มีคนรีวิวเฟรมเทพๆอย่าง colnago v1r กับ dogma f8 ไว้น่าสนใจมาก

กระทู้ข่าว
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=60&t=1280415

ถูกขึ้นเป็นกระทู้แนะนำหน้าหนึ่งในเว็บดังของชาวจักรยาน Thai Mtb เลยทีเดียว อ่านแล้วได้อารมณ์ดีเลยเอามาฝากกันครับ

คนเราเมื่อบุญพาวาสนาส่ง ก็ทำให้เราได้กระทืบเฟรมเทพๆ เป็นบุญตรีนสักครั้งในชีวี ไอ้กระผมนี้จะให้มีปัญญาครอบครองเฟรมแอโร่ระดับท๊อปของดาวดวงนี้ คงไม่ใช่ในชาตินี้เป็นแน่นอน งานนี้เมื่อความกระสันเกิด ตัณหานำพา มันก็ต้องหาทางสนองครับพี่น้อง ว่าแล้วก็ยกหูหาน้องที่รักในทีมทั้งสองคน ผู้เป็นเจ้าของเฟรม pinarello F8 และ colnago V1R อันนี้ต้องขอให้เครดิตน้องเขาว่าใจมาก F8 ตัว wiggin น้องเพิ่งประกอบเสร็จยังไม่ได้ลงพื้นก็ส่งมาให้พี่เจิมทั้งน้ำตาซะแล้ว ต้องขอบคุณน้องโอ๊ตแห่ง Zone 5 cycling มา ณ ที่นี้ ที่โดนลูกขอแกมบังคับจากพี่ไป อีกรายเจ้าของ V1R Ferrari คือคุณกี้จาก Zone 5 cycling เช่นเดียวกัน

สาเหตุที่อยากจัดมวยคู่นี้ ผมว่ามันเหมือนฟรอยด์กับปาเกียว ตัวหนึ่งช่วงชกดีเหลือเกินถือว่าเป็นเต้ยในรุ่นนี้ก็ว่าได้ อีกตัวได้ลูกเก๋าและประวัติโชกโชนเหลือเกิน แล้วสองค่ายนี้มาจากแดนมะกะโรนีกันทั้งคู่ ดังนั้นขอครั้งหนึ่งในชีวิตหละหว่า จะกดสองตัวนี้ให้ยับสุดติ่งกระดิ่งหมู เอาให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย (f8 ชุดเกียร์ duraace ล้อ zipp 303 vs. v1r ชุดเกียร์ sram red ล้อ zipp 303 เช่นกัน)

ก่อนอื่นมาดูทรวดทรงองเอวกันก่อน dogma f8 แอโร่ขึ้นมากกว่า 65.1 อย่างเห็นได้ชัด ด้วยความที่เคยคบหากับ 65.1 อยู่พักหนึ่ง ส่วนตัวชอบรูปทรงของ f8 ขึ้นมาก มันมีความอ่อนช้อย พลิ้ว และดูลงตัวกว่าตัวแรกมาก มีสิ่งเดียวที่ไม่ชอบจากตัวแรกและก็ไม่ชอบยันตัวนี้คือตะเกียบคู่หน้า ตัว 65.1 หน้าตาเหมือนมีดกริดโบราณ ตัว f8 ก็ดูเหมือนคนขาโก่งเมื่อมองจากส่วนหน้า นอกนั้นก็เรียกว่าสวยลงตัวขึ้นกว่าตัวแรกแบบรู้สึกได้ ยิ่งตัวนี้เป็นตัว limited ของเซอร์ wiggo มันช่างดูเลอค่าซะเหลือเกิน

มาถึงฝั่งพระโค V1r ที่เขาว่าเป็นแอโร่ตัวแรกของค่ายนี้ แล้วก็เหมือน dogma คือเป็นเฟรมแบบ monocoque ไม่ได้เข้า lag ทำมือในอิตาลีแบบรุ่นพี่ c60 อีกต่อไป รูปร่างต้องถือว่าคนละแนวกับ f8 อย่างสิ้นเชิง เพราะมาแนวเหลี่ยมสันชัดเจน ฉีกแนวเฟรมแอโร่ที่คุ้นเคยอย่าง venge, noah, tmr01 หรือ propel ผมว่ามันออกไปทาง foil มากกว่า ที่เป็นแอโร่ยุคใหม่ที่น้ำหนักเบา ขึ้นเขาได้ หน้าตาว่าไปมันออกแนวเรียบหรู ไม่ฉูดฉาดเหมือน f8 และคงต้องบอกว่า ไอ้เจ้าตราม้าหน้าเหลือง Ferrari นี่หละ ที่ทำให้เฟรมตัวนี้ กลายเป็นเฟรมธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เรียกว่ารูปโฉมโนมพรรณของสองนางนี้ คงเป็นสาวงามที่สวยคนละแบบแล้วแต่หนุ่มๆ ว่าจะชอบแบบใด คนหนึ่งสวยเปรี้ยวเฉี่ยวจี๊ด คนหนึ่งสวยหวานซึ้ง ดังนั้นถ้าจะให้ดีต้องมีทั้งสองนางครับ สลับวันกัน ฟินสุดๆๆๆๆ

มาดูนิสัยใจคอของแต่ละนางกันบ้าง f8 พอได้ขึ้นคล่อมช่วงอุ่นเครื่องเล้าโลมเรียกอารมณ์ ก็สัมผัสได้ถึงความกระฉับกระเฉงเล่นเอากระชุ่มกระชวยจนแทบหลั่ง (อะดลีนาลีน) และรู้สึกว่าเฟรมมันสะเทือนน้อยกว่าตัว 65.1 แปลเป็นภาษาคนว่ามันขี่สบายขึ้นครับ ควบน้องแบบไม่ได้เล่นท่าอะไรนักผ่านไป 20 นาที เครื่องชักร้อน จิบน้ำสักหน่อย ลอง tempo ยาวๆ สัก 20 โล บนเส้นทางที่คุ้นเคยย่าน CV ใช้ความเร็วช่วง 35-45 พอได้หายใจกระฟัดกระเฟียดในบางช่วง รถตอบสนองได้ดีมาก กดแล้วมาต่อเนื่องแม้จะไม่ดีดเหมือนเฟรมพวก tarmac หรือ izalco ที่มันดีดตามเท้ากดดีแท้ สิ่งที่พัฒนาจนรู้สึกได้คือ มันพุ่งและรักษาความเร็วได้ดีครับ ความสบายตัวอยู่ในระดับกลางๆ คือไม่ถือว่าเป็นเฟรมที่ขี่แล้วนุ่มแต่ก็ไม่กระด้างจนสะเทือน ถือว่าออกมาแนวทางสายกลาง ในขณะที่ผมรู้สึกว่า 65.1 มันเหมือนเป็ดคือ มันไม่ดีเด่นเป็นสง่าไปสักทางนอกจากราคาของมันที่โดดเหลือเกิน ตัว f8 ผมว่ามันนิ่งขึ้น พุ่งขึ้น ไหลและรักษาความเร็วดีขึ้น และยิ่งบวกกับหน้าตาของมัน ต้องเรียกว่าเอาไปสาม 3 ผ่านครับ แต่กับราคาระดับ แสกหก ถามว่ามีเฟรมอะไรที่ขี่ได้อารมณ์ใกล้เคียงแบบนี้ ในราคาที่เยาว์วัยกว่านี้ไหม อืม ก็มีนะ แต่อย่างว่า ความเทห์ของทีม sky กับผู้มากบารมีนอกราชอาจักรไทยอย่าง Sir. Wiggin กับ เทพ Froome มันทำให้ dogma กลายเป็นคุณค่าที่คุณคู่ควร ไม่ใช่ คุณค่าที่ควรคู่ใคร (งงอ่ะดิ 55) ปิดท้ายด้วยการสปรินท์เพื่อลากสังขารวัย 40 กระรัดไปให้ถึงความเร็ว 60 ต้องใช้คำว่า เกือบแล้วๆๆๆๆ สุดท้ายได้ 59 เองพี่น้อง อายจัง แต่ก็ต้องบอกว่ามันเป็นรถที่สปรินท์ได้ดี นิ่ง ความเร็วขึ้นเร็วใช้ได้ จากความเร็ว 35 กดแป็บเดียวก็เกือบ 60 ได้ ถือว่าเป็นเฟรมที่สวยทั้งรูป จูบก็จ๊าบ ไม่อยากเอาปากออกเลย

มาลองฝั่ง Ferrari กันบ้าง เอ้ย v1r ต่างหาก แหมโลโก้เฟอร์ฯ มันเด่นกว่ายี่ห้อซะอีก สองค่ายนี้เรียกว่ายังกับละครชิงรักหักสวาท ฝั่งหนึ่งคบ jaguar อีกฝั่งไม่น้อยหน้า คบหากับ Ferrari น้องพระโคตัวขาวหน้าฟัดตัวนี้ผมได้คบชู้อยู่นานหน่อย เพราะเจ้าของมันไม่รีบเอาคืน เลยกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้นานกะว่าจะวิวาเหาะซะเลย ครั้งแรกที่ได้เดทกัน ต้องบอกว่าน้องเขาดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุมาก คือนิ่ง สงบ นุ่ม ลึก ตอนควง (ขา) น้องเขาช่วงปลอบประโลม มันเป็นรถที่ออกมาแนวสบายๆ ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ไม่จุกจิกขี้บ่น ขี่แล้วไม่ต้องปรับตัวอะไรกันมาก ผิวน้องเขานุ่มทีเดียว เรียกว่านุ่มกว่า f8 แบบรู้สึกได้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คาดว่าจะเจอกับเฟรมแอโร่ ที่เกือบทั้งหมดไม่กระด้างมากก็กระด้างมากที่สุด ไอ้มาแนวสุภาพอ่อนโยนนี่เล่นเอาพี่งง พอเริ่มหยอกล้อจนคุ้นเคยก็ต้องลองใจกันซะหน่อย มาครับ 20 โลต่อเนื่อง hr แช่ 175-185 ความเร็วปกติผมจะคุมอยู่ช่วง 35 ถึง 45 แต่เจ้าพระโคนี่มันออกแนวแปลกๆ เหมือนที่วัยรุ่นเขาเรียกว่าเด็กแนว คือช่วงความเร็ว 35 นี่เวลากดรถมันจะค่อยๆ ไต่ความเร็ว ไม่ได้กระโจนพรวดพลาด แต่มันเป็นลักษณะขึ้นไม่หยุด ความเร็วปลายขณะลมส่งไม่ได้สปรินท์นะครับ มันทะลุไป 50 ซึ่งปกติผมจะขี่ new tarmac, felt f2 อยู่ที่ไม่เกิน 45 เพราะถ้าเกินนี้จะต้องออกแรงขย่มขืนใจกันทีเดียว บนเส้นทางเดิม ขณะที่ f8 มันกดขึ้นได้เร็วกว่าอย่างชัดเจน แต่ v1r มันไหลปลาย และมันเป็นรถที่นุ่มและนิ่งมาก คือดูไมล์มันยืนอยู่ 40 กว่าแต่รถมันนิ่ง ไม่กระโตกกระตาก เรียกว่าเป็นรถเก็บอารมณ์ ต่างจากพวก tarmac ที่มันเป็นรถที่เร็ว ดีดดิ้นมีจริตจะกร้านกระชากลากถูได้สนุกสุดติ่ง และ f8 เหมือนรถที่อยู่ตรงกลาง คือยังกดสนุกตามแรงที่ส่งไป ส่วน v1r มันเป็นประเภทเครื่องดีเซล คือไหลปลายมาเรื่อยๆ โดยรถทั้งหมดใส่ล้อ zipp 303 อืม ผมจะทำยังไงที่จะจับรถสามรุ่นที่ผมชอบนี้ใส่เครื่องปั่นแล้วทำออกมาให้เป็นรถคันเดียว ที่สนุกในทุกย่านหนอ ช่วงสปรินท์ผมมีโอกาสได้ลองพระโคมาหลายรอบ มันเป็นรถที่สปรินท์แล้วความเร็วมันก็ให้เราตามที่ลงทุนจริงๆ ผมไปสุวรรณภูมิกับน้องๆ กดได้ทะลุ 60 แต่เจอเด็กนรกในทีมสวนไปด้วยความเร็วเกือบ 70 ผมคือคติ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร (จริงๆ แล้วไม่มีปัญญาไปราวีมัน)

รถแอโรตัวท๊อป แบรนด์ไฮโซจาก 2 ค่าย สุดท้ายก็มาอยู่ภายใต้ตีน อบต. อย่างผม ถ้าจะให้ฟันธง ฟันทิ้ง ฟันขว้าง ต้องบอกเลยว่า ฟันไม่ถูก อยากฟันแล้วฟันอีก เพราะแซ่บเวอร์ทั้งคู่ อย่างที่บอก f8 มันจี๊ดมากทั้งรูปทรง และสมรรถนะ ถือเป็นแอโร่ยุคใหม่ ที่เบาและขึ้นเขาได้ดี เอาไปฟัดกับเฟรม all around ได้แบบไม่น้อยหน้าเลยหละ ขณะที่ v1r เป็นเฟรมที่นิ่ง ไหล เวลาขี่ความเร็วสูงมันควบคุมได้ดีและมั่นคงมากๆ และไม่กลัวลมข้างด้วยกันทั้งคู่ คงต้องบอกว่าสิ่งที่ผมชอบในเฟรมแอโร่ยุคนี้คือ ความเร็วปลายมันไหลและเหนื่อยน้อยกว่าเฟรมไต่เขาจริงๆ สำหรับคนที่มีอันจะเหลือรับประทานบานเบอะ และอยากลองเฟรมพิซซ่าหน้ามักกะโรนี f8 ราคามา 160,000 v1r ราคามา 110,000 เฟรมระดับแข่งขันกันทั้งคู่ ชื่อเสียงระดับเบอร์ตอง เป็นที่หมายปองของหนุ่มใหญ่น้อย บอกเลยว่าสองคันนี้ เอาจริงๆนะ ไม่ต้องไปดู performance กันแล้ว คันหนึ่งเหมือนพลอย เชอร์มาลย์ อีกคันก็ชมพู่ อารยา ถ้ามีวาสนา อยากขอสอง อยากขอเบิ้ล อยากขอหลายที สุดท้ายนี้ ขอตัวไปล้างรถสองคันนี้ให้นายก่อนนะครับ เดี๊ยวนายเขาจะรีบไปปั่น ...เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร...  :mrgreen:

( ปอลิง. บทความนี้เพื่อความบันเทิงทางจักรยานเท่านั้น อย่าไปเอาสาระ หรือเชื่อถือโดยไม่ผ่านสมองทั้งซ้ายขวา ไม่งั้นเดี๊ยวมีอันเสียตังโดยไม่รู้ตัว ห้ามเสพเกินวันละสองครั้ง ไม่งั้นมันจะคันและอยากเสียตังอีกเช่นกัน .... เราเตือนคุณแล้วนะ)  :lol:  :mrgreen:

( ปอลู. ถ้ากระทู้ไม่โดนด่ามาก เที่ยวหน้าจะเอา new tarmac มาชำแหละให้ฟัง ใครมองหา อยากได้อยากโดน new tarmac ว่างๆ เจอกัน กำลังจะขอยืม venge เพื่อนมาเทียบ จะได้ชั่งน้ำหนักขึ้นชกพร้อมกันซะเลย)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่