.     สิทธิประโยชน์และวัตถุประสงค์ต่างกันครับ กองทุนเงินทดแทนตั้งเพื่อชดเชยการเจ็บป่วย/ประสบเหตุอันตรายจากการทำงาน ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งเพื่อเป็นเงินทุนไว้ใช้ยามเกษียณอายุ

      จริงๆ กองทุนเงินทดแทนจะเป็นกองทุนที่จัดเก็บเงินจากนายจ้างเท่านั้น ลูกจ้างจะไม่ค่อยรู้จักสักเท่าไร แต่กองทุนที่เป็นที่รู้จักมากกว่าจะเป็นกองทุนประกันสังคม ซึ่งคนที่เป็นลูกจ้างหรือพนักงานเอกชนทุกคนต้องจ่ายเงินสะสม ซึ่งถือเป็น “ภาคบังคับ” สำหรับพนักงานเอกชน ที่ต้องจ่ายเงินสะสม 5%ของเงินเดือน แต่สูงสุดไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน ซึ่งนายจ้างเองก็ต้องช่วยสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมอีกส่วนหนึ่งด้วย
      ส่วนสิทธิประโยชน์ของกองทุนประกันสังคมมี 7 อย่าง ได้แก่ เจ็บป่วย/ประสบอันตราย ตาย ทุพพลภาพ คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ ว่างงาน ส่วนสิทธิประโยชน์ของกองทุนเงินทดแทน จะชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะจากการทำงาน 4 อย่าง ได้แก่ เจ็บป่วย/ประสบอันตราย ตาย/สูญหาย ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ/สมรรถภาพของอวัยวะ

      ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นเป็น “ภาคสมัครใจ” ของพนักงานเอกชน ซึ่งมีไว้เพื่อเป็นเงินทุนไว้ใช้ตอนเกษียณอายุ โดยบางบริษัทอาจจะมีหรือไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็ได้ โดยบริษัทที่มีก็จะเปิดโอกาสให้ลูกจ้างสมัครเป็นสมาชิกกองทุนได้ เมื่อผ่านช่วงทดลองงานแล้ว โดยจะกำหนดให้ลูกจ้างสะสมได้ตั้งแต่ 3%ของเงินเดือนหรืออาจจะมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับบริษัท ส่วนบริษัทหรือนายจ้างก็ต้องจ่ายเงินสมทบให้ด้วย ซึ่งเงินสะสมและเงินสมทบพร้อมผลตอบแทนนี้จะเก็บไว้ในกองทุนเพื่อให้ลูกจ้างเก็บไว้ใช้ตอนเกษียณอายุ
      ถึงแม้ว่าคุณจะเลือกได้ว่าจะสมัครสมาชิกหรือไม่ก็ได้ แต่จริงๆ แล้ว ทุกคนควรจะสมัครเป็นสมาชิกกองทุนนี้เมื่อมีโอกาส เพราะนอกจากเงินสะสมของเราแล้วนายจ้างยังให้เงินสมทบเพิ่มด้วย ซึ่งเรียกว่าได้กำไรเท่าตัว แบบไม่ต้องลุ้นอะไรเลย แถมเงินสะสมยังนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย แค่ต้องเข้าใจว่าเงินก้อนนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเกษียณอายุแล้วเท่านั้น