บอกตรง ๆ ว่าผมช๊อคเมื่อได้ทราบข่าวจากเพื่อนคนหนึ่งมาเล่าให้ฟัง
ถ้าประกาศนี้มีผลบังคับใช้จริง ๆ ธุรกิจรายเล็ก ผู้รับเหมารายย่อย คนที่มีความรู้น้อยเด็กฝึกงานจะเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงตัวผมเองด้วย ...
ผมเรียนช่างยนต์แต่ไม่เคยประกอบอาชีพนี้เลย ซ่อมแต่รถตัวเองและซ่อมฟรีให้กับพรรคพวกทั้งนั้น
แต่ผมทำงานในตำแหน่งซ่อมบำรุงมาตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่ปี 37 และหว่างการทำงานก็ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ สะสมเป็นประสพการณ์มากขึ้น
จนวันหนึ่งผมก็สามารถรับผิดชอบระบบไฟฟ้าภายในขนาด 100 kVA หลายโครงการโดยที่ " ไม่มีหนังสือรับรองการทำงาน "
ผมทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ เขียนแบบทุกชนิดที่เกี่ยวข้อง , ทำรายการคำนวนที่เกี่ยวข้อง โดยให้วิศวกรเป็นผู้ลงนามเท่านั้น
รวมไปถึงการควบคุมการทำงานจนโครงการแล้วเสร็จโดยไม่มีปัญหาใด ๆ มานับสิบปี
งานที่ผมรับผิดชอบตรงนี้ คืออู่ข้าวอู่น้ำของครอบครัวเพราะผมทำงานประจำกินเงินเดือนมาทั้งชีวิต
ปัจจุบันนี้ ผมกำลังจะผันตัวมาเป็นผู้รับเหมารายย่อย ซื้อเครื่องมือและยานพาหนะเตรียมพร้อมในการสร้างอนาคตให้ดีกว่าเดิม
แต่พอรู้เรื่องประกาศนี้ บอกตรง ๆ ว่า เห็นเค้าลางความเดือดร้อนมาเยือนถึงหน้าบ้านเลยครับ
- ผมจะประกอบอาชีพได้อย่างไรเมื่อผมไม่มีหนังสือรับรอง
- ผมต้องลางานเพื่อไปเรียนในสาขานั้น ๆ ในช่วงอายุ 45 หรือครับ (นายจ้างจะยอมหรือ)
- หนังสือรับรองตามประกาศ มี 3 ขั้น ... แต่ละขั้นต้องใช้เวลาอีก 1 ปีหลังจากได้รับหนังสือรับรองขั้นแรก
จึงจะมีสิทธิสอบขั้นต่อไป โดยต้องไปเรียนหลักสูตรของขั้นนั้น ๆ เพิ่มเป็นขั้นเป็นตอน ... จนกระบวนการใช้เวลากว่า 3 ปี
- โรงเรียนสารพัดช่างบางแห่งก็ไม่เปิดสอนวิชาไฟฟ้าในหลักสูตรระยะสั้น ... มีแต่การทำขนมกับเสื้อผ้าสตรี
ลองนึกดูว่าจะขลุกขลักขนาดไหน ... แล้วคนที่พลัดหลงหรือด้อยโอกาสทางการศึกษา , ไม่มีคนส่งเสียให้เรียน
จะฝึกฝนหรือประกอบอาชีพนี้ได้หรือไม่ เช่นเด็กที่จบ ป.6 ตามต่างจังหวัด เป็นเด็กฝึกงานก็ไม่ได้
ถ้าเป็นได้แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ใครจะส่งให้เรียนหลักสูตรดังกล่าว
ถ้าประกาศนี้ เพิ่มสาขาช่างยนต์เข้าไปอีกในอนาคต ... ช่างตามอู่ ร้านตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ประดับยนต์
คงตกงานกันอีกแน่ ๆ
ธุรกิจโรงแรมก็จะเดือดร้อนด้วย เพราะช่างที่โรงแรม , หอพัก , รีสอร์ทตามแหล่งท่องเที่ยว
ส่วนมากจะต้องการคนที่มีความสามารถเป็นสารพัดช่าง ถ้าจ้างช่างเฉพาะทางก็จะทำให้รายจ่ายสูงมากและไม่ครอบคลุมกับปัญหาที่มี
ส่วนเจ้าของกิจการ จะเดือดร้อนเรื่องแรงงานอย่างมาก ทุกวันนี้รับสมัครผู้ที่จบ ม.3 มาฝึกงานก็ยังหาได้ยาก
ถ้าต้องรับเฉพาะคนที่มีหนังสือรับรอง เกรงว่าธุรกิจอาจต้องเลิกไปก่อน เพราะดอกเบี้ยไม่เคยรอใคร เมื่อไม่มีช่างร้านก็ขาดรายได้
ท่านใดมีความเห็นอย่างไร มาพูดคุยกันนะครับ ...
คุณคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับประกาศเรื่อง " หนังสือรับรองการทำงาน " ... ช่างไฟฟ้า , เชื่อมเป็นโครงการนำร่อง
ถ้าประกาศนี้มีผลบังคับใช้จริง ๆ ธุรกิจรายเล็ก ผู้รับเหมารายย่อย คนที่มีความรู้น้อยเด็กฝึกงานจะเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก รวมถึงตัวผมเองด้วย ...
ผมเรียนช่างยนต์แต่ไม่เคยประกอบอาชีพนี้เลย ซ่อมแต่รถตัวเองและซ่อมฟรีให้กับพรรคพวกทั้งนั้น
แต่ผมทำงานในตำแหน่งซ่อมบำรุงมาตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่ปี 37 และหว่างการทำงานก็ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ สะสมเป็นประสพการณ์มากขึ้น
จนวันหนึ่งผมก็สามารถรับผิดชอบระบบไฟฟ้าภายในขนาด 100 kVA หลายโครงการโดยที่ " ไม่มีหนังสือรับรองการทำงาน "
ผมทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ เขียนแบบทุกชนิดที่เกี่ยวข้อง , ทำรายการคำนวนที่เกี่ยวข้อง โดยให้วิศวกรเป็นผู้ลงนามเท่านั้น
รวมไปถึงการควบคุมการทำงานจนโครงการแล้วเสร็จโดยไม่มีปัญหาใด ๆ มานับสิบปี
งานที่ผมรับผิดชอบตรงนี้ คืออู่ข้าวอู่น้ำของครอบครัวเพราะผมทำงานประจำกินเงินเดือนมาทั้งชีวิต
ปัจจุบันนี้ ผมกำลังจะผันตัวมาเป็นผู้รับเหมารายย่อย ซื้อเครื่องมือและยานพาหนะเตรียมพร้อมในการสร้างอนาคตให้ดีกว่าเดิม
แต่พอรู้เรื่องประกาศนี้ บอกตรง ๆ ว่า เห็นเค้าลางความเดือดร้อนมาเยือนถึงหน้าบ้านเลยครับ
- ผมจะประกอบอาชีพได้อย่างไรเมื่อผมไม่มีหนังสือรับรอง
- ผมต้องลางานเพื่อไปเรียนในสาขานั้น ๆ ในช่วงอายุ 45 หรือครับ (นายจ้างจะยอมหรือ)
- หนังสือรับรองตามประกาศ มี 3 ขั้น ... แต่ละขั้นต้องใช้เวลาอีก 1 ปีหลังจากได้รับหนังสือรับรองขั้นแรก
จึงจะมีสิทธิสอบขั้นต่อไป โดยต้องไปเรียนหลักสูตรของขั้นนั้น ๆ เพิ่มเป็นขั้นเป็นตอน ... จนกระบวนการใช้เวลากว่า 3 ปี
- โรงเรียนสารพัดช่างบางแห่งก็ไม่เปิดสอนวิชาไฟฟ้าในหลักสูตรระยะสั้น ... มีแต่การทำขนมกับเสื้อผ้าสตรี
ลองนึกดูว่าจะขลุกขลักขนาดไหน ... แล้วคนที่พลัดหลงหรือด้อยโอกาสทางการศึกษา , ไม่มีคนส่งเสียให้เรียน
จะฝึกฝนหรือประกอบอาชีพนี้ได้หรือไม่ เช่นเด็กที่จบ ป.6 ตามต่างจังหวัด เป็นเด็กฝึกงานก็ไม่ได้
ถ้าเป็นได้แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ใครจะส่งให้เรียนหลักสูตรดังกล่าว
ถ้าประกาศนี้ เพิ่มสาขาช่างยนต์เข้าไปอีกในอนาคต ... ช่างตามอู่ ร้านตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ประดับยนต์
คงตกงานกันอีกแน่ ๆ
ธุรกิจโรงแรมก็จะเดือดร้อนด้วย เพราะช่างที่โรงแรม , หอพัก , รีสอร์ทตามแหล่งท่องเที่ยว
ส่วนมากจะต้องการคนที่มีความสามารถเป็นสารพัดช่าง ถ้าจ้างช่างเฉพาะทางก็จะทำให้รายจ่ายสูงมากและไม่ครอบคลุมกับปัญหาที่มี
ส่วนเจ้าของกิจการ จะเดือดร้อนเรื่องแรงงานอย่างมาก ทุกวันนี้รับสมัครผู้ที่จบ ม.3 มาฝึกงานก็ยังหาได้ยาก
ถ้าต้องรับเฉพาะคนที่มีหนังสือรับรอง เกรงว่าธุรกิจอาจต้องเลิกไปก่อน เพราะดอกเบี้ยไม่เคยรอใคร เมื่อไม่มีช่างร้านก็ขาดรายได้
ท่านใดมีความเห็นอย่างไร มาพูดคุยกันนะครับ ...