เคยเป็นมั้ยคะ ที่รู้สึกเบื่อๆ ไม่รู้จะทำอะไร จะไปช็อปปิ้งที่ห้างก็ชอบ ไม่ใช่สายช็อป
จะไปต่างจังหวัด ก็ใช้เวลา เวลาไม่พอ เพื่อนก็ไม่ว่าง สาระพัดเงื่อนไข
งั้นก็เที่ยวมันในกรุงเทพฯ นี่แหละ !!!
คำถามต่อมา... แล้วจะไปที่ไหนล่ะ??
ไม่ชอบเดินห้าง ชอบอะไรเก่าๆ มีเรื่องราว คิดสิคิด ไปไหนดี
นั่งคิดกับตัวเองสักพัก โอเค งั้นไปไหว้พระ 5 วัด แล้วไปหาร้านนั่งจิบกาแฟชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาดีกว่า
ตามที่บอกไปข้างต้น ภาระกิจแรกของเราคือไหว้พระ 5 วัดก่อนเป็นอันดับแรก
ด้วยช่วงนี้รู้สึกชีวิตมันหน่วงๆ เลยขอไปไหว้พระสักหน่อย
เริ่มจากวัดแรก "วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร (วัดกัลยา)"
เรานั่ง BTS ไปลงสถานีวงเวียนใหญ่ แล้วต่อแท็กซี่ไปที่วัดค่ะ
สำหรับการไหว้พระวัดกัลยานั้นมีความเชื่อว่า จะได้มีมิตรที่ดี (กัลยาณมิตร) เสริมโชค เดินทางปลอดภัย
วัดกัลยานั้นสร้างโดยเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต) และได้น้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
เมื่อไหว้พระขอพรที่นี่เสร็จแล้ว เราจะไปไหว้พระต่อที่วัดอรุณฯ เลยเดินไปถามชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นว่าจะไปได้อย่างไรบ้าง 555
คุณลุงบอกว่าข้างหน้ามีตุ๊กๆ รับจ้าง แต่ถ้าจะเดินไปก็ได้นะ แต่ไกลนิดหน่อย เดินแล้วได้เหงื่อ
เราเลยเลือกที่จะนั่งตุ๊กๆ ไป ก่อนจากคุณลุงบอกว่า อย่าลืมซื้อขนมจีบข้างหน้านะ อร่อยมาก อร่อยที่สุดในย่านนี้เลย
เราเองก็หิว งั้นลองชิมขนมจีบดูหน่อยดีกว่า พอไปถึงร้านเท่านั้นแหละ ใช่เลยยยยย หน้าคุณลุงอยู่หน้าร้านเลยยยย
สรุปคือ ร้านนี้คือร้านของคุณลุงนั่นเองค่ะ 5555 แหม่
หลังจากซื้อขนมจีบเสร็จ เราก็นั่งตุ๊กๆ ไปต่อที่วัดอรุณราชวราราม
พี่คนขับตุ๊กๆ บอกว่า ที่ต้องติดตาข่ายที่รถแบบนี้เพราะว่ามันชอบมีพวกลักทรัพย์ แบบขี่มอเตอร์ไซต์มากระชากกระเป๋า
ใครจะไปก็ระวังด้วยน๊ะ เดี๋ยวนี้โจรมันมีอยู่ที่เลย
นั่งตุ๊กๆ ข้ามสะพานมา ก็มาถึง "วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง)" วัดแห่งที่สองของทริปนี้
ตอนนี้ทางวัดกำลังอยู่ในช่วงบูรณะค่ะ แต่ก็ยังคงความสวยงามอยู่
วัดนี้มีความเชื่อว่า มาไหว้พระเพื่อเสริมความรุ่งโรจน์ให้แก่ชีวิต
วัดอรุณ เป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดมะกอก
จนเมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชทรงย้ายราชธานีมาอยู่ที่ธนบุรีจึงทรงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดแจ้ง
กระทั่งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ราชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะเพิ่มเติม
และทรงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดอรุณราชวราราม
ไหว้พระเดินออกมาขึ้นรถตุ๊กๆ คันเดิม เพื่อไปต่อยังวัดที่สาม "วัดวัดระฆังโฆษิตาราม"
(เราจ้างพี่ตุ๊กๆ ไป 2 วัดค่ะ คือวัดอรุณฯ กับวัดระฆังฯ ความจริงจะเหมาไปทุกวัดเลยก็ได้ แต่เราอยากนั่งเรืออ่ะ 555)
ไม่นานเราก็มาถึงแล้ว !! "วัดระฆังโฆสิตาราม"
ความเชื่อของการมาไหว้วัดนี้คือ เพื่อให้มีชื่อเสียงโด่งดัง (เหมือกับเสียงระฆังที่ดังกังวาล)
วัดระฆังแห่งนี้ เป็นวัดโบราณอีกแห่งที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา
และเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช
ที่นี่จะมีชาวบ้านมาตั้งขายของ ขายปลา ขายเต่า เพื่อให้นักท่องเที่ยวซื้อปล่อยสะเดาะเคราะห์
แล้วก็มีขายขนมปังและอาหารปลาด้วย แต่เราเลือกที่จะซื้อกับทางวัดค่ะ เป็นการทำบุญกับทางวัดไปด้วย
(ความจริงแล้วซื้อกับชาวบ้านจะถูกกว่า แต่เราอยากทำบุญกับวัด แหะๆ)
การที่จะไปให้อาหารปลา จะต้องฝ่าฝูงนกพิราบออกไปค่ะ ซึ่งมีเยอะมาก !!
และก็นั่นล่ะครับคุณผู้ชม ในขณะที่ยืนอยู่และจะกลับเข้าฝั่ง ได้ยินเสียง 'แปะ!' พร้อมด้วยของเหลว...
ใช่ค่ะ นกพิราบแจกโชค แหม่ ดีนะที่พกทิชชู่เปียกเอาไว้ เลยจัดการเก็บกวาดโชคให้เรียบ
แม่ค้าแถวนั้นบอกว่า 'ไม่ต้องกลัวนะ นกพิราบแถวนี้สะอาด ทางศิริราชมาตรวจประจำ ถือว่านกให้โชคเนาะ
นกพิราบ ก็โชคลาภไง ว่าแต่น้องสนใจทำบุญโลงศพมั้ย'
เอิ่ม.......
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราเข้ามายืนรอเรือที่ศาลา ตรงท่าวัดระฆังค่ะ จะได้ไม่โดนนกพิราบแจกโชคอีก
พอเรือข้ามฟากมา ก็เดินฝ่าฝูงนกพิราบไปเลยค่ะ (ในใจนี่อยากจะร้องไห้ กลัวนกจิก แถมนกบินเฉี่ยวหัวไปมาแบบระยะเผาขน 555)
ขึ้นเรือมาแล้ว ลองหันกลับไปทางฝั่งวัดระฆังดูบ้าง
[CR] 1 วันในเมืองกรุง เมื่อเดินห้างไม่ใช่คำตอบ งั้นไปไหว้พระ 5 วัด จิบกาแฟชมวิว แล้วไปแด๊นซ์ต่อกับคนแปลกหน้ามั้ยล่ะ
จะไปต่างจังหวัด ก็ใช้เวลา เวลาไม่พอ เพื่อนก็ไม่ว่าง สาระพัดเงื่อนไข
งั้นก็เที่ยวมันในกรุงเทพฯ นี่แหละ !!!
คำถามต่อมา... แล้วจะไปที่ไหนล่ะ??
ไม่ชอบเดินห้าง ชอบอะไรเก่าๆ มีเรื่องราว คิดสิคิด ไปไหนดี
นั่งคิดกับตัวเองสักพัก โอเค งั้นไปไหว้พระ 5 วัด แล้วไปหาร้านนั่งจิบกาแฟชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาดีกว่า
ตามที่บอกไปข้างต้น ภาระกิจแรกของเราคือไหว้พระ 5 วัดก่อนเป็นอันดับแรก
ด้วยช่วงนี้รู้สึกชีวิตมันหน่วงๆ เลยขอไปไหว้พระสักหน่อย
เริ่มจากวัดแรก "วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร (วัดกัลยา)"
เรานั่ง BTS ไปลงสถานีวงเวียนใหญ่ แล้วต่อแท็กซี่ไปที่วัดค่ะ
สำหรับการไหว้พระวัดกัลยานั้นมีความเชื่อว่า จะได้มีมิตรที่ดี (กัลยาณมิตร) เสริมโชค เดินทางปลอดภัย
วัดกัลยานั้นสร้างโดยเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต) และได้น้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
เมื่อไหว้พระขอพรที่นี่เสร็จแล้ว เราจะไปไหว้พระต่อที่วัดอรุณฯ เลยเดินไปถามชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นว่าจะไปได้อย่างไรบ้าง 555
คุณลุงบอกว่าข้างหน้ามีตุ๊กๆ รับจ้าง แต่ถ้าจะเดินไปก็ได้นะ แต่ไกลนิดหน่อย เดินแล้วได้เหงื่อ
เราเลยเลือกที่จะนั่งตุ๊กๆ ไป ก่อนจากคุณลุงบอกว่า อย่าลืมซื้อขนมจีบข้างหน้านะ อร่อยมาก อร่อยที่สุดในย่านนี้เลย
เราเองก็หิว งั้นลองชิมขนมจีบดูหน่อยดีกว่า พอไปถึงร้านเท่านั้นแหละ ใช่เลยยยยย หน้าคุณลุงอยู่หน้าร้านเลยยยย
สรุปคือ ร้านนี้คือร้านของคุณลุงนั่นเองค่ะ 5555 แหม่
หลังจากซื้อขนมจีบเสร็จ เราก็นั่งตุ๊กๆ ไปต่อที่วัดอรุณราชวราราม
พี่คนขับตุ๊กๆ บอกว่า ที่ต้องติดตาข่ายที่รถแบบนี้เพราะว่ามันชอบมีพวกลักทรัพย์ แบบขี่มอเตอร์ไซต์มากระชากกระเป๋า
ใครจะไปก็ระวังด้วยน๊ะ เดี๋ยวนี้โจรมันมีอยู่ที่เลย
นั่งตุ๊กๆ ข้ามสะพานมา ก็มาถึง "วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง)" วัดแห่งที่สองของทริปนี้
ตอนนี้ทางวัดกำลังอยู่ในช่วงบูรณะค่ะ แต่ก็ยังคงความสวยงามอยู่
วัดนี้มีความเชื่อว่า มาไหว้พระเพื่อเสริมความรุ่งโรจน์ให้แก่ชีวิต
วัดอรุณ เป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดมะกอก
จนเมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชทรงย้ายราชธานีมาอยู่ที่ธนบุรีจึงทรงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดแจ้ง
กระทั่งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ราชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะเพิ่มเติม
และทรงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดอรุณราชวราราม
ไหว้พระเดินออกมาขึ้นรถตุ๊กๆ คันเดิม เพื่อไปต่อยังวัดที่สาม "วัดวัดระฆังโฆษิตาราม"
(เราจ้างพี่ตุ๊กๆ ไป 2 วัดค่ะ คือวัดอรุณฯ กับวัดระฆังฯ ความจริงจะเหมาไปทุกวัดเลยก็ได้ แต่เราอยากนั่งเรืออ่ะ 555)
ไม่นานเราก็มาถึงแล้ว !! "วัดระฆังโฆสิตาราม"
ความเชื่อของการมาไหว้วัดนี้คือ เพื่อให้มีชื่อเสียงโด่งดัง (เหมือกับเสียงระฆังที่ดังกังวาล)
วัดระฆังแห่งนี้ เป็นวัดโบราณอีกแห่งที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา
และเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช
ที่นี่จะมีชาวบ้านมาตั้งขายของ ขายปลา ขายเต่า เพื่อให้นักท่องเที่ยวซื้อปล่อยสะเดาะเคราะห์
แล้วก็มีขายขนมปังและอาหารปลาด้วย แต่เราเลือกที่จะซื้อกับทางวัดค่ะ เป็นการทำบุญกับทางวัดไปด้วย
(ความจริงแล้วซื้อกับชาวบ้านจะถูกกว่า แต่เราอยากทำบุญกับวัด แหะๆ)
การที่จะไปให้อาหารปลา จะต้องฝ่าฝูงนกพิราบออกไปค่ะ ซึ่งมีเยอะมาก !!
และก็นั่นล่ะครับคุณผู้ชม ในขณะที่ยืนอยู่และจะกลับเข้าฝั่ง ได้ยินเสียง 'แปะ!' พร้อมด้วยของเหลว...
ใช่ค่ะ นกพิราบแจกโชค แหม่ ดีนะที่พกทิชชู่เปียกเอาไว้ เลยจัดการเก็บกวาดโชคให้เรียบ
แม่ค้าแถวนั้นบอกว่า 'ไม่ต้องกลัวนะ นกพิราบแถวนี้สะอาด ทางศิริราชมาตรวจประจำ ถือว่านกให้โชคเนาะ
นกพิราบ ก็โชคลาภไง ว่าแต่น้องสนใจทำบุญโลงศพมั้ย'
เอิ่ม.......
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราเข้ามายืนรอเรือที่ศาลา ตรงท่าวัดระฆังค่ะ จะได้ไม่โดนนกพิราบแจกโชคอีก
พอเรือข้ามฟากมา ก็เดินฝ่าฝูงนกพิราบไปเลยค่ะ (ในใจนี่อยากจะร้องไห้ กลัวนกจิก แถมนกบินเฉี่ยวหัวไปมาแบบระยะเผาขน 555)
ขึ้นเรือมาแล้ว ลองหันกลับไปทางฝั่งวัดระฆังดูบ้าง