สมัครพันทิปไว้นานมากครับ บอกเลยเพิ่งมีโอกาสใช้บริการจริงๆจังๆก็คราวนี้ มัวแต่อ่านของคนอื่นมานาน เที่ยวเอง ถ่ายรูปเองมาก็เยอะ
โดยเฉพาะทางภาคเหนือ ทั้งแม่ฮ่องสอน เชียงดาว เชียงใหม่ และเชียงราย โดยเฉพาะหน้าฝน
คราวนี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดแพร่ ในช่วงเทศกาลวันเข้าพรรษา เนื่องจากน้องที่รู้จักกันกลับบ้านเป็นเวลา 4วัน 3คืน จึงขออาศัยรถไปเที่ยวด้วยครับ
ต้องบอกเลยว่าเป็นการเดินทางที่ไม่คุ้นชินกับการไปเที่ยวในช่วงเทศกาลเลย รถเยอะ ออกจากกรุงเทพ 9 โมงเช้า เข้าเขตอุตรดิตถ์ก็เกือบ 3 โมง
อันนี้เป็นรูปวิวข้างทางที่มักจะเห็นได้ตามทางเมื่อเริ่มเข้าสู่ขุนเขาทางภาคเหนือ เทือกเขาที่ถูกแต่งแต้มด้วยไอหมอกชวนโอบอุ่นดีจัง

ถึงแล้วครับ จุดหมายที่พักของผมในครั้งนี้ก็คือบ้านแม่หล่ายครับ อยู่ห่างจากตัวเมืองสัก 10 นาที ใกล้มาก

ที่นี่อยู่แบบเรียบง่ายจริงๆทุกๆบ้านรู้จักกันเกือยหมด มีวัดอยู่ใกล้บ้าน มีสวนผลไม้ ผู้คนยิ้มแย้ม เป็นมิตรมากมาย รถกระบะคันนี้ลูกชิ้นก็อร่อยนะครับ 55

เช้าวันที่ 2 เราเริ่มกันที่วัดพระธาตุช่อแฮครับ เป็นวัดคู่บ้าน คู่เมืองจังหวัดแพร่และเป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาล

วันนี้คนเยอะเป็นพิเศาครับเนื่องจากเป็นเทศกาลเข้าพรรษาพอดี

จากนั้นเราไปกันต่อที่วัดพระธาตุดอยเล็ง อันนี้เป็นบันไดทางขึ้นนะครับ แต่ไปจอดที่ลานจอดด้านบนได้

ที่นี่เป็นวัดที่มีจุดชมวิวที่สวยงาม เพลินตา สามารถมองเห็นตัวเมืองแพร่ได้เลยครับ ใครที่ชอบถ่ายรูปไม่ควรพลาดมากๆ


คนนี้น้องปืนที่พาผมมาเยือนถิ่นแพร่

คนนี้น้องมายด์บ้านแม่หล่าย

จากนั้นเราก็ไปกันต่อครับที่บ้านเบ้ววว ถ้าพูดภาษาคนกรุงก็บ้านเบี้ยวนั่นเอง

บ้านเบี้ยวจริงๆครับตามชื่อเลย แต่ไม่ได้มีผลกับโครงสร้างนะครับ ร้านสวยงาม บรรยากาศดี เครื่องดื่มอร่อยราคาไม่แรงมาก




ปล่อยให้น้องปืนพูดคุยทักทายกับเพื่อนเก่าที่เป็นเจ้าของร้านจนสนุกปาก จากนั้นเราก็ขอตัวกันไปที่ย่าน ถนนเจริญเมือง กันครับ
ที่เห็นอยู่นี่ก็เป็นร้านกาแฟที่มีการแสดงงานศิลปะเล็กๆอยู่ภายในร้านด้วยครับ

ส่วนตัวเพราะชอบบริเวณนี้มากครับ เพราะเราจะได้เห็นตึก อาคาร ที่ยังคงความเป็นตึกในแบบเดิมๆอยู่มากมาย รวมทั้งร้านค้าต่างๆด้วย

คุณลุงกำลังเล่นหมากรุกกันอยู่ใต้โรงแรม ท่าทางสนุกเชียวครับ







กำแพงเมืองเก่าแบบนี้ก็มีให้เห็นรอบๆตัวเมือง รวมทั้งตึก อาคารเก่าๆก็มีให้เห็นอีกเยอะครับ




อันนี้ไม่เกี่ยวนะครับ พอดีเห็นมีต้นไม้ใหญ่ เถาวัลเยอะ เลยถ่ายรูปกันดู 555

จากนั้นเราก็ไปกันต่อที่วัดจอมสวรรค์ เป็นวัดไทยใหญ่ สร้างแบบสถาปัตยกรรมพม่า สวยงามมากครับ


ด้านในมีการแสดงหัตถกรรมจากแม่อุ๊ยพ่ออุ๊ยในชุมชนแก่นักท่องเที่ยวด้วยนะครับ

เช้าวันที่ 3 เรามีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคนคือน้องกัน แล้วเราเริ่มเดินทางไปกันที่พระธาตุอินทร์แขวน  พระธาตุประจำปีเกิด ปีจอ(สุนัข) ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมมหาโพธิวงศาจริยาราม พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์ อาจจะต้องออกแรงเดินกันบ้างนิดหน่อยนะครับ ค่อยๆเดิน ชิวๆๆไป


จากนั้นก็กลับไปที่บ้านเบ้วววกันอีกครั้ง บอกเลยว่าแฮงคืกันครับ ต้องหาความหวานเติมให้ร่างกาย !!! 555


หน้าโหดๆอย่างนี้ขอนมเย็นนะครับ เดี๋ยวไม่หายแฮงค์ !!!!


หน้ากระดานเรียงแถวอีกสักที

จากนั้นเราไปกันต่อครับที่วัดพงษ์สุนันท์ วัดที่มีองค์พระธาตุเจดีย์มากที่สุดในจังหวัดแพร่ครับ

วัดนี้ไม่ไกลยเลย ฝั่งตรงข้ามบ้านเบ้วววนี่ละครับ !!! เดินเข้าไปเลย



เลยจากวัดไม่ไกลเลยเราจะเจอกับพิพิธภัณฑ์บ้านวงศ์บุรี เป็นบ้านทรงปั้นหยา 2 ชั้น สามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมทางด้านในได้นะครับ คนละ 30 บาท แต่ผมขอถ่ายแค่ด้านหน้าดีกว่า อิอิ

จากพิพิธภัณฑ์บ้านวงศ์บุรี ไม่ไกลกันเราจะเจอกับถนนคนเดินกาดกองเก่า ซึ่งจะมีทุกๆวันเสาร์นะครับ ก็จะมีของขายต่างๆมากมายทั้งอาหาร ผลไม้ ของเล่น ของเก่าต่างๆตามสไตล์ของถนนคนเดิน พ่อค้าแม่ค้า ยิ้มแย้มน่ารักมากมายครับ



จบท้ายทริปนี้ฝากรูปบ้าวเบ้ววในช่วงหัวค่ำทิ้งท้ายไว้นะครับ


ส่วนตัวจากการได้มีโอกาสมาแพร่เป็นครั้งที่2นับจากครั้งแรกที่ผ่านมาถ่ายสารคดีที่แพร่ แต่มาคราวนี้ได้เดินชมเมืองแพร่ในแบบนักท่องเที่ยวต้องบอกเลยว่าถ้าชอบการท่องเที่ยวในแบบ slow life ผมว่าที่นี่ตอบโจทย์ครับ เนื่องจากยังคงความเป็นเมืองในแบบเก่าที่ยังคงมีอยู่มาก เหมือนเราได้ย้อนเวลากลับไปสัก 10 - 20 ปีก่อน เป็นอีกจังหวัดที่การพัฒนายังไม่ได้เข้ามาเบียดเบียนความเป็นอยู่ นำไปสู่ความเจริญมากมายเกินไป รวมทั้งที่เที่ยวต่างๆก็ไม่ได้กระจุกแออัดอยู่ในที่เดียวกันทั้งหมด จึงกลายเป็นสเน่ของการท่องเที่ยวที่น่าสนใจแล้วจะทำให้คุณหลงไหลไปกับชีวิตเดินช้า มหานครแพร่แห่งนี้ครับ
**  ปล.อ่านมาจนจบดูรูปจนครบแล้วถ้าคุณอยากไป ผมก็ดีใจมากมายครับ ^^