ถ้าคุณถูกยัดยาเสพติด ! และสู้คดีในชั้นศาล จนตัดสินยกฟ้อง แต่คุณไม่เหลือทุนทรัพย์ในการฟ้องร้องกลับ คุณจะทำอย่างไร ?
ตามหัวข้อนะครับ หัวข้อนี้ เป็นประสบการณ์ของผมเองคนนึง ที่มีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขดั่งคนทั่วๆไปในช่วงชีวิตที่เป็นวัยรุ่น ที่มีงานอดิเรกเป็นการซื้อขายของทางอินเทอเน็ต จนมีรายรับเป็นกอบเป็นกำ ให้ครอบครัวให้แม่ได้มีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเหมือนคนปกติทั่วไปที่ต้องการให้ผู้มีพระคุณได้มีความสุขในชีวิต
จากผลของการมีงานที่ทำจนมีรายได้จนสร้างฐานะได้ ส่วนนึงผมเองได้ไปอุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนา คือการได้ไปรับใช้พระสงฆ์อันเป็นผู้ปฏิบัติโดยชอบธรรม เพื่อมุ่งเจตนาทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจรับใช้สังคมโดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นเวลากว่า 6 เดือนที่รับได้ จนมาวันหนึ่ง ........
วันที่ 3X กรกฏาคม 2557 เวลาหลังเที่ยง ได้เกิดเหตุการณ์ มี จนท.ตำรวจ นอกเครื่องแบบ 2 นายจาก สภ.คลอง X ได้เข้ามาบุกรวบจับกุมผม ภายในกุฏิวัด และควบคุมตัวขึ้นรถตู้ ก่อนที่จะดำเนินการ ค้นตัวและยึดโทรศัพท์มือถือและกุญแจห้อง และ บุกตรวจค้นห้องพัก โดยที่ขณะบุกตรวจค้นได้กักขังผมไม่ให้ลงจากรถ แต่เข้าไปค้นห้องกันเองโดยมีพระลูกวัดที่อำนวยการนำตรวจค้น ทั้งๆที่มิได้มีหมายค้น หมายจับ หมายศาลใดๆ มาแสดง ผลปรากฏว่า.......
พบยาเสพติดเป็นยาบ้า 1 เม็ด ยาไอซ์ 0.22 กรัม วางอยู่กลางห้องพักของผม พร้อมอุปกรณ์การเสพครบครัน
จึงเดินกลับมา ใส่กุญแจมือผมและควบคุมตัวผมลงจากรถ เข้าไปชี้ของกลางที่พบในห้องและทำการบันทึกภาพขณะชี้ของกลาง และควบคุมตัวขึ้นรถตู้ นำตัวออกจากที่เกิดเหตุ นำกลับมายังจุดรับแจ้งเหตุในซอยพรธิสาร 3 ซึ่งเป็นเขตของ สภ.คลอง X ซึ่งภายหลังจากการศึกษาข้อกฏหมายในทางปฏิบัติจะต้องส่งตัวไปยัง สภ.พื้นที่รับผิดชอบของ สภ.นั้น นั่นคือ สภ.ล....ก แต่มิได้ปฏิบัติตามแต่อย่างใด และไม่ได้แจ้งสิทธิ์ของผู้ต้องหาดั่งหลักปฏิบัติแต่อย่างใด(ตอนนั้นไม่รู้กฏหมาย)
ก่อนที่จะนำตัวมา ตรวจสารเสพติดที่ รพ.คลอง..... แต่ไม่พบสารเสพติด จึงควบคุมตัวกลับไปยังจุดรับแจ้งเหตุอีกครั้งและมี จนท.คนนึง ซึ่งแต่งกายนอกเครื่องแบบ ยืนเสนอ 1 แสนบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี แต่ผมได้ปฏิเสธไป ก่อนที่จะบังคับลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุมโดยไม่ให้อ่านแต่อย่างใด
และยังบอกอีกว่า นี่แค่บทลงโทษธรรมดาๆนะ ไปศาล รับสารภาพซะ ศาลจะปรับ 1 หมื่นบาท และปล่อยตัวไป ไม่เป็นคดีความ
และนำตัวมายัง สภ.ล...ก เพื่อส่ง พนง.สอบสวน ตอน 3 ทุ่ม พร้อมทรัพย์สินเป็นกระเป๋าเงินพร้อมโทรศัพท์ จนท.ได้เบิกตัวมาสอบสวน ได้ถามผมแค่ว่า รับสารภาพหรือปฏิเสธ ผมจึงบอกไปว่าขอใช้โทรศัพท์มือถือได้หรือไม่ครับ ซึ่ง พนง.สอบสวนก็ได้ให้ใช้โทรศัพท์ ผมจึงขอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับเพื่อน และขอให้เพื่อนมาประกันตัวในวันรุ่งขึ้น ปฏิเสธครับ จนท.ก็โอเค ลงลายมือชื่อตรงนี้นะ (ลงลายมือชื่อในสมุดเล่มใหญ่ๆ) ก่อนที่จะนำตัวเข้าห้องขัง ให้ตากยุง ไม่มีพัดลม ขอน้ำดื่มก็ได้รับคำตอบว่า เป็นแค่จำเลย ไม่มีสิทธิ์ขออะไรทั้งนั้น (คำพูดจากสิบเวร) จึงต้องอดทนอยู่ในห้องขังอย่างโดดเดี่ยว จนรุ่งเช้า ก็มีข้าวไข่เจียว 1 กล่อง พร้อมน้ำ 1 ขวด ประทังชีวิต ก่อนจะนำตัวส่งศาลจังหวัด
เมื่อถึงศาลจังหวัดก็ถูกควบคุมตัวในใต้ถุนศาล ก่อนที่จะให้เพื่อนมาประกันตัวในวงเงิน 1 แสนบาท โดยเช่าหลักทรัพย์จากนายทุน 3 หมื่นบาท เพื่อประกันตัวออกมาในเวลา เกือบๆ 5 โมงเย็น
หลังจากที่ประกันตัวออกมา อยากจะบอกกับทุกๆท่านว่า เหมือนชีวิตส่วนหนึ่งได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำและ มานั่งคิดว่า จะสู้หรือยอมรับสารภาพดี ในเมื่อผมไม่เคยเอาชีวิตเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลย ก็กลับไปหาแม่ ขอคำปรึกษากับแม่ และพี่ๆทั้งสอง ก่อนที่จะตัดสินใจว่า สู้เพื่อความยุติธรรม !
ความยุติธรรม ในไทยนั่นหรือ มีจริงหรือไม่ ? 1 ปีที่ผมต่อสู้จนมีวันนี้ ผมอยากจะบอกว่า มันเจ็บปวด ทรมาน แสนสาหัสกันเลยทีเดียวครับ .... !
ถ้าคุณถูกยัดยาเสพติด ! และสู้คดีในชั้นศาล จนตัดสินยกฟ้อง แต่คุณไม่เหลือทุนทรัพย์ในการฟ้องร้องกลับ คุณจะทำอย่างไร ?
ตามหัวข้อนะครับ หัวข้อนี้ เป็นประสบการณ์ของผมเองคนนึง ที่มีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขดั่งคนทั่วๆไปในช่วงชีวิตที่เป็นวัยรุ่น ที่มีงานอดิเรกเป็นการซื้อขายของทางอินเทอเน็ต จนมีรายรับเป็นกอบเป็นกำ ให้ครอบครัวให้แม่ได้มีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเหมือนคนปกติทั่วไปที่ต้องการให้ผู้มีพระคุณได้มีความสุขในชีวิต
จากผลของการมีงานที่ทำจนมีรายได้จนสร้างฐานะได้ ส่วนนึงผมเองได้ไปอุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนา คือการได้ไปรับใช้พระสงฆ์อันเป็นผู้ปฏิบัติโดยชอบธรรม เพื่อมุ่งเจตนาทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจรับใช้สังคมโดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นเวลากว่า 6 เดือนที่รับได้ จนมาวันหนึ่ง ........
วันที่ 3X กรกฏาคม 2557 เวลาหลังเที่ยง ได้เกิดเหตุการณ์ มี จนท.ตำรวจ นอกเครื่องแบบ 2 นายจาก สภ.คลอง X ได้เข้ามาบุกรวบจับกุมผม ภายในกุฏิวัด และควบคุมตัวขึ้นรถตู้ ก่อนที่จะดำเนินการ ค้นตัวและยึดโทรศัพท์มือถือและกุญแจห้อง และ บุกตรวจค้นห้องพัก โดยที่ขณะบุกตรวจค้นได้กักขังผมไม่ให้ลงจากรถ แต่เข้าไปค้นห้องกันเองโดยมีพระลูกวัดที่อำนวยการนำตรวจค้น ทั้งๆที่มิได้มีหมายค้น หมายจับ หมายศาลใดๆ มาแสดง ผลปรากฏว่า.......
พบยาเสพติดเป็นยาบ้า 1 เม็ด ยาไอซ์ 0.22 กรัม วางอยู่กลางห้องพักของผม พร้อมอุปกรณ์การเสพครบครัน
จึงเดินกลับมา ใส่กุญแจมือผมและควบคุมตัวผมลงจากรถ เข้าไปชี้ของกลางที่พบในห้องและทำการบันทึกภาพขณะชี้ของกลาง และควบคุมตัวขึ้นรถตู้ นำตัวออกจากที่เกิดเหตุ นำกลับมายังจุดรับแจ้งเหตุในซอยพรธิสาร 3 ซึ่งเป็นเขตของ สภ.คลอง X ซึ่งภายหลังจากการศึกษาข้อกฏหมายในทางปฏิบัติจะต้องส่งตัวไปยัง สภ.พื้นที่รับผิดชอบของ สภ.นั้น นั่นคือ สภ.ล....ก แต่มิได้ปฏิบัติตามแต่อย่างใด และไม่ได้แจ้งสิทธิ์ของผู้ต้องหาดั่งหลักปฏิบัติแต่อย่างใด(ตอนนั้นไม่รู้กฏหมาย)
ก่อนที่จะนำตัวมา ตรวจสารเสพติดที่ รพ.คลอง..... แต่ไม่พบสารเสพติด จึงควบคุมตัวกลับไปยังจุดรับแจ้งเหตุอีกครั้งและมี จนท.คนนึง ซึ่งแต่งกายนอกเครื่องแบบ ยืนเสนอ 1 แสนบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี แต่ผมได้ปฏิเสธไป ก่อนที่จะบังคับลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุมโดยไม่ให้อ่านแต่อย่างใด
และยังบอกอีกว่า นี่แค่บทลงโทษธรรมดาๆนะ ไปศาล รับสารภาพซะ ศาลจะปรับ 1 หมื่นบาท และปล่อยตัวไป ไม่เป็นคดีความ
และนำตัวมายัง สภ.ล...ก เพื่อส่ง พนง.สอบสวน ตอน 3 ทุ่ม พร้อมทรัพย์สินเป็นกระเป๋าเงินพร้อมโทรศัพท์ จนท.ได้เบิกตัวมาสอบสวน ได้ถามผมแค่ว่า รับสารภาพหรือปฏิเสธ ผมจึงบอกไปว่าขอใช้โทรศัพท์มือถือได้หรือไม่ครับ ซึ่ง พนง.สอบสวนก็ได้ให้ใช้โทรศัพท์ ผมจึงขอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับเพื่อน และขอให้เพื่อนมาประกันตัวในวันรุ่งขึ้น ปฏิเสธครับ จนท.ก็โอเค ลงลายมือชื่อตรงนี้นะ (ลงลายมือชื่อในสมุดเล่มใหญ่ๆ) ก่อนที่จะนำตัวเข้าห้องขัง ให้ตากยุง ไม่มีพัดลม ขอน้ำดื่มก็ได้รับคำตอบว่า เป็นแค่จำเลย ไม่มีสิทธิ์ขออะไรทั้งนั้น (คำพูดจากสิบเวร) จึงต้องอดทนอยู่ในห้องขังอย่างโดดเดี่ยว จนรุ่งเช้า ก็มีข้าวไข่เจียว 1 กล่อง พร้อมน้ำ 1 ขวด ประทังชีวิต ก่อนจะนำตัวส่งศาลจังหวัด
เมื่อถึงศาลจังหวัดก็ถูกควบคุมตัวในใต้ถุนศาล ก่อนที่จะให้เพื่อนมาประกันตัวในวงเงิน 1 แสนบาท โดยเช่าหลักทรัพย์จากนายทุน 3 หมื่นบาท เพื่อประกันตัวออกมาในเวลา เกือบๆ 5 โมงเย็น
หลังจากที่ประกันตัวออกมา อยากจะบอกกับทุกๆท่านว่า เหมือนชีวิตส่วนหนึ่งได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำและ มานั่งคิดว่า จะสู้หรือยอมรับสารภาพดี ในเมื่อผมไม่เคยเอาชีวิตเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลย ก็กลับไปหาแม่ ขอคำปรึกษากับแม่ และพี่ๆทั้งสอง ก่อนที่จะตัดสินใจว่า สู้เพื่อความยุติธรรม !
ความยุติธรรม ในไทยนั่นหรือ มีจริงหรือไม่ ? 1 ปีที่ผมต่อสู้จนมีวันนี้ ผมอยากจะบอกว่า มันเจ็บปวด ทรมาน แสนสาหัสกันเลยทีเดียวครับ .... !