อดีตตร.โรงพักดงเย็น จ.อุดรธานี จ่อยื่นอุทธรณ์คำสั่งผู้บังคับบัญชาให้ออกจากราชการไม่ทันตั้งตัว หลังศาลสั่งฟ้องล้มละลายเหตุไปค้ำประกันเพื่อนตร.รุ่นน้อง โอดหลังโดนปลดชีวิตเจอมรสุมหนัก เมียขอหย่า มีภาระต้องส่งลูกเรียน 4 คน เลี้ยงดูแม่ที่ป่วยโรคไต หวังได้กลับมารับราชการการตามเดิม...
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.58 มีรายงานความคืบหน้า กรณีมีคำสั่งให้ตำรวจอุดรธานี 5 นายออกจากราชการ เหตุขาดคุณสมบัติภายหลังศาลมีคำสั่งล้มละลายจากการไปกู้ยืมและค้ำประกันเงินกู้ของธนาคารออมสิน ทำให้อดีตตำรวจที่ถูกให้ออกราชการบางคน เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งผู้บังคับบัญชา และฟ้องศาลปกครองเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม ล่าสุดมีอดีตนายตำรวจที่ล้มละลายวอนผ่านสื่อมวลชน เพราะถูกฟ้องจากการค้ำประกันเพื่อน
ร.ต.ท.ศตะ พวงกันยา อดีต รอง สว.ธุรการ สภ.ดงเย็น จ.อุดรธานี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ร่วมกับตำรวจรุ่นน้อง สภ.เมืองอุดรธานี 2 คน กู้เงินแบบหมุนกันค้ำประกันจากธนาคารออมสินคนละ 1 ล้านบาท โดยตนเอาไปเทจ่ายค่าบ้านจากธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า โดยผ่อนส่งมาตลอดเดือนละ 9,200 บาท แต่น้องตำรวจคนหนึ่งมีปัญหาไม่ส่ง เป็นหนี้อยู่ 1.2 ล้าน ตนกับน้องอีกคนก็ช่วยกันพยายามแก้ไข แต่ธนาคารก็ยังฟ้องคนค้ำ ช่วงนั้นตนสอบได้นายตำรวจ ย้ายจาก สภ.เมืองอุดรธานี ไปอยู่ที่ สภ.ดงเย็น ก็ขาดการติดต่อกันบ้างจนมาถูกฟ้องล้มละลาย
“ไปขึ้นศาลล้มละลายกลางครั้งแรก เราสัญญากับศาลจะมาทำให้เป็นหนี้ปกติ น้องเขาทำได้ไม่นานก็มีปัญหาอีก ศาลก็นัดให้ไปพบอีกครั้ง ซึ่งวันนั้นมีเหตุการณ์ไม่สงบ ผมทำหน้าที่อยู่ทำเนียบรัฐบาล ไม่ได้มาศาลตามที่นัด น้องตำรวจได้นำเงิน 200,000 บาทไปวางให้ธนาคาร ก็คิดว่าน้องเขากำลังแก้ไข เรื่องก็น่าจะจบลงไปด้วยดี เพราะเราอยู่ไกลไม่รู้ข่าวสาร เรื่องล่วงเลยจนศาลสั่งล้มละลาย ไม่รู้ว่าเขาสืบทรัพย์สินกันยังไง ทั้งที่เรามีบ้านไม่ติดจำนอง มีรถยนต์ไม่ได้ผ่อน มีเงินเดือนก็เหลือหมื่นกว่าบาท”
ร.ต.ท.ศตะ กล่าวต่อว่า ระหว่างประนอมหนี้หลังล้มละลาย ก็มีคำสั่งให้ออกราชการแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งน่าจะมีเวลาในการตั้งหลัก ช่วงตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบวินัยก่อน ทำให้ช่วงนี้เจอปัญหาหนักที่สุดในชีวิต ตั้งแต่ศาลฟ้องล้มละลายภรรยาก็ขอหย่า ตอนนี้ออกจากตำรวจ แต่ยังต้องทำหน้าที่ดูแลลูกเรียนปริญญา 2 คน มัธยม 1 คน ประถม 1 คน และแม่ที่ป่วยเป็นโรคไต ส่วนจะกลับไปรับราชการหากแก้ไขเรื่องล้มละลายได้ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะพิจารณา หากไม่สามารถกลับมารับราชการดังเดิม ตนก็จะไปยึดอาชีพเป็นนายหน้าขายที่ดิน ซึ่งเป็นอาชีพสำรองของตนอยู่ก่อนแล้ว
"ถ้าตำรวจเรารักกันจริง นายรักลูกน้องจริง สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี จำกัด คือสถาบันการเงินตำรวจ สามารถแก้ไขหนี้สินได้ ผมมีหุ้นอยู่ 300,000 บาท มีสิทธิกู้ได้ 2 ล้านบาท โดยกู้มานานแล้ว 500,000 บาท พอเกิดเรื่องขึ้นมาธนาคาร ส่งชื่อผมและน้องมาที่สหกรณ์ฯ ระบุว่าเป็นแบ็คลิส ผมพาน้องไปเจรจากับสหกรณ์เพื่อกู้เงิน เอาไปจ่ายธนาคาร แต่สหกรณ์ไม่อนุมัติ ลูกเปิดเทอมผมไปขอกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ก็ไม่อนุมัติ สหกรณ์ไม่ได้ช่วยอะไรเลย นายก็ไม่เคยมาถามว่าออกจากราชการไปแล้วเดือดร้อนไหม" อดีตตำรวจที่โดนสั่งฟ้องล้มละลายกล่าวทิ้งท้าย
ด้าน พ.ต.อ.สมเกียรติ เกิดจงรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินตำรวจภูธร จ.อุดรธานี เปิดเผยทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า ได้ร่วมแก้ไขปัญหาหนี้สินหลายฝ่าย ทั้งตัวตำรวจลูกหนี้, ธนาคารออมสินเจ้าหนี้, สหกรณ์ออมทรัพย์ ตร.ภูธร จ.อุดรธานี และตำรวจภูธรต้นสังกัด โดยมีข้าราชการตำรวจที่ต้องรีบแก้ไข คือ กลุ่มที่ศาลมีคำสั่งล้มละลาย 5 นาย กลุ่มที่ถูกฟ้องล้มละลาย 20 นาย และกลุ่มที่จะถูกฟ้องอีก 50 นาย โดยมีการเจรจากับธนาคารไปแล้ว
“กรรมการได้วางแนวทางแก้ไขปัญหาตำรวจถูกฟ้อง โดยจะขอเพิ่มกองทุนช่วยเหลือหนี้สินตำรวจจาก 1 ล้านเป็น 5 ล้านบาท นำเงินไปแก้กรณีคำสั่งล้มละลาย และเสนอเพิ่มวงเงินกู้ของสหกรณ์ฯ จาก 1.4 ล้านบาท เป็น 2.5 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนเจ้าหนี้จากธนาคารฯ มาเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจอุดรธานี โดยเสนอต่อที่ประชุมกรรมการสหกรณ์ฯ เมื่อปลายกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่คณะกรรมการฯ ไม่ให้ความเห็นชอบ” พ.ต.อ.สมเกียรติ กล่าว
รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี และประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินตำรวจภูธร จ.อุดรธานี กล่าวด้วยว่า ได้มีการหารือกรณีคำสั่งศาลล้มละลาย เพื่อชะลอคำสั่งให้ออกจากราชการ ใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา แต่เมื่อแผนการแก้ไขปัญหาที่เสนอไป ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และตำรวจยังต้องถูกออกจากราชการ ตนเองในฐานะประธานฯ แก้ปัญหา ก็ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ ตอนนี้ได้ขอลาพักร้อนอยู่ เมื่อกลับไปคงจะขอให้คนอื่นมาทำแทน
ที่มา
http://www.thairath.co.th/content/517041
.............................
ตำรวจถูกฟ้องล้มละลายขอนายให้ความเป็นธรรม....
อดีตตร.โรงพักดงเย็น จ.อุดรธานี จ่อยื่นอุทธรณ์คำสั่งผู้บังคับบัญชาให้ออกจากราชการไม่ทันตั้งตัว หลังศาลสั่งฟ้องล้มละลายเหตุไปค้ำประกันเพื่อนตร.รุ่นน้อง โอดหลังโดนปลดชีวิตเจอมรสุมหนัก เมียขอหย่า มีภาระต้องส่งลูกเรียน 4 คน เลี้ยงดูแม่ที่ป่วยโรคไต หวังได้กลับมารับราชการการตามเดิม...
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.58 มีรายงานความคืบหน้า กรณีมีคำสั่งให้ตำรวจอุดรธานี 5 นายออกจากราชการ เหตุขาดคุณสมบัติภายหลังศาลมีคำสั่งล้มละลายจากการไปกู้ยืมและค้ำประกันเงินกู้ของธนาคารออมสิน ทำให้อดีตตำรวจที่ถูกให้ออกราชการบางคน เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งผู้บังคับบัญชา และฟ้องศาลปกครองเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม ล่าสุดมีอดีตนายตำรวจที่ล้มละลายวอนผ่านสื่อมวลชน เพราะถูกฟ้องจากการค้ำประกันเพื่อน
ร.ต.ท.ศตะ พวงกันยา อดีต รอง สว.ธุรการ สภ.ดงเย็น จ.อุดรธานี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ร่วมกับตำรวจรุ่นน้อง สภ.เมืองอุดรธานี 2 คน กู้เงินแบบหมุนกันค้ำประกันจากธนาคารออมสินคนละ 1 ล้านบาท โดยตนเอาไปเทจ่ายค่าบ้านจากธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า โดยผ่อนส่งมาตลอดเดือนละ 9,200 บาท แต่น้องตำรวจคนหนึ่งมีปัญหาไม่ส่ง เป็นหนี้อยู่ 1.2 ล้าน ตนกับน้องอีกคนก็ช่วยกันพยายามแก้ไข แต่ธนาคารก็ยังฟ้องคนค้ำ ช่วงนั้นตนสอบได้นายตำรวจ ย้ายจาก สภ.เมืองอุดรธานี ไปอยู่ที่ สภ.ดงเย็น ก็ขาดการติดต่อกันบ้างจนมาถูกฟ้องล้มละลาย
“ไปขึ้นศาลล้มละลายกลางครั้งแรก เราสัญญากับศาลจะมาทำให้เป็นหนี้ปกติ น้องเขาทำได้ไม่นานก็มีปัญหาอีก ศาลก็นัดให้ไปพบอีกครั้ง ซึ่งวันนั้นมีเหตุการณ์ไม่สงบ ผมทำหน้าที่อยู่ทำเนียบรัฐบาล ไม่ได้มาศาลตามที่นัด น้องตำรวจได้นำเงิน 200,000 บาทไปวางให้ธนาคาร ก็คิดว่าน้องเขากำลังแก้ไข เรื่องก็น่าจะจบลงไปด้วยดี เพราะเราอยู่ไกลไม่รู้ข่าวสาร เรื่องล่วงเลยจนศาลสั่งล้มละลาย ไม่รู้ว่าเขาสืบทรัพย์สินกันยังไง ทั้งที่เรามีบ้านไม่ติดจำนอง มีรถยนต์ไม่ได้ผ่อน มีเงินเดือนก็เหลือหมื่นกว่าบาท”
ร.ต.ท.ศตะ กล่าวต่อว่า ระหว่างประนอมหนี้หลังล้มละลาย ก็มีคำสั่งให้ออกราชการแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งน่าจะมีเวลาในการตั้งหลัก ช่วงตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบวินัยก่อน ทำให้ช่วงนี้เจอปัญหาหนักที่สุดในชีวิต ตั้งแต่ศาลฟ้องล้มละลายภรรยาก็ขอหย่า ตอนนี้ออกจากตำรวจ แต่ยังต้องทำหน้าที่ดูแลลูกเรียนปริญญา 2 คน มัธยม 1 คน ประถม 1 คน และแม่ที่ป่วยเป็นโรคไต ส่วนจะกลับไปรับราชการหากแก้ไขเรื่องล้มละลายได้ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะพิจารณา หากไม่สามารถกลับมารับราชการดังเดิม ตนก็จะไปยึดอาชีพเป็นนายหน้าขายที่ดิน ซึ่งเป็นอาชีพสำรองของตนอยู่ก่อนแล้ว
"ถ้าตำรวจเรารักกันจริง นายรักลูกน้องจริง สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี จำกัด คือสถาบันการเงินตำรวจ สามารถแก้ไขหนี้สินได้ ผมมีหุ้นอยู่ 300,000 บาท มีสิทธิกู้ได้ 2 ล้านบาท โดยกู้มานานแล้ว 500,000 บาท พอเกิดเรื่องขึ้นมาธนาคาร ส่งชื่อผมและน้องมาที่สหกรณ์ฯ ระบุว่าเป็นแบ็คลิส ผมพาน้องไปเจรจากับสหกรณ์เพื่อกู้เงิน เอาไปจ่ายธนาคาร แต่สหกรณ์ไม่อนุมัติ ลูกเปิดเทอมผมไปขอกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ก็ไม่อนุมัติ สหกรณ์ไม่ได้ช่วยอะไรเลย นายก็ไม่เคยมาถามว่าออกจากราชการไปแล้วเดือดร้อนไหม" อดีตตำรวจที่โดนสั่งฟ้องล้มละลายกล่าวทิ้งท้าย
ด้าน พ.ต.อ.สมเกียรติ เกิดจงรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินตำรวจภูธร จ.อุดรธานี เปิดเผยทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า ได้ร่วมแก้ไขปัญหาหนี้สินหลายฝ่าย ทั้งตัวตำรวจลูกหนี้, ธนาคารออมสินเจ้าหนี้, สหกรณ์ออมทรัพย์ ตร.ภูธร จ.อุดรธานี และตำรวจภูธรต้นสังกัด โดยมีข้าราชการตำรวจที่ต้องรีบแก้ไข คือ กลุ่มที่ศาลมีคำสั่งล้มละลาย 5 นาย กลุ่มที่ถูกฟ้องล้มละลาย 20 นาย และกลุ่มที่จะถูกฟ้องอีก 50 นาย โดยมีการเจรจากับธนาคารไปแล้ว
“กรรมการได้วางแนวทางแก้ไขปัญหาตำรวจถูกฟ้อง โดยจะขอเพิ่มกองทุนช่วยเหลือหนี้สินตำรวจจาก 1 ล้านเป็น 5 ล้านบาท นำเงินไปแก้กรณีคำสั่งล้มละลาย และเสนอเพิ่มวงเงินกู้ของสหกรณ์ฯ จาก 1.4 ล้านบาท เป็น 2.5 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนเจ้าหนี้จากธนาคารฯ มาเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจอุดรธานี โดยเสนอต่อที่ประชุมกรรมการสหกรณ์ฯ เมื่อปลายกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่คณะกรรมการฯ ไม่ให้ความเห็นชอบ” พ.ต.อ.สมเกียรติ กล่าว
รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี และประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินตำรวจภูธร จ.อุดรธานี กล่าวด้วยว่า ได้มีการหารือกรณีคำสั่งศาลล้มละลาย เพื่อชะลอคำสั่งให้ออกจากราชการ ใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา แต่เมื่อแผนการแก้ไขปัญหาที่เสนอไป ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และตำรวจยังต้องถูกออกจากราชการ ตนเองในฐานะประธานฯ แก้ปัญหา ก็ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ ตอนนี้ได้ขอลาพักร้อนอยู่ เมื่อกลับไปคงจะขอให้คนอื่นมาทำแทน
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/517041
.............................