วันนี้ขออนุญาตมาเล่าเรื่องราวการไปทำบุญ 9 วัด กทม. ที่หลายคนยังงงๆว่าต้องเริ่มยังไง ไหว้วัดไหนไปยังไง วันนี้ขออนุญาตมาพาไปทัวร์ทำบุญด้วยกันแบบง่ายๆครับ โดยสถานที่ที่จะไปวันนี้เป็น 9 วัด และ 1 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งก็คือ ศาลหลักเมือง ฝากตามกันมาได้เลยครับ
ปล. เรื่องความหมายของแต่ละที่ ก็มาตามความเชื่อ และข้อมูลจากกูเกิ้ลบอกนะครับ
รูปที่ถ่ายทั้งหมด จากมือถือ Huawei P9 ครับ
...
จุดเริ่มต้น เราสามารถเลือกวัดแรกที่จะไหว้ได้ 2 จุดครับ ถ้าเอาแบบง่ายๆ ก็เริ่มจากวัดโพธิ์ครับ แล้วค่อยข้ามเรือตรงท่าเตียนมาวัดแจ้ง-วัดกัลยา-วัดระฆัง (3 วัดฝั่งธน) แล้วค่อยนั่งเรือตรงท่าช้างข้ามฝากมาฝั่งวัดพระแก้วแล้วไปต่อศาลหลักเมืองครับ แต่ก็มีอีก 1 ความเชื่อว่าเริ่มต้นไหว้ ต้องไปที่วัดอรุณก่อน เหมือนกับ รุ่งอรุณของวันใหม่ เป็นการเอาเคล็ด อะไรแบบนี้นะครับ ทริปของปู่ก็เลยมาเริ่มที่วัดอรุณนี่ก่อนครับ แต่ก่อนจะไปเรามาเตรียมความพร้อมกันก่อนดีกว่าครับว่าจะต้องเตรียมตัวบ้าง
1. ชุดสักการะ ปกติแล้ว ทุกวัดมีการเตรียมชุดสักการะไว้ให้อยู่แล้วครับ พวกเราก็สามารถทำบุญได้ตามศรัทธา หรือตามแต่ละที่กำหนดครับ แต่ถ้าหากอยากสะดวก หรืออยากถวายพวงมาลัย หรือดอกบัวแบบสดๆ ใหม่ๆ ก็สามารถเตรียมมาเองได้ จะได้ไม่ต้องรอคิวครับ (ตรงนี้หากไปช่วงปีใหม่ หรือช่วงเทศกาล ถ้าสามารถพกไฟเช็คมาได้เอง ก็จะสะดวกมากขึ้นกว่าเดิมครับ)
2. การแต่งกาย ขอแนะนำให่ใส่ชุดสุภาพครับ เป็นไปได้ควรจะเป็นกางเกง หรือกระโปรงยาวครับ รองเท้าเป็นรองเท้าแบบง่าย สวมใส่ และถอดออกได้สะดวกครับ เพราะต้องถอดออกบ่อยๆครับ เรื่องการแต่งตัวนี้ สำคัญสุดอยู่ที่วัดพระแก้วครับ เนื่องจากทางวัด เป็นเขตพระราชฐาน ทำให้มีข้อกำหนดเรื่องการแต่งตัวตามภาพนี้ครับ
ฉะนั้น ถ้าหากแต่งตัวมาผิดระเบียบที่กำหนดไว้ ก็จะไม่สามารถเข้าได้ครับ ถ้าเป็นพวกเสื้อแขนสั้น แขนกุด ก็ต้องไปหาเสื้อคลุมมาคลุมทับครับ สำหรับกางเกงหรือกระโปรงที่ผิดระเบียบ ต้องไปลงทะเบียนขอยืมชุดที่ถูกระเบียน ทางหน้าประตูทางเข้า ด้านฝั่งทิศเหนือ แล้วก็ต้องนำไปคืนเวลาออกที่ประตูด้านนั้นครับ (เพราะฉะนั้น แต่งกายให้ถูกต้องดีกว่าครับ จะได้ไม่เสียเวลา และเข้าออกได้ทั้งฝั่งด้านทิศเหนือ หรือฝั่งด้านฝั่งกระทรวงกลาโหมครับ)
3. อุปกรณ์จำเป็น แนะนำ 2 อย่างถ้าแบกเป้ไป แนะนำควรจะมีน้ำขวดขนาดพอเหมาะ เพราะอากาศที่ร้อนครับ ช่วยได้เยอะ และทิชชู่เปียกครับ เอาไว้เช็ดเท้าเราเอง ในกรณีต้องถอดรองเท้าเดินบนพื้นบ่อยๆครับ ห้องน้ำของวัดอาจจะไม่ค่อยสะดวกในการเข้าไปล้าง และเสียเวลาเยอะด้วยครับ
4. เวลาครับเรื่องสำคัญ การทำบุญ 9 วัดใน 1 วัน ใช้เวลา อย่างต่ำก็วัดละ 30 นาที (ยิ่งถ้าช่วงเทศกาล หรือปีใหม่ อาจใช้เวลาเพิ่มขึ้น เพราะคนเยอะมาก) ถ้าครบ 10 ที่ตามทริปนี้ก็ต้องมีอย่างน้อยก็ 5ชม. ครับ แต่ซึ่งก็ต้องวางแผนการเดินทางกันดีๆครับ สำหรับทริปนี้ของปู่เน้นชิวๆเดินเป็นส่วนใหญ่ เหนื่อยก็พัก ว่างก็แวะถ่ายรูป ก็เลยใช้เวลาตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนไปจบที่ภูเขาทองตอน 1 ทุ่มครับ
เอาละ เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันไปเลยดีกว่า…!!!
เริ่มจากการไปวัดอรุณครับ การมาวัดอรุณ ถ้ามาจากฝั่ง กทม. รถเมล์ก็มาลงที่ท่าเตียนครับ รถส่วนตัว ก็ขับมาจอดที่หลังวัดโพธิ์ได้ครับ คิดค่าบริการ ชม.ละ 20 แล้วข้ามเรือจากท่าเตียนไปวัดอรุณ 3 บาท แต่ถ้าจากฝั่งธน ก็สามารถขับรถมาจอดที่วัดอรุณ หรือวัดกัลยา แล้วนั่งเรือเอาก็ได้ครับ (เรื่องเรือ เด๋วมีข้อมูลเพิ่มเติมครับ) หรือไม่ก็นั่งรถเมล์มาลงที่วัดอรุณเลยครับ (ไม่แน่ใจรถเมล์สายไหนผ่านบ้าง แต่เมื่อวานนั่งสาย 40 จากหัวลำโพง ไปลงตรงแยกโพธิ์สามต้น แล้วเดินทะลุถ.วังเดิมเข้าไปครับ)
…
เริ่มต้นวัดแรก…__/|\__
วัดอรุณ : "เริ่มต้นวันใหม่ๆด้วยดี"
การมาสักการะที่วัดอรุณนี้ จุดที่จะไหว้ คือพระอุโบสถ ที่อยู่ด้านหลังยักษ์วัดแจ้ง ทั้ง 2 ตนนะครับ เดินทะลุเข้าไปด้านในเลย
ด้านหน้า พระอุโบสถจะมีเตรียมไว้ให้ครับ เราก็สามารถทำบุญได้ตามศรัทธาครับ เมื่อสักการะด้านหน้าเสร็จก็เข้าไปกราบพระประธานด้านในพระอุโบสถได้ครับ สำหรับวัดนี้ เมื่อไหว้เสร็จแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาถ่ายรูปคู่กับพระปรางค์ของวัด หรือ ถ่ายรูปคู่กับยักษ์ไว้เป็นที่ระลึกครับ
สำหรับท่านไหนอยากนั่งพัก ที่วัดก็ยังมีมุมพักเย็นๆ นั่งเพลินอยู่ตรงด้านข้างองค์พระปรางค์เลยครับ
ปล. ร้านนี้ทำเลทองของสายจับม่อนเลยนะครับ
หรือบางท่านอยากใส่ชุดไทยถ่ายรูป บริเวณด้านหน้าพี่ยักษ์ ก็จะมีร้านให้เช่าชุดเพื่อใส่ถ่ายรูปนะครับ ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นนักท่องเที่ยวมาเช่ากัน
เมื่อเสร็จจากวัดอรุณแล้ว เราไปลงเรือเพื่อไหว้พระต่อกันอีก 2 วัดกันดีกว่าครับ โดยการซื้อตั๋วขึ้นเรือ 3 วัดนี้ สามารถซื้อได้ที่ท่าเรือของทั้ง 3 วัดนะครับ คือทั้งวัดอรุณ วัดกัลยา และ วัดระฆัง ซื้อครั้งเดียว 3 บาท นั่งวนเล่นๆได้ทั้งวัน เอาที่สบายใจกันไปครับ เรือจะเป็นแบบประเภทเรือวนครับ มี 1-2 ลำ วนไปรับ-ส่งทุกๆวัดครับ ถ้ายังไม่ถึงวัดที่เราจะลง ก็นั่งต่อไปได้ครับ
ได้ตั๋วมาแล้วอย่าทิ้งนะครับ เก็บไว้นั่งต่อด้วยครับ
เรือมาแล้ว ไปวัดกัลยากันต่อครับ
เมื่อลงเรือแล้ว คำแนะนำคือ พยายามนั่งให้สมดุลกันด้วยนะครับทั้ง 2 ฝั่ง และระวังเรื่องการกีดขวางทางลง ของคนที่มาลงที่หลังด้วยนะครับ
มาถึงแล้วครับ วัดกัลยาณมิตร ปะ เข้าไปไหว้พระวัดที่ 2 กัน
...
วัดที่ 2 วัดกัลยาณมิตร : "มีหมู่มิตรที่ดี"
สำหรับวัดกัลยานี้ ช่วงนี้มีการบูรณะ ซ่อมแซมส่วนหน้าพระอุโบสถนะครับ ถ้าเราเข้าไปแล้ว ให้เลี้ยวไปทางซ้ายครับ จะไปยังจุดจำหน่ายชุดสักการะะ และบริเวณสถานที่สักการะครับ
เมื่อสักการะด้านนอกเสร็จ เราก็เข้าไปกราบพระประธานด้านในกัน
อีกจุดนึงที่คนนิยมมาทำกันที่วัดกัลยานี้คือ มาตีระฆังใบใหญ่ ที่อยู่ด้านข้างของพระอุโบสถครับ
แต่หลังๆ เริ่มมีการแข่งกันตีเน้นกันว่า ใครจะเสียงดังกว่ากัน ทางวัดเลยต้องมีป้ายประกาศนี้ แปะอยู่ตรงข้างระฆังที่ตีทั้ง 2 ด้านครับ
(แต่ก็ยังเห็นบางคน ใส่เต็มแรงอยู่นะ หรือเขาจะกลัวไม่เด่น ไม่ดังกัน)
เมื่อเสร็จจากวัดกัลยาแล้ว เราก็ลงเรือไปวัดระฆังกันต่อครับ แหวกว่ายสายน้ำกันไป
...
วัดที่ 3 วัดระฆังโฆสิตาราม : "เมตตามหานิยม ชื่อเสียงโด่งดัง"
ของสักการะ ภายในวัดก็มีพร้อมการทำบุญรูปแบบต่างๆ ครับ
เมื่อเสร็จแล้ว เช่นกัน เราก็เข้าไปกราบพระประธานด้านในกันครับ
มาถึงตรงนี้จบ 3 วัดก็เป็นเที่ยงพอดี ปู่เลยจะพาท่านเดินไป ทางวังหลังเพื่อหาอะไรกินกันครับ สำหรับการไปวังหลังจากวัดระฆังก็ใกล้ๆ เดินออกจากวัดมา เลี้ยวไปทางซ้าย เดินทะลุซอยไปก็ถึงแล้วครับ วันนี้หน้าวัดช่วงเที่ยง มีคนน้ำขนมจีนมาแจกฟรีด้วย...^0^
สำหรับด้านหน้าวัดระฆังนั้น เมื่อก่อนใครที่ไปจะได้เห็นว่า ตลอดทางเดินเข้าวัด จะมีพ่อค้า แม่ค้า มาตั้งร้านขายนก ขายปลา เพื่อให้เรานำไปปล่อยกันนะครับ แต่วันนี้ที่ไป ทางวัด น่าจะมีการปรับปรุงใหม่แล้ว ทำให้พ่อค้า แม่ค้า จะไปอยู่กันบริเวณตรงท่าน้ำเท่านั้น ไม่มีมาอยู่ตรงบริเวณทางเดินแแล้ว ก็ดูสะอาด และไม่อึดอัดดีครับ
จริงๆแล้ว เรื่องการปล่อยนก ปล่อยปลา ฝากศึกษาข้อมูลกันก่อนมาปล่อยนะครับ อย่างเช่น ปลาไหลนี้ ตามธรรมชาติ จะอยู่ในน้ำนิ่ง มุดโคลนอยู่ แต่หากปล่อยลงไปในแม่น้ำแบบนี้ โอกาสอยู่รอดน้อย เราอาจจะไม่ได้บุญ แต่ได้บาปมากกว่านะครับ
มาถึงตรอกวังหลัง ตัวเลือกเพียบเลยครับ ทั้งข้างถนน และเป็นร้านๆ
แต่วันนี้ ปู่เลือกร้านนนี้ครับ รางวัลการันตีขนาด Best of Wongnai 2015 ก็ต้องลองซะหน่อย
หลังจากอิ่มก็ไปนั่งพักชิวๆ ริมแม่น้ำกันหน่อย ก่อนลุยต่ออีก 7 ที่ในช่วงบ่าย
จบช่วงเช้าไว้เพียงเท่านี้ เด๋วขออนุญาตมาต่อช่วงบ่าย อีก 7 ที่ ทีหลังนะครับ ขอบคุณครับ...!!!
[CR] [เรื่องเล่าจากกทม.] ทำบุญไหว้พระวัดกทม.
วันนี้ขออนุญาตมาเล่าเรื่องราวการไปทำบุญ 9 วัด กทม. ที่หลายคนยังงงๆว่าต้องเริ่มยังไง ไหว้วัดไหนไปยังไง วันนี้ขออนุญาตมาพาไปทัวร์ทำบุญด้วยกันแบบง่ายๆครับ โดยสถานที่ที่จะไปวันนี้เป็น 9 วัด และ 1 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งก็คือ ศาลหลักเมือง ฝากตามกันมาได้เลยครับ
ปล. เรื่องความหมายของแต่ละที่ ก็มาตามความเชื่อ และข้อมูลจากกูเกิ้ลบอกนะครับ
รูปที่ถ่ายทั้งหมด จากมือถือ Huawei P9 ครับ
...
จุดเริ่มต้น เราสามารถเลือกวัดแรกที่จะไหว้ได้ 2 จุดครับ ถ้าเอาแบบง่ายๆ ก็เริ่มจากวัดโพธิ์ครับ แล้วค่อยข้ามเรือตรงท่าเตียนมาวัดแจ้ง-วัดกัลยา-วัดระฆัง (3 วัดฝั่งธน) แล้วค่อยนั่งเรือตรงท่าช้างข้ามฝากมาฝั่งวัดพระแก้วแล้วไปต่อศาลหลักเมืองครับ แต่ก็มีอีก 1 ความเชื่อว่าเริ่มต้นไหว้ ต้องไปที่วัดอรุณก่อน เหมือนกับ รุ่งอรุณของวันใหม่ เป็นการเอาเคล็ด อะไรแบบนี้นะครับ ทริปของปู่ก็เลยมาเริ่มที่วัดอรุณนี่ก่อนครับ แต่ก่อนจะไปเรามาเตรียมความพร้อมกันก่อนดีกว่าครับว่าจะต้องเตรียมตัวบ้าง
1. ชุดสักการะ ปกติแล้ว ทุกวัดมีการเตรียมชุดสักการะไว้ให้อยู่แล้วครับ พวกเราก็สามารถทำบุญได้ตามศรัทธา หรือตามแต่ละที่กำหนดครับ แต่ถ้าหากอยากสะดวก หรืออยากถวายพวงมาลัย หรือดอกบัวแบบสดๆ ใหม่ๆ ก็สามารถเตรียมมาเองได้ จะได้ไม่ต้องรอคิวครับ (ตรงนี้หากไปช่วงปีใหม่ หรือช่วงเทศกาล ถ้าสามารถพกไฟเช็คมาได้เอง ก็จะสะดวกมากขึ้นกว่าเดิมครับ)
2. การแต่งกาย ขอแนะนำให่ใส่ชุดสุภาพครับ เป็นไปได้ควรจะเป็นกางเกง หรือกระโปรงยาวครับ รองเท้าเป็นรองเท้าแบบง่าย สวมใส่ และถอดออกได้สะดวกครับ เพราะต้องถอดออกบ่อยๆครับ เรื่องการแต่งตัวนี้ สำคัญสุดอยู่ที่วัดพระแก้วครับ เนื่องจากทางวัด เป็นเขตพระราชฐาน ทำให้มีข้อกำหนดเรื่องการแต่งตัวตามภาพนี้ครับ
ฉะนั้น ถ้าหากแต่งตัวมาผิดระเบียบที่กำหนดไว้ ก็จะไม่สามารถเข้าได้ครับ ถ้าเป็นพวกเสื้อแขนสั้น แขนกุด ก็ต้องไปหาเสื้อคลุมมาคลุมทับครับ สำหรับกางเกงหรือกระโปรงที่ผิดระเบียบ ต้องไปลงทะเบียนขอยืมชุดที่ถูกระเบียน ทางหน้าประตูทางเข้า ด้านฝั่งทิศเหนือ แล้วก็ต้องนำไปคืนเวลาออกที่ประตูด้านนั้นครับ (เพราะฉะนั้น แต่งกายให้ถูกต้องดีกว่าครับ จะได้ไม่เสียเวลา และเข้าออกได้ทั้งฝั่งด้านทิศเหนือ หรือฝั่งด้านฝั่งกระทรวงกลาโหมครับ)
3. อุปกรณ์จำเป็น แนะนำ 2 อย่างถ้าแบกเป้ไป แนะนำควรจะมีน้ำขวดขนาดพอเหมาะ เพราะอากาศที่ร้อนครับ ช่วยได้เยอะ และทิชชู่เปียกครับ เอาไว้เช็ดเท้าเราเอง ในกรณีต้องถอดรองเท้าเดินบนพื้นบ่อยๆครับ ห้องน้ำของวัดอาจจะไม่ค่อยสะดวกในการเข้าไปล้าง และเสียเวลาเยอะด้วยครับ
4. เวลาครับเรื่องสำคัญ การทำบุญ 9 วัดใน 1 วัน ใช้เวลา อย่างต่ำก็วัดละ 30 นาที (ยิ่งถ้าช่วงเทศกาล หรือปีใหม่ อาจใช้เวลาเพิ่มขึ้น เพราะคนเยอะมาก) ถ้าครบ 10 ที่ตามทริปนี้ก็ต้องมีอย่างน้อยก็ 5ชม. ครับ แต่ซึ่งก็ต้องวางแผนการเดินทางกันดีๆครับ สำหรับทริปนี้ของปู่เน้นชิวๆเดินเป็นส่วนใหญ่ เหนื่อยก็พัก ว่างก็แวะถ่ายรูป ก็เลยใช้เวลาตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนไปจบที่ภูเขาทองตอน 1 ทุ่มครับ
เอาละ เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันไปเลยดีกว่า…!!!
เริ่มจากการไปวัดอรุณครับ การมาวัดอรุณ ถ้ามาจากฝั่ง กทม. รถเมล์ก็มาลงที่ท่าเตียนครับ รถส่วนตัว ก็ขับมาจอดที่หลังวัดโพธิ์ได้ครับ คิดค่าบริการ ชม.ละ 20 แล้วข้ามเรือจากท่าเตียนไปวัดอรุณ 3 บาท แต่ถ้าจากฝั่งธน ก็สามารถขับรถมาจอดที่วัดอรุณ หรือวัดกัลยา แล้วนั่งเรือเอาก็ได้ครับ (เรื่องเรือ เด๋วมีข้อมูลเพิ่มเติมครับ) หรือไม่ก็นั่งรถเมล์มาลงที่วัดอรุณเลยครับ (ไม่แน่ใจรถเมล์สายไหนผ่านบ้าง แต่เมื่อวานนั่งสาย 40 จากหัวลำโพง ไปลงตรงแยกโพธิ์สามต้น แล้วเดินทะลุถ.วังเดิมเข้าไปครับ)
…
เริ่มต้นวัดแรก…__/|\__
วัดอรุณ : "เริ่มต้นวันใหม่ๆด้วยดี"
การมาสักการะที่วัดอรุณนี้ จุดที่จะไหว้ คือพระอุโบสถ ที่อยู่ด้านหลังยักษ์วัดแจ้ง ทั้ง 2 ตนนะครับ เดินทะลุเข้าไปด้านในเลย
ด้านหน้า พระอุโบสถจะมีเตรียมไว้ให้ครับ เราก็สามารถทำบุญได้ตามศรัทธาครับ เมื่อสักการะด้านหน้าเสร็จก็เข้าไปกราบพระประธานด้านในพระอุโบสถได้ครับ สำหรับวัดนี้ เมื่อไหว้เสร็จแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาถ่ายรูปคู่กับพระปรางค์ของวัด หรือ ถ่ายรูปคู่กับยักษ์ไว้เป็นที่ระลึกครับ
สำหรับท่านไหนอยากนั่งพัก ที่วัดก็ยังมีมุมพักเย็นๆ นั่งเพลินอยู่ตรงด้านข้างองค์พระปรางค์เลยครับ
ปล. ร้านนี้ทำเลทองของสายจับม่อนเลยนะครับ
หรือบางท่านอยากใส่ชุดไทยถ่ายรูป บริเวณด้านหน้าพี่ยักษ์ ก็จะมีร้านให้เช่าชุดเพื่อใส่ถ่ายรูปนะครับ ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นนักท่องเที่ยวมาเช่ากัน
เมื่อเสร็จจากวัดอรุณแล้ว เราไปลงเรือเพื่อไหว้พระต่อกันอีก 2 วัดกันดีกว่าครับ โดยการซื้อตั๋วขึ้นเรือ 3 วัดนี้ สามารถซื้อได้ที่ท่าเรือของทั้ง 3 วัดนะครับ คือทั้งวัดอรุณ วัดกัลยา และ วัดระฆัง ซื้อครั้งเดียว 3 บาท นั่งวนเล่นๆได้ทั้งวัน เอาที่สบายใจกันไปครับ เรือจะเป็นแบบประเภทเรือวนครับ มี 1-2 ลำ วนไปรับ-ส่งทุกๆวัดครับ ถ้ายังไม่ถึงวัดที่เราจะลง ก็นั่งต่อไปได้ครับ
ได้ตั๋วมาแล้วอย่าทิ้งนะครับ เก็บไว้นั่งต่อด้วยครับ
เรือมาแล้ว ไปวัดกัลยากันต่อครับ
เมื่อลงเรือแล้ว คำแนะนำคือ พยายามนั่งให้สมดุลกันด้วยนะครับทั้ง 2 ฝั่ง และระวังเรื่องการกีดขวางทางลง ของคนที่มาลงที่หลังด้วยนะครับ
มาถึงแล้วครับ วัดกัลยาณมิตร ปะ เข้าไปไหว้พระวัดที่ 2 กัน
...
วัดที่ 2 วัดกัลยาณมิตร : "มีหมู่มิตรที่ดี"
สำหรับวัดกัลยานี้ ช่วงนี้มีการบูรณะ ซ่อมแซมส่วนหน้าพระอุโบสถนะครับ ถ้าเราเข้าไปแล้ว ให้เลี้ยวไปทางซ้ายครับ จะไปยังจุดจำหน่ายชุดสักการะะ และบริเวณสถานที่สักการะครับ
เมื่อสักการะด้านนอกเสร็จ เราก็เข้าไปกราบพระประธานด้านในกัน
อีกจุดนึงที่คนนิยมมาทำกันที่วัดกัลยานี้คือ มาตีระฆังใบใหญ่ ที่อยู่ด้านข้างของพระอุโบสถครับ
แต่หลังๆ เริ่มมีการแข่งกันตีเน้นกันว่า ใครจะเสียงดังกว่ากัน ทางวัดเลยต้องมีป้ายประกาศนี้ แปะอยู่ตรงข้างระฆังที่ตีทั้ง 2 ด้านครับ
(แต่ก็ยังเห็นบางคน ใส่เต็มแรงอยู่นะ หรือเขาจะกลัวไม่เด่น ไม่ดังกัน)
เมื่อเสร็จจากวัดกัลยาแล้ว เราก็ลงเรือไปวัดระฆังกันต่อครับ แหวกว่ายสายน้ำกันไป
...
วัดที่ 3 วัดระฆังโฆสิตาราม : "เมตตามหานิยม ชื่อเสียงโด่งดัง"
ของสักการะ ภายในวัดก็มีพร้อมการทำบุญรูปแบบต่างๆ ครับ
เมื่อเสร็จแล้ว เช่นกัน เราก็เข้าไปกราบพระประธานด้านในกันครับ
มาถึงตรงนี้จบ 3 วัดก็เป็นเที่ยงพอดี ปู่เลยจะพาท่านเดินไป ทางวังหลังเพื่อหาอะไรกินกันครับ สำหรับการไปวังหลังจากวัดระฆังก็ใกล้ๆ เดินออกจากวัดมา เลี้ยวไปทางซ้าย เดินทะลุซอยไปก็ถึงแล้วครับ วันนี้หน้าวัดช่วงเที่ยง มีคนน้ำขนมจีนมาแจกฟรีด้วย...^0^
สำหรับด้านหน้าวัดระฆังนั้น เมื่อก่อนใครที่ไปจะได้เห็นว่า ตลอดทางเดินเข้าวัด จะมีพ่อค้า แม่ค้า มาตั้งร้านขายนก ขายปลา เพื่อให้เรานำไปปล่อยกันนะครับ แต่วันนี้ที่ไป ทางวัด น่าจะมีการปรับปรุงใหม่แล้ว ทำให้พ่อค้า แม่ค้า จะไปอยู่กันบริเวณตรงท่าน้ำเท่านั้น ไม่มีมาอยู่ตรงบริเวณทางเดินแแล้ว ก็ดูสะอาด และไม่อึดอัดดีครับ
จริงๆแล้ว เรื่องการปล่อยนก ปล่อยปลา ฝากศึกษาข้อมูลกันก่อนมาปล่อยนะครับ อย่างเช่น ปลาไหลนี้ ตามธรรมชาติ จะอยู่ในน้ำนิ่ง มุดโคลนอยู่ แต่หากปล่อยลงไปในแม่น้ำแบบนี้ โอกาสอยู่รอดน้อย เราอาจจะไม่ได้บุญ แต่ได้บาปมากกว่านะครับ
มาถึงตรอกวังหลัง ตัวเลือกเพียบเลยครับ ทั้งข้างถนน และเป็นร้านๆ
แต่วันนี้ ปู่เลือกร้านนนี้ครับ รางวัลการันตีขนาด Best of Wongnai 2015 ก็ต้องลองซะหน่อย
หลังจากอิ่มก็ไปนั่งพักชิวๆ ริมแม่น้ำกันหน่อย ก่อนลุยต่ออีก 7 ที่ในช่วงบ่าย
จบช่วงเช้าไว้เพียงเท่านี้ เด๋วขออนุญาตมาต่อช่วงบ่าย อีก 7 ที่ ทีหลังนะครับ ขอบคุณครับ...!!!