จากที่ผมเคยเห็นและได้ยินชื่อPino Latte Resort & Café มา คิดว่าซักวันคงได้มีโอกาสไปพักที่นี่ซักครั้ง
แต่ราคาที่นี่ก็ค่อนข้างสูงคืนล่ะ1หมื่นบาท วันก่อนแอบเห็นโปโมชั่นช่วงLow season ถึงวันที่15 ตุลาคมนี้
วันอาทิตย์-พฤหัสบดี ราคา3,000บาท ไม่รวมอาหารเช้า วันศุกร์4,000 พร้อมอาหารเช้า วันเสาร์ 5,000บาท
พร้อมอาหารเช้า จองสิครับช้าอยู่ใย เลือกวันธรรมดา3,000บาท เพิ่ม500อาหารเช้า ตอนเดินทางก็ยังลังเล
เพราะฝนตกตลอดทาง คิดว่าฝนตกแล้วจะสวยเหมือนที่เราเห็นไหม แต่โชคก็เข้าข้างผม พอไปถึงฝนหยุดตก
ทำให้ได้บรรยากาศแบบที่เห็นครับ โอ้วววว..ร้องดังๆๆนี่มันสรวงสวรรค์หรืออย่างไรกัน เหมือนยืนอยู่ท่ามกลาง
ดินแดนลอยฟ้า
ทางด้านนี้เป็นร้านกาแฟ ร้านอาหาร สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักที่นี่
ก็สามารถมาดื่มกาแฟ ทานอาหาร ถ่ายรูป ชมวิวทิวทัศน์ได้น่ะครับเค้าไม่ได้หวง
มุมนี้สั่งกาแฟมานั่งดื่ม ฟินจนลืมรสชาติกาแฟไปเลยครับ
ชมบรรยากาศด้านบนกันไปแล้ว เดี๋ยวผมพาไปต่อกันที่ห้องพักเลยครับ เราสามารถขับรถลงไปจอดด้านล่าง
ที่ใกล้ๆห้องพักได้เลย ห้องพักก็จะมีด้วยกันทั้งหมด5หลังสร้างเรียงหน้ากระดาน
ผมได้ห้องพักหมายเลข 03 ห้องพักที่นี่สามารถมองเห็นวิวได้ชัดเจนเหมือนกันหมดทุกห้อง
เปิดประตูเข้าไปทางขวามือจะเป็นห้องนอน เจอกับเตียงนอนนุ่มๆแบบนี้ครับ
ถัดจากห้องนอนไปเป็นห้องน้ำ มีห้องอาบน้ำแยกให้ครับ
เดินย้อนกลับมาฝั่งตรงข้ามห้องน้ำจะเป็นห้องนั่งเล่น ดูทีวี ชมวิวทิวทัศน์
มุมนี้ผมนั่งแล้วไม่อยากจะลุกไปไหนเลย อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้
มองเห็นสายหมอกไต่แนวภูเขาได้อย่างชัดเจน
ข้างๆมีมุมกาแฟซึ่งจะเป็นกาแฟแบบแคปซูลเดี๋ยวตอนเช้าผมจะชงให้ดื่มครับ
ลองพาเดินออกมาด้านริมระเบียงบ้างครับ มีที่นั่งกลมๆให้2อัน
มองย้อนกลับเข้าไปห้องนั่งเล่น จากที่เมื่อกี้เรามองจากข้างในออกมา
จะเห็นได้ว่าห้องเป็นคล้ายๆตู้คอนเทนเนอร์ ยาวๆ มีห้องนอนอยู่ตรงกลาง
หันออกนอกระเบียงกันบ้างครับ เป็นไง โอโซนเต็มปอดเลยมั้ยครับ?
หลังจากเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าผมก็สลบสไล ตื่นมารีบหากาแฟก่อนเลยครับ
แอบเล็งกาแฟแบบแคปซูลไว้แล้ว เพราะผมชื่นชอบในรสชาติของยี่ห้อนี้พอสมคววร
วิธีชงก็แสนง่ายครับ เริ่มจากเทน้ำใส่ลงไปด้านหลังที่เป็นที่ใส่น้ำสีขาวๆจากนั้นเสียบ
ปลั๊ก เปิดสวิตช์รอ30วิ ให้ไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวแสดงว่าใช้ได้ เลือกแคปซูลกาแฟ
ที่จะดื่ม ถ้าเป็นเอสเปรสโซ่ จะมีแค่แคปซูลเดียว ถ้าเป็นพวกคาปูชิโน่ มอคค่า ลาเต้
ต้องใช้2แคปซูล ซึ่งอันหนึ่งจะเป็นนม อันหนึ่งจะเป็นกาแฟ ถ้วยจะคนล่ะสีกัน เลือกได้แล้ว
ก็ยกคันเจาะรูขึ้น ดึงที่ใส่แคปซูลออกมา ก่อนใส่แคปซูลเข้าไปให้ดูว่าต้องใช้น้ำระดับไหน
มีบอกเป็นขีดๆที่ฝาแคปซูล หลังจากนั้นก็โยกคันปรับระดับน้ำข้างหลังตามขีดระดับน้ำบนแคปซูล
จะมีไฟบอกที่เป็นสีเขียวๆ จากนั้นใส่เข้าไปดึงคันเจาะลง กดสวิตช์ข้างหลังจะมีสีฟ้ากับแดง
ฟ้าจะเป็นการทำกาแฟเย็น แดงจะเป็นร้อน แค่นั้นเป็นเสร็จพิธี ก็จะได้กาแฟสดพร้อมดื่ม รสชาติ
น้องๆสตาร์บัคส์เลยทีเดียว
ได้กาแฟแล้วรีบคว้าแก้วออกมานั่งดื่มที่ระเบียงนอกห้อง เพื่อดื่มด่ำรสชาติกาแฟ
ไปพร้อมกับรสชาติของบรรยากาศยามเช้า
หลังจากนั้นสายๆหน่อยก็ขึ้นไปทานอาหารเช้าที่ผมเลือกไว้ ตามในรูปครับ
ทานข้าวเสร็จก็เก็บของอำลาอาลัยที่นี่ไป ผมลงไปเกือบเที่ยง วันนั้น
ฝนตก หมอกลอยล่องตลอดเวลา ไม่เห็นแสงพระอาทิตย์ซักนิดเดียว
แล้วผมจะกลับไปใหม่แน่นอนครับ สำหรับที่นี่
แวะคุยทักทายกับผมได้ที่
https://www.facebook.com/sabtarin.wimolrat
...................สุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่ได้รับชมรีวิวจนจบ กราบบบบบ งามๆๆ....................
[CR] ชีวิตดี๊ดีที่ พีโน่ ลาเต้ รีสอร์ท เขาค้อ
แต่ราคาที่นี่ก็ค่อนข้างสูงคืนล่ะ1หมื่นบาท วันก่อนแอบเห็นโปโมชั่นช่วงLow season ถึงวันที่15 ตุลาคมนี้
วันอาทิตย์-พฤหัสบดี ราคา3,000บาท ไม่รวมอาหารเช้า วันศุกร์4,000 พร้อมอาหารเช้า วันเสาร์ 5,000บาท
พร้อมอาหารเช้า จองสิครับช้าอยู่ใย เลือกวันธรรมดา3,000บาท เพิ่ม500อาหารเช้า ตอนเดินทางก็ยังลังเล
เพราะฝนตกตลอดทาง คิดว่าฝนตกแล้วจะสวยเหมือนที่เราเห็นไหม แต่โชคก็เข้าข้างผม พอไปถึงฝนหยุดตก
ทำให้ได้บรรยากาศแบบที่เห็นครับ โอ้วววว..ร้องดังๆๆนี่มันสรวงสวรรค์หรืออย่างไรกัน เหมือนยืนอยู่ท่ามกลาง
ดินแดนลอยฟ้า
ทางด้านนี้เป็นร้านกาแฟ ร้านอาหาร สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักที่นี่
ก็สามารถมาดื่มกาแฟ ทานอาหาร ถ่ายรูป ชมวิวทิวทัศน์ได้น่ะครับเค้าไม่ได้หวง
มุมนี้สั่งกาแฟมานั่งดื่ม ฟินจนลืมรสชาติกาแฟไปเลยครับ
ชมบรรยากาศด้านบนกันไปแล้ว เดี๋ยวผมพาไปต่อกันที่ห้องพักเลยครับ เราสามารถขับรถลงไปจอดด้านล่าง
ที่ใกล้ๆห้องพักได้เลย ห้องพักก็จะมีด้วยกันทั้งหมด5หลังสร้างเรียงหน้ากระดาน
ผมได้ห้องพักหมายเลข 03 ห้องพักที่นี่สามารถมองเห็นวิวได้ชัดเจนเหมือนกันหมดทุกห้อง
เปิดประตูเข้าไปทางขวามือจะเป็นห้องนอน เจอกับเตียงนอนนุ่มๆแบบนี้ครับ
ถัดจากห้องนอนไปเป็นห้องน้ำ มีห้องอาบน้ำแยกให้ครับ
เดินย้อนกลับมาฝั่งตรงข้ามห้องน้ำจะเป็นห้องนั่งเล่น ดูทีวี ชมวิวทิวทัศน์
มุมนี้ผมนั่งแล้วไม่อยากจะลุกไปไหนเลย อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้
มองเห็นสายหมอกไต่แนวภูเขาได้อย่างชัดเจน
ข้างๆมีมุมกาแฟซึ่งจะเป็นกาแฟแบบแคปซูลเดี๋ยวตอนเช้าผมจะชงให้ดื่มครับ
ลองพาเดินออกมาด้านริมระเบียงบ้างครับ มีที่นั่งกลมๆให้2อัน
มองย้อนกลับเข้าไปห้องนั่งเล่น จากที่เมื่อกี้เรามองจากข้างในออกมา
จะเห็นได้ว่าห้องเป็นคล้ายๆตู้คอนเทนเนอร์ ยาวๆ มีห้องนอนอยู่ตรงกลาง
หันออกนอกระเบียงกันบ้างครับ เป็นไง โอโซนเต็มปอดเลยมั้ยครับ?
หลังจากเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าผมก็สลบสไล ตื่นมารีบหากาแฟก่อนเลยครับ
แอบเล็งกาแฟแบบแคปซูลไว้แล้ว เพราะผมชื่นชอบในรสชาติของยี่ห้อนี้พอสมคววร
วิธีชงก็แสนง่ายครับ เริ่มจากเทน้ำใส่ลงไปด้านหลังที่เป็นที่ใส่น้ำสีขาวๆจากนั้นเสียบ
ปลั๊ก เปิดสวิตช์รอ30วิ ให้ไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวแสดงว่าใช้ได้ เลือกแคปซูลกาแฟ
ที่จะดื่ม ถ้าเป็นเอสเปรสโซ่ จะมีแค่แคปซูลเดียว ถ้าเป็นพวกคาปูชิโน่ มอคค่า ลาเต้
ต้องใช้2แคปซูล ซึ่งอันหนึ่งจะเป็นนม อันหนึ่งจะเป็นกาแฟ ถ้วยจะคนล่ะสีกัน เลือกได้แล้ว
ก็ยกคันเจาะรูขึ้น ดึงที่ใส่แคปซูลออกมา ก่อนใส่แคปซูลเข้าไปให้ดูว่าต้องใช้น้ำระดับไหน
มีบอกเป็นขีดๆที่ฝาแคปซูล หลังจากนั้นก็โยกคันปรับระดับน้ำข้างหลังตามขีดระดับน้ำบนแคปซูล
จะมีไฟบอกที่เป็นสีเขียวๆ จากนั้นใส่เข้าไปดึงคันเจาะลง กดสวิตช์ข้างหลังจะมีสีฟ้ากับแดง
ฟ้าจะเป็นการทำกาแฟเย็น แดงจะเป็นร้อน แค่นั้นเป็นเสร็จพิธี ก็จะได้กาแฟสดพร้อมดื่ม รสชาติ
น้องๆสตาร์บัคส์เลยทีเดียว
ได้กาแฟแล้วรีบคว้าแก้วออกมานั่งดื่มที่ระเบียงนอกห้อง เพื่อดื่มด่ำรสชาติกาแฟ
ไปพร้อมกับรสชาติของบรรยากาศยามเช้า
หลังจากนั้นสายๆหน่อยก็ขึ้นไปทานอาหารเช้าที่ผมเลือกไว้ ตามในรูปครับ
ทานข้าวเสร็จก็เก็บของอำลาอาลัยที่นี่ไป ผมลงไปเกือบเที่ยง วันนั้น
ฝนตก หมอกลอยล่องตลอดเวลา ไม่เห็นแสงพระอาทิตย์ซักนิดเดียว
แล้วผมจะกลับไปใหม่แน่นอนครับ สำหรับที่นี่
แวะคุยทักทายกับผมได้ที่ https://www.facebook.com/sabtarin.wimolrat
...................สุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่ได้รับชมรีวิวจนจบ กราบบบบบ งามๆๆ....................
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น