$$ จะลงทุนกองทุน RMF LTF อย่าดูแค่ ดาวและผลตอบแทน $$

$$ จะลงทุนกองทุน RMF LTF อย่าดูแค่ ดาวและผลตอบแทน $$
    ในช่วงนี้ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาเยอะพอสมควร และเริ่มที่จะเข้าช่วงสิ้นปี หรือ TAX Seasonal (RMF LTF) ของไทย ยิ่งในปีนี้ Fund Flow ที่เข้ามาลงทุนในกองทุนประเภทลดหย่อนภาษี ผ่านมา 6 เดือน ดูท่าทางนักลงทุนยังลังเล จับจังหวะการลงทุนกันอยู่เพราะดูตลาดไม่ค่อยสดใสเท่าไรในช่วงที่ผ่านมา
    เราอาจจะให้ยินคนแนะนำกันเยอะ ว่ากองทุนได้ติดดาว 3 ถึง 5 ดาว ผลตอบแทนติด Top 10 ของอุตสาหกรรม สิ่งเหล่านั้นก็เป็นตัวบอกได้อย่างหนึ่งว่าที่ผ่านมากองทุนเหล่าสร้างผลตอบแทนได้ดีขนาดไหน แต่ก็อย่าลืมนะครับ กองทุนเหล่านี้ก็จะมีบททิ้งท้ายที่ Classic ที่ว่า
        “การลงทุนมีความเสี่ยง ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้ยืนยันผลตอบแทนในอนาคต”  
จริงๆแล้วคำพูดนี้เราไม่ควรที่จะมองข้าม เพราะมันคือสิ่งที่จะบ่งบอกอะไรได้หลายๆอย่างรวมถึงการเลือกลงทุนในกองทุนรวมด้วย



ทำไมผมถึงบอกว่า อย่าดูแค่ ดาวและผลตอบแทน ???
    การที่เราจะเลือกลงทุน ในมุมของผม เราจำเป็นที่จะต้องรู้อะไรที่มากกว่าแค่ ราคา และผลตอบแทน ที่ผ่านมาเช่น เราจะเลือกลงทุนในหุ้นสักตัว เรายังคงต้องรู้ว่า หุ้น บริษัทนั้นทำธุรกิจอะไร แนวโน้มธุรกิจเป็นอย่างไร คู่แข่งคือใคร เลือกซื้อคอนโด เลือกซื้อบ้าน เราต้องดูทำเลที่ตั้ง ความน่าเชื่อถือของคนสร้าง วัสดุที่ใช้ เป็นต้น การเลือกลงทุนในกองทุน ก็เช่นกัน เราควรที่จะรู้อะไรมากกว่า ผลตอบแทนย้อนหลัง ได้ดาวมากี่ดวง หรือแม้กระทั้งดูแค่ราคา NAV ว่า 10 บาทไหม??? อันนี้ยอดนิยมมากๆ ไม่รู้จะติดใจอะไรกับราคา NAV 10 บาท     
    ดาวที่ได้รับกับผลตอบแทนที่ถูกจัดอันดับ ล้วนแล้วแต่มากจากอดีตทั้งสิ้นนะครับ การที่เราจะเลือกลงทุนในกองทุนหุ้น ผมก็อย่างให้มองหรือถามคนขายสักนิดว่า กองทุนนั้นๆ มีลักษณะอย่างไร เป็นกองทุนแบบ Passive หรือ Active กองทุนแต่ละกองทุนเน้นลงทุนหุ้นประเภทไหนเป็นหลัก หากแบ่งง่ายๆ ก็ประมาณนี้ (จริงๆมันสามารถแบ่งย่อยไปได้อีกหลายมุมมองตามกลยุทธ์ต่างๆ)

    ผมมองว่าดาวที่ได้รับ คือผลตอบแทนที่เกิดขึ้น มาจากประเภทหุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่างกัน เช่น บางกองทุนอาจจะเน้นที่การบริหารแบบ Passive หรือเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี SET50 Index เป็นหลัก , บางกองทุนมุ่งเน้นที่ความผันผวนต่ำ หรือ บางกองทุนเน้นลงทุนหุ้นปันผล หรือ หุ้นขนาด กลางและเล็กเป็นหลัก ซึ่งหากเรานำกองทุนต่างๆมาเปรียบเทียบกันโดยไม่ได้ดูวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการบริหาร ก็คงจะไม่ถูกนัก
    หากในช่วง 3 – 5 ปีที่ผ่านมาหุ้นขนาดเล็กที่เป็น Growth Stock สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีมาก เอาไปเปรียบเทียบกับหุ้นในกลุ่มปันผล หรือ Value Stock ก็คงจะไม่มีทางเอาไปสู้ได้แน่ๆ แล้วที่นี้หากในช่วงตลาดที่เรามองในอีก 1-2ปี ข้างหน้า หุ้นขนาดเล็กอาจจะไม่ใช่คำตอบในการลงทุนเหมือนในช่วงที่ผ่านมา
    ผลมันจะคืออะไร??? แน่นอนครับ คงไม่มีกองทุนใดๆที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ได้อันดับ 1 ตลอดเวลาอย่างแน่นอน ฉะนั้นการที่เราจะเลือกลงทุนเราควรมองไปข้างหน้า ว่ากลยุทธ์ของคนบริหารในกองทุนนั้นเป็นอย่างไร และเหมาะสมกับสภาวการณ์ในอนาคตหรือไม่ มากกว่าที่จะมาคอยดู กองทุนติดดาวและผลตอบแทนย้อนหลังเท่านั้น
    บางคนอาจจะบอกว่า กองทุเขามีทีมผู้จัดการกองทุน เขาก็สามารถปรับเปลี่ยนได้หมดละ ตลอดช่วงเวลาที่ตลาดเปลี่ยนแปลงไป ผมว่าหากได้ยินอย่างนี้กลับกลายเป็นว่า มันยิ่งน่ากลัวเพิ่มขึ้นๆ เพราะกลายเป็นว่า เรากำลังเอาเงินไปให้เขาบริหาร ลงทุนในสิ่งที่เราไม่รู้แน่ชัดได้เลย และทิ้งให้เขาบริหารโดยไม่มีกรอบการลงทุน พอที่เราจะทราบได้ และผมก็ไม่เคยเห็น บลจ.ไหน จะใช้กองทุนเดียวแล้วออกมาบอกว่า ปีนี้ผมจะเน้นไปที่หุ้นปันผล นะครับ เปลี่ยนจากปีที่แล้วที่เน้นหุ้นขนาดเล็ก และคาดการณ์ว่าเราจะเปลี่ยนอีกครั้งในปีหน้าที่จะเป็น Value Stock (คงเป็นอะไรที่ดีมาก มั้ง???)
ถ้าจะมาบอกแค่ว่าก็กรอบการลงทุนคือ หุ้นในประเทศไง นี้ละกรอบการลงทุน ??? มันคงเป็นอะไรที่.....

    
ผมอยากจะมีคำถามในเบื้องต้นก่อนที่จะไปลงทุน ให้สอบถามคนขายสักนิดก่อนตัดสินใจลงทุน ก็จะดีนะครับ เช่น
-    กองทุนเป็นการบริหารแบบ ดัชนี หรือ Active
-    กองทุนนี้เน้นลงทุนหุ้นลักษณะไหน ขนาดใหญ่ กลาง-เล็ก หรือหุ้นปันผล
-    เน้นลงทุนในหุ้นประเภทไหน เน้นหุ้นปันผล , Growth หรือ  Defensive
-    ค่าธรรมเนียมเป็นอย่างไร
แต่ลักษณะการลงทุนแบบไหนเหมาะกันช่วงเวลาไหนไว้ค่อยมาว่ากันที่หลัง หรือรอผู้ที่ชำนาญมาช่วยตอบอีกทีนะครับ

https://www.facebook.com/IMchatchaphol
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่