับยังกับนรก อาหารที่ทานมาเท่าใดนั้น หมดเกลี้ยงคะ
หน้ามืด หอบแฮก หูอื้อ แต่เราก็ถึงกันได้อย่างสวัสดิภาพ
จักรยานเราใช้ของทางรีสอร์ทนะคะ จักรยานใหม่อย่างดี ยี่ห้อโคโยตี้ หรอเราอ่านว่าอย่างนั้น ชื่อบันเทิงเชียว มีไฟติดให้ทั้งข้างหน้าข้างหลัง วิบวับยังกับรถหยอดเหรียญโรตี
พอมาถึงรีสอร์ท เราจะไม่ใช้เวลาอย่างสูญเปล่า เปลี่ยนเป็นบิกินี โดดลงน้ำ ตูม พร้อมกับสั่ง Very Shiny Honey มาทานเก๋ๆ และต่อด้วยอื่นๆอีกมากมาย ค๊อกเทลที่นี่อร่อยราคาอยู่ที่ 180 - 200 บาทต่อแก้ว สำหรับใครที่ไม่ดื่มก็ยังมีเครื่องดื่มอย่างอื่นบริการให้ถือถ่ายรูปสวยๆชิคๆ ริมสระ
ว่ายผุดๆดำๆ ตีขาเล่นอยู่สักพัก สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หิวคะ!
และที่รีสอร์ทนี้มีบริการปิ้งบาบีคิวด้วย จึงสั่งบาบีคิวและหอยแครงมาทานกับ แซ่บมาก พูดเลยยย
พอหลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว กิจกรรมไฮไลท์ที่ดิฉันเฝ้ารอก็มาถึง
*ยืมภาพมากจากFBเพจ Ashcarya
นอนดูหนังกลางแปลงท่ามกลางแสงเทียน โรแมนติคมั๊กมากกกกกก แต่อิฉันขอดูหนัง Zombie คะ World War Z
ฟินมากกกกก แฮพพิ่ เป็นทริปที่ดี๊ดี หลังจากดูหนังจบก็เข้าห้องอาบน้ำ เป่าผม และหลับสนิท แอร์เย็นฉ่ำ
เช้าวันต่อมา ไม่ต้องเดาเลยคะ ระบม ปวดขาปวดตัวไปหมด จากกิจกรรมอันหนักหน่วงเบาๆ ไปกลับ 7 กิโลเท่านั้นเอง
หากใครลุกไม่ไหวที่รีสอร์ทมีบริการยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ที่ห้องด้วยนะคะ เก๋กู๊ดมากๆ แต่ไม่! เราจะมาเพื่อถ่ายภาพยิ่งชีพ
ระบมแค่ไหนก็ต้องไป เริ่มต้นวันใหม่แสนสุขด้วยการอาบน้ำแบบโอเพ่น ท่ามกลางต้นไม้เขียวๆและเสียงเพลง ฟ้าเปิดท้องฟ้าสวย อากาศไม่ร้อน
แค่เริ่มอาบน้ำก็มีความสุขแล้วทั้งวัน แต่เมื่อคืนสารภาพคะว่ากลัวรีบอาบรีบนอน (แต่ถ้าใครชอบห้องน้ำแบบโอเพ่นแล้วละก็ อาบน้ำท่ามกลางแสนจันทร์และดวงดาวโรแมนติคแค่ไหนคิดดู๊)
หลังจากแต่งตัวเสร็จก็เดินไปทานอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่มีไม่เยอะมาก จะมีเป็นสลัด ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม หรือหากใครไม่ชอบก็จะมีบริการข้าวต้มทรงเครื่องให้ แต่เราทานครัวซองต์กับเนย ของโปรด และต่อด้วย โกโก้ครันช์ใส่นม (มีนมถั่วเหลืองให้ด้วยนะ) มีโยเกิร์ตและปีโป้ให้ทานเบาๆท้อง พร้อมน้ำส้ม แอปเปิ้ล ฝรั่ง และสัปปรส หรือสามารถสั่งน้ำที่บาร์ได้ มีนมเย็นก็อร่อยย
หลังจากทานกันเบาๆสวยก็เริ่มปฎิบัติการชักภาพตามส่วนต่างๆของรีสอร์ท
อากาศวันนี้ไม่มีแดดแต่ก็รู้สึกได้ถึงความร้อน แต่ไม่หวั่น เดินถ่ายรูปจนทั่ว
เราชอบบริเวณล๊อบบี้ที่สุด มีชิงช้าให้เล่นด้วย ซึ่งผู้จัดการรีสอร์ทของที่นี่น่ารักมาก Service ดีตลอดเวลายังเด็กอยู่เลยแต่บริการดีเยี่ยม เอาใจใส่มาก
พนักงานทุกคนบริการดี น่ารักยิ้มแย้ม ตั้งใจทำงานกันมากๆ
และเมื่อถ่ายรูปกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็เริ่มออกหากินกันอีกแล้ว โดยร้านวันนี้ที่เราไปทานกันชื่อร้าน ม่อนไข่
หมูสามชั้นผักกูด ยำผักกูด ปลากล้วยตัวเล็กๆทอด (หน้าตาเหมือนจิ้งจก) และต้มจืดปรุงรสทรงเครื่องอะไรสักอย่าง (อร่อยเลยนะรสชาติเหมือนต้มแซ่บ)
ทานคู่กับข้าวขมิ้น หูยยยย ฟิน ฟินแบบไม่มีภาพประกอบอีกเช่นเคย หิวไง มาถึงก็ละเลงเหมือนเพลงออเคสต้า แต่อร่อยและไม่แพง แนะนำเลย ร้านม่อนไข่อยู่ใกล้กับร้านกาแฟ อามันเต้
หลังจากทานเสร็จก็ไปต่อด้วยชาเขียวนมน้ำผึ้ง กาแฟพอกรุบกริบ อิ่มหนำสำราญพร้อมเดินทางกลับกรุงเทพ
ทริปนี้เป็นทริปที่สนุกและกิจกรรมแน่นมาก ประทับใจในทุกที่ๆไปยกเว้น ร้านบตส ตามที่กล่าวไปข้างต้น กิจกรรมของรีสอร์ทนี้ก็แน่น ถูกใจคนที่ไม่ชอบอยู่เฉยๆอย่างเราเลย แต่ใครไม่ถูกใจก็นั่งชิลๆ จิบกาแฟ กดโน๊ตบุ๊คไปได้นะ ตามสไตล์ ห้องพักที่นี่มีหลายขนาด มาเป็นคู่รัก มาเป็นครอบครัวเล็ก-ใหญ่ได้หมด มีมุมถ่ายภาพที่เป็นไฮไลท์อยู่หลายจุด ทุกคนดูแลดีอย่างที่บอก และถือว่าเป็นรีสอร์ทที่มีสไตล์มาก ใส่ใจทุกรายละเอียด ดูดีกว่าหลายๆรีสอร์ทที่เราขับรถผ่านมา เดินทางไม่ยาก ถนนดี ถูกใจมากๆ หากใครที่จะมาสวนผึ้งแล้วอยากได้บรรยากาศแบบโรแมนติคมีสไตล์ ถ่ายรูปชิคๆแล้วละก็
เราแนะนำที่ Ashcarya Boutique Resort ที่นี่เลยนะ แล้วคุณจะได้ทั้งความสะดวกสบาย ภาพสวย และกิจกรรมสนุกสนาน สอบถามเขามาเพิ่มเติมว่ารับจัด Outing Trip และ งานแต่งงานด้วย เพราะเจ้าของที่นี่เขาทำเกี่ยวกับ Organize อยู่ด้วย
และแอบสอบถามว่า Ashcarya แปลว่าอะไร เขาบอกว่าเป็นภาษาเนปาลแปลว่า "ดาวเพียงหนึ่งเดียว"
สำหรับทริปครั้งแรกกับสวนผึ้งในวันนี้ขอจบลงแค่นี้
สวัสดีคะ
[CR] ครั้งแรกของฉันที่สวนผึ้งและ Ashcarya Boutique Resort
ทริปนี้ไปด้วยรถส่วนตัวแต่ไม่ได้ขับไปเองดังนั้นจะมาถามทาง เอาอะไรกับเราเรื่องเส้นทางนี่ไม่ได้เลย
เดินทางจาก นานาขึ้นทางด่วนมาลงพระราม 2 ไม่รู้ว่าเส้นทางนั้นมีอะไรอร่อยๆ น่าทาน จึงได้ตัดสินใจแวะร้าน "บตส" (ชื่อนี้มีแต่ของไม่อร่อย)
ในร้านจะมีข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ข้าวราดแกง ขนมจีน เครื่องดื่ม ขนมปังปิ้ง และของฝากเล็กๆน้อย ๆ
บรรยากาศติดบ่อน้ำ ดูสะอาดตาและน่าจะอร่อย แต่ไม่เลย (คุณหลอกดาว)
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กลวกเส้นเหมือนไม่สุก เส้นแข็งมากเคี้ยวกรุบกรับ (พยายามคิดว่าเป็นเส้นแบบไม่มีกลูเต็นแต่มันก็ไม่ใช่) แต่น้ำก๋วยเตี๋ยวและหมูตุ๋นเขาโอเคนะคะ สั่งเป็นหมูตุ๋นต้มยำก็เปรี้ยวๆเค็มๆพอไปได้ แต่เส้นนี้ไม่ได้จริงๆเลย บอกให้เขาทำให้ใหม่ได้ไหม เขาก็ทำให้ใหม่จริงๆ เทเส้นที่เราทานแล้วลงไปในหม้อลวกต่ออีกนิด และเทกลับเข้าชาม (ต่อจากนี้ใครทานก็ตัวใครตัวมันนะคะ)
และ Signature เครื่องดื่มของที่นี่เขาบอกต้องทานน้ำผึ้งแท้+มะนาว (แก้วละ 40 บาท) อู้หู เค็มมาก น้ำผึ้งมะนาวแท้ต้องเค็มมากสินะ แถมได้มดมาเสริมแคลเซียมอีกเต็มแก้ว มื้อนี้เช็คไปเกือบ 500 บาท พร้อมน้ำตา (ขนาดแค่ขนมปังปิ้งราดน้ำตาลยังทำไม่อร่อยเลยอะเท้อว์ ความสามารถพิเศษจริงๆ)
#อะไรว่าดีดาวก็ว่าดี #อะไรไม่ดีดาวก็ต้องสู้ T T
หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปสวนผึ้งต่อด้วยความตื่นเต้น พอเริ่มอยากเที่ยวมากเท่าไร อากาศก็จะแปรผกผันกับความต้องการของเราเท่านั้น ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ (แต่แน่นอนฟ้าหลังฝนย่อมสดใส) หลังจากฝนตกต้นไม้ก็เขียวชอุ่ม อากาศดี ฟ้าสวย แดดไม่ร้อน แวะปั๊มน้ำมันชักภาพสักรูป
วันนี้เราเข้าพักกันที่ Ashcarya Boutique Resort ซึ่งได้รับการแนะนำมาจากเพื่อนที่เคยมาสวนผึ้งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วและขับรถผ่านรีสอร์ทนี้ หลังจากนั้นจึงเข้าไปดูใน Facebook ของเขาแล้วรู้สึกว่า "ฉันต้องมาและต้องได้รูปกลับไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้"
เมื่อมาถึงรีสอร์ทประมาณ 14.00 ก็ Check in เรียบร้อยพนักงานก็ขับรถกอล์ฟ (แต่เราขอขับเองเขาก็ให้ขับนะ) ไปส่งที่ห้องพัก
เมื่อเปิดเข้ามาในห้อง หู๊ววว ชอบเลย รีสอร์ทที่นี่เขาจะเน้นใช้สีแดง-ดำ เป็นตีมหลัก แล้วทำออกมาได้ดีทีเดียว
ห้องน้ำเป็นแบบเปิดมองเห็นวิวได้ มีเสียงเพลงคลอทั่วทั้งรีสอร์ท แล้วของในห้องมีบริการค่อนข้างครบ ทั้งไดร์เป่าผม เสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าใส่เดินในห้อง ไฟฉาย ครีมนวด สบู่แบบเหลวและแบบก้อน (เหมาะมากกับผู้ที่ขี้เกียจและไม่พกอะไรเลยนอกจากชุดถ่ายรูปอย่างเรา)
หลังจากวางของเรียบร้อยแล้วก็เดินไปสำรวจรีสอร์ทสักหน่อย
โดยมาเริ่มที่บาร์ ริมสระว่ายน้ำก่อน ชิคมากก พูดเลยยย คือไม่ได้ใหญ่โตดูครบอะไรแต่ความรู้สึกมันได้ (ได้ภาพสวยๆแน่นอน) แล้วบริเวณนั้นเขาจะตัดหญ้าเตี้ยๆ เล่นระดับ มองเห็นวิวภูเขาได้อย่างกว้างขวาง
เราเลือกสั่งน้ำชามะนาว โดยเขาชงใหม่ทุกแก้วและบีบมะนาวสดลงไป ฮื้มมม ฟิน (ฟินจนไม่ได้ถ่ายรูปคิดดูเซ่ะ เอาเมนูไปเลือกกันเองละกันเนอะ)
หลังจากนั่งชิลๆสักพักจนประมาน 16.30 แดดร่มลมตกเราก็เริ่มกิจกรรมที่อยากทำมากที่สุดนั่นคือปั่นจักรยานนนนน (โทรมาสอบถามกิจกรรมล่วงหน้าว่ามีอะไรบ้าง) เปลี่ยนชุดพร้อมลุย ปั่นมาแบบชิลๆ อากาศดีดีย์
มีเส้นแบ่งเลนจักรยานชัดเจน ปลอดภัย อย่าเข้าไปกลางถนนแล้วกัน ระหว่างทางเจอ เพื่อนนักปั่น ทักทายกันอย่างน่ารัก แต่เขาดูจริงจังกว่าเรามาก ปั่นไปแวะถ่ายรูปไป จนไปถึง Scenery Vintage Farm #ตอนแรกก็สวยหรอกนะ สภาพตอนมาถึงก็ตามภาพ
หลังจากนั้นก็เข้าไปให้อาหารแกะกันตามธรรมเนียมและก็กินแบบฮาร์ดคอมาก กระชากลากถูหญ้าในมือ ใจเย็นๆกันสิค่าาา ถ่ายรูปชักภาพเป็นพิธีแล้วก็ไป
ทานไอศครีมนมแกะ กันโดยมีให้เลือกเป็นนมล้วน ทูโทน และช๊อคโกแลต
ไอติมของที่นี่จะมีลักษณะเป็นแบบเกล็ดๆ ไม่ใช่ครีมๆ อธิบายไม่ถูกแต่ไม่หวานมาก อร่อยไม่อร่อยไม่รู้กินกันไปคนละ 3 โคน (โคนละ 30 บาท)
และที่นี่จะมีบูธให้เล่นเกม เช่น ปาลูกโป่ง ยิงปืน ชู๊ตบาส โยนห่วง โดยมีตุ๊กตาแกะน่ารักๆล่อตาล่อใจเราอยู่แต่เราไม่ใช่เซียนเกมทางด้านนี้เลย ดูเหมือนง่ายแต่ทำไมมันยากนักนะ ปกติเกมละ 30 ซื้อแบบเป็นแพคมา 5 ใบ แถม 1 ใบในราคา 150 บาท
ได้ตุ๊กตาสิงโต นำโชคมา หนึ่งตัวถ้วน (คือ 150 เอาไปเดินเข้าร้านของฝากจะได้อะไรที่ดีกว่านี้นะ พูดเลย!)
หลังจากกิจกรรมเสร็จเรียบร้อยก็ทานอาหารในร้านอาหารของที่ Scenery ร้านอาหารบรรยากาศดี อาหารเสิร์ฟไว มีร้องเพลงเบาๆคลอไปด้วย ช่างเป็นอาหารมื้อเย็นที่เปี่ยมสุข โดยอาหารที่สั่งมาก็จะมี สเต็ก ยำวุ้นเส้น สปาเกตตี้เส้นดำ (ไม่อร่อยมากรสชาติงั้นๆ) แต่มาตายสนิทที่ "อกเป็ดราดซอสส้ม" ฟินเว่ออออ ฟินแค่ไหนคิดดูรูปไม่มีกินหมดก่อนจะรู้สึกตัว แต่แนะนำเลยมานี่ต้องสั่งนะ
หลังจากอิ่มหนำสำราญไปกับดินเนอร์มื้อเย็นกับบรรยากาศโรแมนติก ความเป็นจริงที่โหดร้ายก็มาถึง อย่าลืมสิเรามายังไง
ปั่นจักรยานมาไงตั๋วเธอ แล้วต้องทำไงคะ ปั่นกลับคะ ขามามีแต่เนินลงฉิวว ขากลับยังกับนรก อาหารที่ทานมาเท่าใดนั้น หมดเกลี้ยงคะ
หน้ามืด หอบแฮก หูอื้อ แต่เราก็ถึงกันได้อย่างสวัสดิภาพ
จักรยานเราใช้ของทางรีสอร์ทนะคะ จักรยานใหม่อย่างดี ยี่ห้อโคโยตี้ หรอเราอ่านว่าอย่างนั้น ชื่อบันเทิงเชียว มีไฟติดให้ทั้งข้างหน้าข้างหลัง วิบวับยังกับรถหยอดเหรียญโรตี
พอมาถึงรีสอร์ท เราจะไม่ใช้เวลาอย่างสูญเปล่า เปลี่ยนเป็นบิกินี โดดลงน้ำ ตูม พร้อมกับสั่ง Very Shiny Honey มาทานเก๋ๆ และต่อด้วยอื่นๆอีกมากมาย ค๊อกเทลที่นี่อร่อยราคาอยู่ที่ 180 - 200 บาทต่อแก้ว สำหรับใครที่ไม่ดื่มก็ยังมีเครื่องดื่มอย่างอื่นบริการให้ถือถ่ายรูปสวยๆชิคๆ ริมสระ
ว่ายผุดๆดำๆ ตีขาเล่นอยู่สักพัก สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หิวคะ!
และที่รีสอร์ทนี้มีบริการปิ้งบาบีคิวด้วย จึงสั่งบาบีคิวและหอยแครงมาทานกับ แซ่บมาก พูดเลยยย
พอหลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว กิจกรรมไฮไลท์ที่ดิฉันเฝ้ารอก็มาถึง
*ยืมภาพมากจากFBเพจ Ashcarya
นอนดูหนังกลางแปลงท่ามกลางแสงเทียน โรแมนติคมั๊กมากกกกกก แต่อิฉันขอดูหนัง Zombie คะ World War Z
ฟินมากกกกก แฮพพิ่ เป็นทริปที่ดี๊ดี หลังจากดูหนังจบก็เข้าห้องอาบน้ำ เป่าผม และหลับสนิท แอร์เย็นฉ่ำ
เช้าวันต่อมา ไม่ต้องเดาเลยคะ ระบม ปวดขาปวดตัวไปหมด จากกิจกรรมอันหนักหน่วงเบาๆ ไปกลับ 7 กิโลเท่านั้นเอง
หากใครลุกไม่ไหวที่รีสอร์ทมีบริการยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ที่ห้องด้วยนะคะ เก๋กู๊ดมากๆ แต่ไม่! เราจะมาเพื่อถ่ายภาพยิ่งชีพ
ระบมแค่ไหนก็ต้องไป เริ่มต้นวันใหม่แสนสุขด้วยการอาบน้ำแบบโอเพ่น ท่ามกลางต้นไม้เขียวๆและเสียงเพลง ฟ้าเปิดท้องฟ้าสวย อากาศไม่ร้อน
แค่เริ่มอาบน้ำก็มีความสุขแล้วทั้งวัน แต่เมื่อคืนสารภาพคะว่ากลัวรีบอาบรีบนอน (แต่ถ้าใครชอบห้องน้ำแบบโอเพ่นแล้วละก็ อาบน้ำท่ามกลางแสนจันทร์และดวงดาวโรแมนติคแค่ไหนคิดดู๊)
หลังจากแต่งตัวเสร็จก็เดินไปทานอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่มีไม่เยอะมาก จะมีเป็นสลัด ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม หรือหากใครไม่ชอบก็จะมีบริการข้าวต้มทรงเครื่องให้ แต่เราทานครัวซองต์กับเนย ของโปรด และต่อด้วย โกโก้ครันช์ใส่นม (มีนมถั่วเหลืองให้ด้วยนะ) มีโยเกิร์ตและปีโป้ให้ทานเบาๆท้อง พร้อมน้ำส้ม แอปเปิ้ล ฝรั่ง และสัปปรส หรือสามารถสั่งน้ำที่บาร์ได้ มีนมเย็นก็อร่อยย
หลังจากทานกันเบาๆสวยก็เริ่มปฎิบัติการชักภาพตามส่วนต่างๆของรีสอร์ท
อากาศวันนี้ไม่มีแดดแต่ก็รู้สึกได้ถึงความร้อน แต่ไม่หวั่น เดินถ่ายรูปจนทั่ว
เราชอบบริเวณล๊อบบี้ที่สุด มีชิงช้าให้เล่นด้วย ซึ่งผู้จัดการรีสอร์ทของที่นี่น่ารักมาก Service ดีตลอดเวลายังเด็กอยู่เลยแต่บริการดีเยี่ยม เอาใจใส่มาก
พนักงานทุกคนบริการดี น่ารักยิ้มแย้ม ตั้งใจทำงานกันมากๆ
และเมื่อถ่ายรูปกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็เริ่มออกหากินกันอีกแล้ว โดยร้านวันนี้ที่เราไปทานกันชื่อร้าน ม่อนไข่
หมูสามชั้นผักกูด ยำผักกูด ปลากล้วยตัวเล็กๆทอด (หน้าตาเหมือนจิ้งจก) และต้มจืดปรุงรสทรงเครื่องอะไรสักอย่าง (อร่อยเลยนะรสชาติเหมือนต้มแซ่บ)
ทานคู่กับข้าวขมิ้น หูยยยย ฟิน ฟินแบบไม่มีภาพประกอบอีกเช่นเคย หิวไง มาถึงก็ละเลงเหมือนเพลงออเคสต้า แต่อร่อยและไม่แพง แนะนำเลย ร้านม่อนไข่อยู่ใกล้กับร้านกาแฟ อามันเต้
หลังจากทานเสร็จก็ไปต่อด้วยชาเขียวนมน้ำผึ้ง กาแฟพอกรุบกริบ อิ่มหนำสำราญพร้อมเดินทางกลับกรุงเทพ
ทริปนี้เป็นทริปที่สนุกและกิจกรรมแน่นมาก ประทับใจในทุกที่ๆไปยกเว้น ร้านบตส ตามที่กล่าวไปข้างต้น กิจกรรมของรีสอร์ทนี้ก็แน่น ถูกใจคนที่ไม่ชอบอยู่เฉยๆอย่างเราเลย แต่ใครไม่ถูกใจก็นั่งชิลๆ จิบกาแฟ กดโน๊ตบุ๊คไปได้นะ ตามสไตล์ ห้องพักที่นี่มีหลายขนาด มาเป็นคู่รัก มาเป็นครอบครัวเล็ก-ใหญ่ได้หมด มีมุมถ่ายภาพที่เป็นไฮไลท์อยู่หลายจุด ทุกคนดูแลดีอย่างที่บอก และถือว่าเป็นรีสอร์ทที่มีสไตล์มาก ใส่ใจทุกรายละเอียด ดูดีกว่าหลายๆรีสอร์ทที่เราขับรถผ่านมา เดินทางไม่ยาก ถนนดี ถูกใจมากๆ หากใครที่จะมาสวนผึ้งแล้วอยากได้บรรยากาศแบบโรแมนติคมีสไตล์ ถ่ายรูปชิคๆแล้วละก็
เราแนะนำที่ Ashcarya Boutique Resort ที่นี่เลยนะ แล้วคุณจะได้ทั้งความสะดวกสบาย ภาพสวย และกิจกรรมสนุกสนาน สอบถามเขามาเพิ่มเติมว่ารับจัด Outing Trip และ งานแต่งงานด้วย เพราะเจ้าของที่นี่เขาทำเกี่ยวกับ Organize อยู่ด้วย
และแอบสอบถามว่า Ashcarya แปลว่าอะไร เขาบอกว่าเป็นภาษาเนปาลแปลว่า "ดาวเพียงหนึ่งเดียว"
สำหรับทริปครั้งแรกกับสวนผึ้งในวันนี้ขอจบลงแค่นี้
สวัสดีคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น