ทำไมคุณสุภาลักษณ์ถึงบอกว่าการที่เราโปรจีนเป็นผลเสียในความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ไทยกับอาเซียน

https://www.facebook.com/supalak.ganjanakhundee/posts/394976954030242?fref=nf&pnref=story

โปรจีน โปรอเมริกัน

นักการทูตฝรั่งรุ่นเยาว์ถามว่า "คุณคิดว่าความสัมพันธ์ไทย-จีนของรัฐบาลพลเรือนกับรัฐบาลทหารแตกต่างกันอย่างไร?"

ผมยกกาแฟขึ้นจิบพลางนึกในใจว่า นี่มันสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาโทหรือว่าจิบกาแฟคุยกันหว่า แต่เอาเถอะเห็นแก่กาแฟดำแก้วนี้จะลองตอบดู

ในแง่ความรับรู้ ยุทธศาสตร์ และเป้าหมายไม่ต่างกันหรอก ในการเมืองไทยยุคปัจจุบันผมมองไม่เห็นสิ่งที่เรียกว่าโปรจีนโปรอะเมริกันนะ คือคุณพูดไม่ได้หรอกว่ายิ่งลักษณ์โปรอเมริกันประยุทธ์โปรจีน การเมืองในศตวรรษที่ 21 ต่างจากเดิมมาก การรัฐประหารครั้งนี้ไม่ได้ทำโดยนายทหารที่นิยมจีนมากกว่าอเมริกันหรอก เพียงแต่ว่าท่าทีที่แสดงออกเท่านั้นที่แตกต่างกัน ในความเห็นของผมรัฐบาลพลเรือนมีพื้นที่ (space) ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศมากกว่า ทำให้พวกเขาสร้างสมดุลในระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ดีกว่ารัฐบาลทหารซึ่งไม่ประสีประสาเรื่องการเมืองระหว่างประเทศเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

"ทำไมว่างั้นล่ะ" เขาถามขึ้น

"ผมคิดว่าอีลิตไทยทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารนั้นมีความคิดเกี่ยวกับจีนไม่ต่างกัน คือ อยากเป็นหนึ่งในใจปักกิ่ง อะไรที่พอจะทำให้จีนพอใจได้ พวกเขาก็จะทำในฐานะพี่น้องพวกเขาคิดอย่างนั้น ในวงการทูตของไทยเมื่อพูดถึงความสัมพันธ์กับจีนโดยเปรียบเทียบกับชาติอื่นๆนะ ประเทศไทยจะบอกว่า "we want to be first among equal" คือหมายความว่าเรารู้แหละว่าจีนมองไทยนั้นก็เหมือนๆกับรัฐบรรณาการอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แหละ เพียงฝ่ายไทยอยากจะมาก่อนเพื่อนสักหน่อยหนึ่งเท่านั้นเอง

ทว่าในสถานการณ์ปกตินั้นคนทั่วไปอาจจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง เพราะยุทธศาสตร์ใหญ่ทางด้านการต่างประเทศของไทยคือ เราจะใช้มหาอำนาจสร้างสมดุลระหว่างกัน ยิ่งพวกเขาแข่งขันกันมากเท่าไหร่ เรายิ่งมีฐานะและอำนาจต่อรองดีเท่านั้น ความจริงก็ไม่เฉพาะไทยหรอก พวกคุณเติบโตในสายงานนี้ต่อไปสักพักก็คงพอจะรู้หรอกว่า ประเทศขนาดไทยนี่เล่นการเมืองโลกกับแบบนี้แหละ

แต่ปัจจุบันนี้พวกคุณรู้สึกว่ารัฐบาลทหารไทยเข้าใกล้จีนมากนั่นเป็นเพราะว่า พวกเขาพยายามจะแสดงอาการกระเง้ากระงอดให้โลกตะวันตกเห็นว่า พวกเขาไม่ง้อพวกคุณแค่นั้นแหละ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีประเทศตะวันตกประเทศใดจะหลงกลยุทธตื้นๆอันนี้ เพราะก็ยังเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารกันอย่างเมามันอยู่

"แล้วมันกระทบต่อสถานะผู้ประสานงานจีน-อาเซียนของไทยหรือเปล่า ทั้งในแง่บวกและลบ?" เขาถามต่อ
"มีมากทีเดียว แต่ผมมองเห็นในแง่ลบมากกว่า" ผมว่า "คือก่อนหน้าที่จะรัฐประหารประเทศไทยผลักดันเรื่อง code of conduct ได้อย่างมีนัยสำคัญนะ ถึงพวกคุณจะไม่ยอมรับว่านี่เป็นความสำเร็จแต่ผมก็เห็นว่านี่เป็นการบรรลุเป้าหมายขั้นนหนึ่งล่ะที่ทำให้อาเซียนมีช่องทางในการเจรจาเรื่องความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ได้ คือตอนนั้นใครๆก็รู้แหละว่าไทยใกล้ชิดจีนแต่เราพูดได้เต็มปากกว่าเราไม่มีผลประโยชน์อะไรตรงๆกันมากไปกว่าชาติอื่นๆในอาเซียน ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องเกรงใจจีนมากนัก เขาก็รู้กันทั่วโลกแหละว่าจีนไม่ต้องการมี code of conduct แต่อาเซียนอยากให้มี มาถึงตอนนี้คุณจะสังเกตุว่าแรงผลักดันอันนี้มันชักจะแผ่วๆไป ส่วนหนึ่งก็เพราะไทยจะหมดวาระ แต่อีกส่วนหนึ่งผมว่าเพื่อนๆอาเซียนเริ่มคลางแคลงในท่าทีของไทยและผลประโยชน์ที่ไทยมีกับจีนมากขึ้น เราต้องการใช้ code of conduct ควบคุมแสนยานุภาพทางทะเลของจีน แต่ไทยกลับจะซื้อเรือดำน้ำจากจีนอะไรยั้งเงี้ยะ คุณว่าถ้าคุณเป็นเพื่อนบ้านอาเซียนที่มีปัญหากับจีนอยู่นี่คุณยังไว้ใจไทยได้อยู่หรือเปล่า?"
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ก็น่าแปลกนะถ้าบอกว่าอเมริกาไม่ง้อเรา    แต่กลับให้ GSP ไทย

ไม่ว่าจะทางไหนอเมริกาจะไม่มีวันยอมเสียไทยไปเป็นอันขาด     เพราะไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญต่ออเมริกามากในแถบนี้    เพราะไทยมีชัยภูมิที่ส่งผลต่อจีนมาก    ทั้งใช้ล้อมจีนและเปิดทางให้จีนออกสู่มหาสมุทรอินเดีย   ดังนั้นอเมริกาจะไม่ยอมให้ไทยหันไปหาจีนเต็มตัว    และจีนเองก็ไม่ยอมให้ไทยไปอยู่ข้างอเมริกาเต็มตัว     ทำให้ไทยเดินนโยบายค่อนข้างสมดุลระหว่างอเมริกากับจีน     และอเมริกากับจีนก็ค่อนข้างพอใจกับระดับความสัมพันธ์ในปัจจุบัน

ส่วนเรื่องประชาธิปไตยนั้นความจริงไม่ได้สำคัญอะไรกับตะวันตกมากมายหรอก    ที่ออกท่าทางมามากก็แค่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ผู้นำประชาธิปไตยของตนเอาไว้แบบพอเป็นพิธี     แต่จะเอาเป็นเอาตายเลยนั้นไม่มีทาง     เพราะถ้าตะวันตกเดือดร้อนเรื่องระชาธิปไตยมากจริงแทนที่จะมาเล่นงานไทยมีประเทสอื่นที่ควรเล่นงานก่อนอีกหลายประเทศ    อย่างเช่นซาอุดิอาระเบีนหรือบรูไนที่เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่