สวัสดีค่ะ  ทริปนี้มาพักผ่อนที่สวนผึ้งค่ะ  เรียกได้ว่ามาเห็นภูเขาลำเนาไพรครั้งแรกหลังจากกักตัวช่วงโควิด19 เลยแหละค่ะ  สำหรับที่พักในทริปนี้คือ “บ้านอ้อมกอดขุนเขา”  แค่นี้ก็ดูน่าพัก น่าอบอุ่นแล้วเนอะ  เอาเป็นว่ามาดูรีวิวกันเลยนะคะ   ระยะทางในการเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไป "บ้านอ้อมกอดขุนเขา"  สวนผึ้ง ราชบุรี ประมาณ 170 ก.ม.  เปิด GPS นำทางได้เลย  ทางไม่เปลี่ยว ไม่น่ากลัว  นั่งเพลินๆแป๊ปเดียวก็ถึงแล้วค่ะ

ขอเช็คอินแป๊ปนะคะ

ข้างๆมีกรงเลี้ยงนกอยู่  หนุ่มน้อยรีบตรงดิ่งไปดูนก  ระหว่างรอพ่อแม่เช็คอิน

เสร็จแล้วก็นั่งรถกอล์ฟไปบ้านพักกันค่ะ  

บ้านที่เราจองชื่อว่า “บ้านเฟื่องฟ้า” เป็นบ้านหลังใหญ่ 2ห้องนอน 1ห้องนั่งเล่น  เปิดไปจะเจอห้องนั่งเล่นอยู่ตรงกลาง ระหว่างห้องนอน 2 ห้อง แยกกัน ซ้าย – ขวา  ตกแต่งด้วยธีมสีฟ้า สดใส

ห้องนอนน่ารักๆมากค่ะ  มีทีวี ตู้เย็น และ ห้องน้ำในตัวทั้ง 2 ห้อง

ส่วนของห้องน้ำกว้างขวาง แยกสัดส่วน และมีอ่างอาบน้ำทั้ง 2 ห้องเลย  หนุ่มน้อยของเราฟินมากๆ อิอิ

ห้องนอนอีกห้อง ตกแต่งคล้ายๆกัน  น่ารักดี

ภายในตู้เย็นมีเครื่องดื่มเป็นน้ำอัญชัญมะนาว  และ ผลไม้ต้อนรับให้บริการฟรีค่ะ

หีบสมบัติ  เปิดมา เป็นที่เก็บ ชา กาแฟ และ กาน้ำร้อน

ระเบียงหน้าบ้านมีพื้นที่กว้าง  มีโต๊ะ เก้าอี้   นั่งสังสรรค์กัน เหมาะกับแก๊งค์เพื่อน และ ครอบครัว อีกด้านเตียงสำหรับนอนชมวิวภูเขา

ต่อมาขึ้นไปบนดาดฟ้ากันค่ะ  บ้านพักของที่นี่จะมีดาดฟ้าทุกหลัง ไม่ว่าจะหลังเล็ก หรือ หลังใหญ่

วิวดี ลมพัดเย็น  เพลินๆ

เรามีโอกาสได้เข้าไปชมบ้านหลังเล็ก 1 ห้องนอนด้วย  ชื่อว่า “บ้านคุณนาย”

สามารถนอนได้ 2 คน และ เพิ่มเตียงเสริมได้อีก 1 คนแบบสบายๆเลยค่ะ

ภายในห้องน้ำ  มีอ่างอาบน้ำด้วยนะ

ขึ้นไปบนดาดฟ้า ก็จะเจอวิวสวยๆแบบนี้ค่ะ  สระว่ายน้ำรูปหัวใจ  ด้านหลังเป็นขุนเขา  ดูแล้วสบายหูสบายตาเป็นที่สุด

ชิลล์ๆ ริมสระรูปหัวใจ

มีบ้านกระต่ายด้วยนะคะ  เลี้ยงแบบปล่อยอิสระเลย  เห็นมาเดินเล่นอยู่แถวหลังบ้านเราด้วย

ช่วงเย็นๆ เราไปขี่ม้าเล่นกันด้วย  ที่นี่จะมีกิจกรรมบริการสำหรับแขกผู้เข้าพัก เช่น ขี่ม้า ยิงธนู ปั่นจักรยาน 

เริ่มต้นด้วยการขี่ม้านะคะ  ม้าที่นี่จะมีประมาณ 4-5 ตัว มีทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่  

หนุ่มน้อย กับ แม่ ก็ขี่ม้าถ่ายรูปเล่นสวยๆ   ลูกขี่ให้ม้าวิ่งจริงๆ แต่ คุณแม่ขอตัว ถ่ายรูปอย่างเดียวค้า อิอิ

มุมชิงช้า ให้นั่งเล่นเพลินๆก็มี

มีเกมส์ยิงธนูด้วย  ใครยิงไม่เป็น ก็มีเจ้าหน้าที่คอยสอนดูแลให้ค่ะ

จักรยานมีให้บริการทั้งสำหรับผู้ใหญ่ และ เด็ก

หลังจากเล่นกิจกรรมเรียบร้อย  เด็กๆเริ่มเกิดอาหารหิว เราก็ไปกินอาหารเย็นกันที่ ครัวจันทร์ฉาย  ร้านอาหารภายในรีสอร์ทนั่นเอง

เมนูที่สั่งไปก็จะมี ปลาช่อนลุยสวน / เนื้อแดดเดียว / ทอดมันกุ้ง / ผัดเผ็ดหมูป่า / โป๊ะแตก / หมูสามชั้นทอดน้ำปลา

รสชาติดีทุกเมนูเลยค่ะ  อร่อยมากๆมื้อนี้

เครื่องดื่มเป็น โอวัลตินปั่น / ชานมปั่น /  น้ำมะนาวน้ำผึ้งปั่น และ สัปปะรดปั่น    

ขออนุญาตตัดภาพไปที่ช่วงเช้าเลยนะคะ   ตื่นสายนิดหน่อย  ไปทานอาหารเช้ากันที่ครัวจันทร์ฉายเหมือนเดิมค่ะ

อาหารเช้าที่มีจะเป็น a la carte ให้เลือก มีทั้งสไตล์ไทยๆแบบข้าวต้ม และ American breakfast  ที่สำคัญคือ ไม่อิ่มสามารถสั่งเพิ่มได้เรื่อยๆเลย  

ส่วนอื่นๆ ก็เลือกตักตามไลน์ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม เบเกอรี่ หรือ ผลไม้

 โดยขนมปังโฮมเมดของที่นี่จะมีหลากหลายมากๆค่ะ มีทั้งขนมปังขาว โฮลวีท ฮัญพืช ทูโทน ฟักทอง ดอกอัญชัญ มันม่วง

หลังจากกินอาหารเช้า เรากลับเข้าห้องพักเพื่อพักผ่อนกันอีกสักพัก  ก็เตรียมตัวเช็คเอ๊าท์เดินทางกลับบ้านกันค่ะ  ก่อนกลับหนุ่มน้อยเดินผ่านร้านกาแฟของรีสอร์ท ร้องอยากกินเบเกอรี่ขึ้นมาซะงั้น  ก็เลยแวะกินกาแฟกันก่อนค่ะ

มีที่นั่งทั้งในแอร์ด้านในร้าน และ ด้านนอก ก็จะได้บรรยากาศอีกแบบค่ะ

เบเกอรี่ให้เลือกหลากหลาย   

หนุ่มน้อยเลือกเค้กสปันจ์วนิลารูปแกะน้อย คุณแม่จัดบราวนี่  ส่วนคุณพ่อสั่งลาเต้  และโอวัลตินของหนุ่มน้อย  ฟินกันก่อนเช็คเอ๊าท์