Kop คิด Kop ทอล์ค : เปิดฤดูกาล กับ "Britannia Stadium!!!!"



ผ่านไปร่วมๆเกือบ 2 เดือน เปิดฉากขึ้นแล้วฟุตบอลพรีเมียร์ลีค แฟนบอลที่คอยเฝ้าติดตาม หลังจากโหมโรงไปกับนัดคู่เปิดสนาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ สเปอร์ส  หลังจากทีมแรกเอาชนะไปด้วยสกอร์ 1-0 ปิดฉากด้วยคู่ เชลซี กับ สวอนซี ที่จบลงด้วยผลเสมอด้วยสกอร์ 2-2 แถม คูร์ตัว โกล์มือหนึ่งของเชลซี ต้องถูกไล่ออกจากสนาม เรียกน้ำย่อยให้สำหรับกองเชียร์กองแช่งได้เป็นอย่างดี  จะสุขสมหวัง หรือ ผิดหวังมากน้อบขนาดไหน มันเป็นนัดแรกที่เพิ่งโหมโรง ความมันยังอยู่ใ้ห้ติดตามกันไปอีกนาน

ฤดูกาลนี้หวังว่าจะตื่นเต้นเร้าใจกว่าฤดูกาลก่อน....เพราะฤดูที่ผ่านมา เชลซีอยู่อันดับหนึ่งเรียกได้ว่าแทบจะม้วนเดียวจบทำให้แฟนบอลกองแช่งอย่างผมไม่ค่อยได้เสียวสักเท่าไหร่
ไปเสียวอยู่แต่กับ ลิเวอร์พูลที่ลุ้นจนเสียงแหบเสียงแห้งก็ยังไม่ขึ้น

สวัสดีครับเพื่อนเดอะค็อปทุกคน หลังจากหายหน้าหายตาจากวงการไปนาน ฮ่าาาา ว่าจะเริ่มต้นเขียนก็หลายครั้ง เขียนไปเขียนมารู้สึกเบื่อๆ.......หัวสมองคิดอะไรไม่ค่อยออกจนบอกกับตัวเองว่าพอดีกว่าค่อยหาอ่านของคนอื่นๆเขาดีกว่า...แต่แล้ววันนี้คิดว่าเป็นฤกษ์ดีของตัวเองแล้วกัน..

การกลับมาอีกครั้งการย่างเท้าก้าวเข้าสู่ประตูแห่งความมืดมิด เปิดฤดูกาล กับ "Britannia Stadium!!!!" ที่ทำให้ทั้งผู้จัดการทีม ผู้เล่น และ แฟนบอล มองเกมการแข่งขันในคืนนั้นเป็น "90 นาที" ที่โคตรจะยาวนาน ไม่ใช่เป็นความเพลิดเพลินที่ได้เห็นลวดลายของผู้เล่นลิเวอร์พูลที่ทะยายนโลดแล่นหรอกนะ ..แต่การเสียประตูซ้ำแล้วซ้ำเล่าสร้างความเจ็บช้ำไปด้วยสกอร์ 6-1 เรียกได้ว่า "เละตุ้มเป๊ะ" ไม่รู้ว่าไปตีหม้อหรือไปตีอะไรกันแน่ เท่านั้นไม่พอมันเป็นการอำลาที่แสนเจ็บปวดของชายที่ชื่อว่า "เจอร์ราร์ด" เป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ไม่น่าจดจำเอาซะเลย


การลงสนามนัดสุดท้ายของฤดูกาล2014-2015


ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของ "ร็อดเจอร์ส" ที่ถูกแฟนบอลตั้งคำถามว่าดีพอหรือเปล่าที่จะนั่งแท่นผู้จัดการทีมอีกต่อไปแต่พอสิ้นสุดฤดูกาลแล้วก็ยังคงรับหน้าที่ต่อไปอาจจะสร้างความไม่พอใจให้ใครหลายคนแต่ในเมื่อตัวเลือกยังเป็นคนเดิมสิ่งที่ยังทำได้ในตอนนี้ก็ต้องเอาใจช่วยกันต่อไป..

แต่ด้วยผลงานที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก..แถมช่วงต้นฤดูกาลนี้เป็นช่วงวัดใจเลยว่าหลังจากผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายไปแล้ว....ฝันร้ายแห่งค่ำคืนนั้นจะโหยหวนกลับคืนมาอีกหรือเปล่า และอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้รู้กัน ... ลิเวอร์พูลต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญไปถึง 2 คนด้วยกัน "เจอร์ราร์ด และ สเตอร์ริ่ง" ถึงแม้รายแรกอาจจะจากไปด้วยเหตุผลที่เข้าใจ แต่รู้สึกว่าหลายหลังนั้นทำให้แฟนบอลไม่พอใจ ด้วยความประพฤติและปฏิบัติตัวและการสัมภาษณ์ต่างๆ ด้วยความที่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างทำให้ผมมองว่าฤดูกาลนี้ดูเหมือนจะไม่แตกต่างกับฤดูกาลก่อนสักเท่าไหร่ในเรื่องของการเสริมทัพ

ลิเวอร์พูลเสริมทัพอย่างรวดเร็วในฤดูกาล 2015-2016 แต่ทว่าจะแตกต่างจากฤดูกาล 2014-2015 หรือไม่นั้น การที่ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนลีคทำให้ลิเวอร์พูลต้องเสริมทัพด้วยผู้เล่นที่มากขึ้น  ลิเวอร์พูลบุกตลาดนักเตะเร็วมากในฤดูกาลก่อนหน้านี้ ... หลังจากขาย "หลุยส์ ซัวเรส" ออกไป ทว่าการเพิ่ม "ปริมาณ" มันไม่ดีขึ้น หากมองไปในเรื่องของ "คุณภาพ" เพราะนั่นมันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ลิเวอร์พูลกลับมามีลุ้นแชมป์ได้เหมือนเช่นเคย... แถมยังเลวร้ายหนักกว่าเดิม



การเสริมทัพในฤดูกาล 2015-2016 จะแตกต่างกับฤดูกาล 2014-2015 อย่างไร?


ร็อดเจอร์ส พยายามที่จะสานฝันต่อให้ได้....แต่แล้วทุกๆอย่างกลับไม่เป็นใจ ประตูได้101 ประตูเสีย50 ผลต่าง+51 (13/14)  ประตูได้52 ประตูเสีย48 ผลต่าง+4 (14/15) เป็นประตูได้เสียที่ลิเวอร์พูลทำไว้ในฤดูกาลที่มี ซัวเรส กับ ฤดูกาลที่เขาจากไป การเสริมแนวรุกอย่าง แลมเบิร์ต บาโลเตลลี่ กองหน้าหาใช่เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ลิเวอร์พูลขาดหาย ซ้ำร้ายอาการบาดเจ็บ ของ สเตอร์ริดจ์ กองหน้าความหวังเดียวของลิเวอร์พูลก็เฝ้าโรงหมอมากกว่าอยู่ในสนาม และนักเตะใหม่อย่าง ลอฟเร็น ทำหน้าที่ไม่ได้ดีกว่า แอกเกอร์ ที่ถูกปล่อยตัวออกไปเลย วิกฤตการณ์เหล่านี้นั้นจะย้อนรอยกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ และนักเตะที่ซื้อเข้ามานั้นจะช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายได้หรือเปล่า ......การเปลี่ยนแปลงที่มากเกินไปของลิเวอร์พูลจะทำให้การปรับตัวระหว่างผู้เล่นชุดเก่ากับชุดใหม่จะคลิกลงตัวกันหรือไม่

แผนการเล่น แบบไหนที่  ร็อดเจอร์ส จะสามารถทำให้ผสมผสานกันลงตัว....มันยังคงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อทีมที่เป็นอยู่ต้องเปลี่ยนไป อาการบาดเจ็บของ สเตอร์ริดจ์ ถูกเข้ามาแทนกองหน้าตัวความหวังใหม่อย่าง "เบนเทเก้" ลิเวอร์พูลทุ่มค่าตัวด้วยจำนวนเงินถึง 32.5 ลป. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเข้ามาผลิตประตู...เป็นอีกบททดสอบหนึ่งของ ร็อดเจอร์ส ว่า ศูนย์หน้าที่ซื้อเข้าฤดูกาลก่อนอย่าง ริกกี้,บาโลเตลลี่ หนึ่งในหลายๆเหตุผลที่ทำให้ผลงานของเขานั้นตกลงไป

เป็นอีกฤดูกาลที่ไม่มีเกมฟุตบอลยุโรปใดใดให้ต้องกังวล .... แฟนบอลคงไม่ได้หวังให้สร้างความยอดเยี่ยมเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่เพียงแค่หวังให้กลับไปเล่นในถ้วยยุโรปใบใหญ่อีกครั้ง


สเตอร์ริดจ์ในวันที่ไม่มีทั้ง เจอร์ราร์ด และ ซัวเรส


แน่นอนว่ามันไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย เป็นเรื่องที่ยากลำบาก ด้วยผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสลงเล่นพร้อมกัน...แอบแปลกใจ ตรงที่ว่าทีมหัวตารางต่างๆ ไปทำศึกในช่วงปรีซีซั่นนั้น เจอกับทีมที่ระดับใกล้เคียงกัน....มีเพียงลิเวอร์พูลเท่านั้น
อุ่นแข่งเจอกับทีมแทบเอเชีย และค่อยกลับมาเล่นในยุโรป เจอกับทีมที่ไม่แข็งมากเท่าไหร่นัก ทำให้ส่วนตัวผมกังวลว่า เปิดฤดูกาลที่จะเจอกับ "สโต๊ค" นั้น ผู้เล่นตัวหลักที่ไม่มีโอกาสได้ลงแข่งจริงพร้อมกัน   "11 ผู้เล่น" ในความคิดของ ร็อดเจอร์ส นั้นพร้อมแล้วหรือยัง และ หากจะต้องสับเปลี่ยนเพื่อลองผิดลองถูกอาจจะส่งผลกระทบต่อฤดูกาลอันยาวนานในปีนี้

หากฤดูกาลนี้ฟอร์มการเล่นของลิเวอร์พูลยังไม่เข้าตาแฟนบอล รวมไปถึงบอร์ดบริหาร บางทีอาจจะไม่ต้องรอให้จนจบฤดูกาล เพราะหากมองเกม 10 นัดแรกของลิเวอร์พูล....สัก 5 นัดแรกของฤดูกาล....งานของลิเวอร์พูลก็ไม่ได้ง่ายแล้ว...ไม่ใช่ว่าดูถูกนะแต่มองถึงความแข็งแกร่งของลิเวอร์พูลในช่วงที่ผ่านมา.....ต้องบอกว่าชั่วโมงนี้เจอใครก็ยากหมด แม้กระทั่งทีมน้องใหม่ก็ตาม....ยิ่งวันนี้คงไม่ต้องพูดถึง.....จบแบบไหนก็ได้ขอให้อย่าให้จบแบบเก่า......จะลบฝันร้าย หรือ จะตามมาหลอกหลอน...อีกไม่นาน



5 นัดแรกของลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2015-2016
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่