ในเมืองจีนมีสำนวนอยู่สำนวนหนึ่งว่า กัวหมู่เซียงกั้น (刮目相看) "มองกันใหม่" เป็นสำนวนที่มี
ความหมายในเชิงยกย่องเชิดชู ซึ่งสำนวนนี้มีที่มาจาก "ลิบอง" แม่ทัพเอกของเมืองกังตั๋ง ผู้ที่ปราบ
และยึดเมืองเกงจิ๋วของกวนอูได้ในเรื่องสามก๊ก
ลิบองในวัยหนุ่ม ชอบฝึกเพลงดาบเพลงทวนกระบวนรบ แต่ด้วยความยากจนจึงไม่มีโอกาสได้
รับการศึกษา เขาจึงไม่ชอบการอ่านหนังสือ ต่อมาเมื่อเข้ารับราชการเป็นนายทหารแล้ว เขาก็ยังไม่
ชอบอ่านหนังสืออยู่เหมือนเดิม ผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพ ล้วนประเมินว่าลิบอง เหมาะสมที่จะเป็น
เพียงแค่ขุนพลธรรมดาทั่ว ๆ ไป
แต่ ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋ง เป็นยอดผู้นำซึ่งเก่งเรื่องการดูคน เขามองเห็นอะไรบางอย่างในตัว
ของลิบอง จึงเรียกลิบองให้เข้ามาพบ แล้วกล่าวว่า "ลิบองเอ๋ย หากเจ้าต้องการเป็นแม่ทัพที่ดี เจ้าก็
ควรจะศึกษาหาความรู้ใส่ตัวเอาไว้บ้าง"
ลิบองจึงตอบว่า "ข้าพเจ้าง่วนอยู่แต่กับการฝึกทหารซ้อมรบ ไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่นเลย"
ซุนกวนจึงว่า "ข้ามิได้ต้องการให้เจ้าเป็นถึงนักปราชญ์ราชบัณฑิต แต่การศึกษาค้นคว้าในตำรา
พิชัยยุทธจะช่วยทำให้เจ้ามีวิสัยทัศน์และมุมมองกว้างไกล เจ้าอ้างว่าเจ้าไม่มีเวลา งานของเจ้านั้น
หากนำมาเทียบกับงานของข้าแล้วมันช่างเล็กน้อยนัก ข้าเป็นกษัตริย์ต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง แต่ข้า
ก็ยังมีเวลาศึกษาตำหรับตำราเพื่อพัฒนาตนเอง"
ลิบองได้ฟังซุนกวนตักเตือนดังนั้น เขาจึงปรับปรุงตัวและมุมานะอ่านตำราพิชัยสงครามทุกอย่าง
เท่าที่เขาจะขวนขวายหามาได้ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้ ยิ่งรู้ก็ยิ่งชอบค้นคว้า ในไม่ช้าเขากลายเป็นนักการทหาร
ผู้เชี่ยวชาญทั้งบู๊และบุ๋น มีสติปัญญาความรู้ชั้นเอก
วันหนึ่ง โลซก ได้เดินทางมาตรวจราชการแผ่นดิน ที่ค่ายของลิบอง เมื่อเขาได้พบลิบอง โลซกจึง
ได้ประจักษ์ชัดว่า ลิบองผู้นี้พูดจาฉะฉาน วิเคราะห์สถานการณ์ศึกและความเป็นไปในบ้านเมืองได้ถูกต้อง
เที่ยงตรง มีสติปัญญาไม่ได้ด้อยไปกว่าตน จึงเอ่ยปากชื่นชมลิบองว่า "แต่เดิม ข้าพเจ้าคิดว่าท่านมีดีแค่
เรื่องการต่อสู้ในสนามรบ แต่บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นกับตาแล้วว่าท่านมีสติปัญญารอบรู้เฉลียวฉลาด ราวกับเป็น
คนละคนที่ข้าพเจ้าเคยรู้จัก"
ลิบองจึงว่า "คนเราไม่ได้พบกันเพียงแค่สามวัน บางครั้งก็ต้องมองกันใหม่แล้ว"
"คนเราไม่ได้พบกันเพียงแค่สามวัน บางครั้งก็ต้องมองกันใหม่แล้ว" ลิบอง
ความหมายในเชิงยกย่องเชิดชู ซึ่งสำนวนนี้มีที่มาจาก "ลิบอง" แม่ทัพเอกของเมืองกังตั๋ง ผู้ที่ปราบ
และยึดเมืองเกงจิ๋วของกวนอูได้ในเรื่องสามก๊ก
ลิบองในวัยหนุ่ม ชอบฝึกเพลงดาบเพลงทวนกระบวนรบ แต่ด้วยความยากจนจึงไม่มีโอกาสได้
รับการศึกษา เขาจึงไม่ชอบการอ่านหนังสือ ต่อมาเมื่อเข้ารับราชการเป็นนายทหารแล้ว เขาก็ยังไม่
ชอบอ่านหนังสืออยู่เหมือนเดิม ผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพ ล้วนประเมินว่าลิบอง เหมาะสมที่จะเป็น
เพียงแค่ขุนพลธรรมดาทั่ว ๆ ไป
แต่ ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋ง เป็นยอดผู้นำซึ่งเก่งเรื่องการดูคน เขามองเห็นอะไรบางอย่างในตัว
ของลิบอง จึงเรียกลิบองให้เข้ามาพบ แล้วกล่าวว่า "ลิบองเอ๋ย หากเจ้าต้องการเป็นแม่ทัพที่ดี เจ้าก็
ควรจะศึกษาหาความรู้ใส่ตัวเอาไว้บ้าง"
ลิบองจึงตอบว่า "ข้าพเจ้าง่วนอยู่แต่กับการฝึกทหารซ้อมรบ ไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่นเลย"
ซุนกวนจึงว่า "ข้ามิได้ต้องการให้เจ้าเป็นถึงนักปราชญ์ราชบัณฑิต แต่การศึกษาค้นคว้าในตำรา
พิชัยยุทธจะช่วยทำให้เจ้ามีวิสัยทัศน์และมุมมองกว้างไกล เจ้าอ้างว่าเจ้าไม่มีเวลา งานของเจ้านั้น
หากนำมาเทียบกับงานของข้าแล้วมันช่างเล็กน้อยนัก ข้าเป็นกษัตริย์ต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง แต่ข้า
ก็ยังมีเวลาศึกษาตำหรับตำราเพื่อพัฒนาตนเอง"
ลิบองได้ฟังซุนกวนตักเตือนดังนั้น เขาจึงปรับปรุงตัวและมุมานะอ่านตำราพิชัยสงครามทุกอย่าง
เท่าที่เขาจะขวนขวายหามาได้ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้ ยิ่งรู้ก็ยิ่งชอบค้นคว้า ในไม่ช้าเขากลายเป็นนักการทหาร
ผู้เชี่ยวชาญทั้งบู๊และบุ๋น มีสติปัญญาความรู้ชั้นเอก
วันหนึ่ง โลซก ได้เดินทางมาตรวจราชการแผ่นดิน ที่ค่ายของลิบอง เมื่อเขาได้พบลิบอง โลซกจึง
ได้ประจักษ์ชัดว่า ลิบองผู้นี้พูดจาฉะฉาน วิเคราะห์สถานการณ์ศึกและความเป็นไปในบ้านเมืองได้ถูกต้อง
เที่ยงตรง มีสติปัญญาไม่ได้ด้อยไปกว่าตน จึงเอ่ยปากชื่นชมลิบองว่า "แต่เดิม ข้าพเจ้าคิดว่าท่านมีดีแค่
เรื่องการต่อสู้ในสนามรบ แต่บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นกับตาแล้วว่าท่านมีสติปัญญารอบรู้เฉลียวฉลาด ราวกับเป็น
คนละคนที่ข้าพเจ้าเคยรู้จัก"
ลิบองจึงว่า "คนเราไม่ได้พบกันเพียงแค่สามวัน บางครั้งก็ต้องมองกันใหม่แล้ว"