เชื่อว่าทุกคนน่าจะมีพื้นที่สำหรับเอาไว้ซุกของ เก็บของ หรือจะวางทิ้งไว้เรี่ยราดเต็มห้อง แต่ก็พอจะเรียกครอบคลุมทุกวิธีได้คร่าวๆ ว่านั่นคือการสร้าง time capule แบบบ้านๆ ขึ้นมา
ผมรู้จัก time capsult ครั้งแรกที่ ม.เกษตร ย้อนหลังไปก่อนหน้านี้น่าจะเกินกว่า 5-6 ปีมาแล้ว น้องบัณฑิตที่เป็นลูกค้าบอกว่า เค้าเก็บของหลายๆ ชิ้นที่สำคัญกับประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไว้ในนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อ้างอิง: http://www.ku.ac.th/kunews/time_capsule.html
ทีนี้ กลับมาที่ time capsule ของผมกัน วันนี้ได้มีโอกาสรื้อตู้เหล็กที่ยกขึ้นมาจากชั้นล่างเมื่อหลายปีก่อน รวบๆ ของขึ้นมาแล้วก็สุมรวมกันไว้ในตู้ จนกระทั่งวันนี้
วันที่ต้องหยิบของทุกอย่างในตู้ออกมา มาเช็ด และมาพิจารณาว่า ของแต่ละชิ้น ชิ้นไหนยังได้ใช้ ชิ้นไหนไม่ใช้แล้ว เอกสารเก่าๆ อันที่ทิ้งได้ ทิ้งไม่ได้ อะไรที่คิดว่าเก็บไว้ก่อนอาจจะได้ใช้ แต่ผ่านมาจนตกรุ่นไปแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ ก็เอาทิ้งไปซะ
ระหว่างที่รื้อของ โดยเฉพาะหนังสือ ก็ค้นพบว่ามุมมองในการใช้ชีวิตของเราก็เปลี่ยนไป หลังจากได้อ่านหนังสือหลายๆ เล่ม แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ได้มีคุณค่ามากพอที่จะได้มาแชร์พื้นที่ในตู้เล็กๆ ใบนี้ (น่าจะมีหนังสือที่โยนทิ้งไปแบบไม่คิดอะไรมากไป 4-5 เล่ม) เจอของที่ระลึกจากงานต่างๆ โปสการ์ด การ์ดอวยพรวันเกิดจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เฟรนด์ชิฟ ทั้งสมัยเรียน ปวช แล้วก็อัลบัมรูปที่ได้รับจากทีม QA ก็คิดย้อนไปว่าเราเดินผ่านอะไรมาเยอะแยะมากมายกว่าจะมายืนอยู่ ณ ปัจจุบัน
ของเล็กๆบางชิ้นใน time capsule ได้บันทึกชีวิตวัยเรียนไว้ได้ชัดเจนมากกว่าทำเนียบรุ่นปกแข็งเล่มหนาที่ได้แจกมาวันปัจฉิมนิเทศซะอีก
ของอะไรบางอย่างที่เราเก็บมันไว้เป็นที่ระลึก แต่ไม่เคยเปิดมันออกมาดูเลย ก็ไม่ต่างอะไรกับขยะที่รอถูกวันทิ้งในวันที่เราจากโลกใบนี้ไปแล้ว
เรามาเดินทางย้อนเวลาผ่าน Time Capsule กันเถอะ
ผมรู้จัก time capsult ครั้งแรกที่ ม.เกษตร ย้อนหลังไปก่อนหน้านี้น่าจะเกินกว่า 5-6 ปีมาแล้ว น้องบัณฑิตที่เป็นลูกค้าบอกว่า เค้าเก็บของหลายๆ ชิ้นที่สำคัญกับประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไว้ในนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทีนี้ กลับมาที่ time capsule ของผมกัน วันนี้ได้มีโอกาสรื้อตู้เหล็กที่ยกขึ้นมาจากชั้นล่างเมื่อหลายปีก่อน รวบๆ ของขึ้นมาแล้วก็สุมรวมกันไว้ในตู้ จนกระทั่งวันนี้
วันที่ต้องหยิบของทุกอย่างในตู้ออกมา มาเช็ด และมาพิจารณาว่า ของแต่ละชิ้น ชิ้นไหนยังได้ใช้ ชิ้นไหนไม่ใช้แล้ว เอกสารเก่าๆ อันที่ทิ้งได้ ทิ้งไม่ได้ อะไรที่คิดว่าเก็บไว้ก่อนอาจจะได้ใช้ แต่ผ่านมาจนตกรุ่นไปแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ ก็เอาทิ้งไปซะ
ระหว่างที่รื้อของ โดยเฉพาะหนังสือ ก็ค้นพบว่ามุมมองในการใช้ชีวิตของเราก็เปลี่ยนไป หลังจากได้อ่านหนังสือหลายๆ เล่ม แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ได้มีคุณค่ามากพอที่จะได้มาแชร์พื้นที่ในตู้เล็กๆ ใบนี้ (น่าจะมีหนังสือที่โยนทิ้งไปแบบไม่คิดอะไรมากไป 4-5 เล่ม) เจอของที่ระลึกจากงานต่างๆ โปสการ์ด การ์ดอวยพรวันเกิดจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เฟรนด์ชิฟ ทั้งสมัยเรียน ปวช แล้วก็อัลบัมรูปที่ได้รับจากทีม QA ก็คิดย้อนไปว่าเราเดินผ่านอะไรมาเยอะแยะมากมายกว่าจะมายืนอยู่ ณ ปัจจุบัน
ของเล็กๆบางชิ้นใน time capsule ได้บันทึกชีวิตวัยเรียนไว้ได้ชัดเจนมากกว่าทำเนียบรุ่นปกแข็งเล่มหนาที่ได้แจกมาวันปัจฉิมนิเทศซะอีก
ของอะไรบางอย่างที่เราเก็บมันไว้เป็นที่ระลึก แต่ไม่เคยเปิดมันออกมาดูเลย ก็ไม่ต่างอะไรกับขยะที่รอถูกวันทิ้งในวันที่เราจากโลกใบนี้ไปแล้ว