คือรู้สึกแปลกใจว่าห้องราชดำเนินไม่มีสมาชิกท่านใดพูดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่เลยทั้งที่สมาชิกในห้องนี้น่าจะเชี่ยวชาญในเรื่องนี้มาก เลยอยากถามความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเผื่อจะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงเนื้อหาในร่างพรบ.ที่ สนชกำลังพิจารณาอยู่ และผ่านวาระแรกไปแล้วตามข่าว ทั้งนี้เนื่องจากถ้า ร่างพรบ.ฉบับ นี้ผ่าน สนช และมีผลบังคับใช้คงมีผลกระทบกับผู้ชายไทยมากกว่าครึ่งประเทศครับ โดยขออ้างเนื้อหาข้อมูลจากคอลัมส์ "แม่ลูกจันทร์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 21 ก.ค 58 มาประกอบดังนี้ครับ
กองทัพไทยมีกำลัง ทหารประจำการทั้งสิ้น 3.5 แสนนาย
ถือว่าไทยมีกำลังพลพร้อมรบมากกว่าเพื่อน บ้านในพิกัดเดียวกัน
แต่กระนั้น รัฐบาล คสช.ยังเห็นว่ากำลังทหารประจำ การ 3.5 แสนนาย ยังน้อย...เกินไป
จำเป็นต้องเรียกระดมทหารกองหนุนที่มีอยู่ 1 ล้าน 2 แสนคนให้หมุนเวียนกลับเข้ารับการฝึกทหารซ้ำใหม่ปีละ 4.5 หมื่นคน
หรือคิดเป็น 2.5 เปอร์เซ็นต์ของกำลังพลสำรอง
ล่าสุด ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติเห็นชอบ “ร่าง พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง” (วาระแรก) อย่างสะดวกโยธิน
“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า สาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือให้อำนาจกระ- ทรวงกลาโหมสั่งเรียกระดมทหารกองหนุนทุกนาย ให้กลับมาฝึกอาวุธใหม่ ฝึกวินัยทหารใหม่ เพื่อให้มีความฟิตเปรี๊ยะพร้อมใช้งานได้จริงๆ
ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการออกกฎหมายเพื่อเรียกระดมชายไทยที่เป็นทหารกองหนุนให้กลับไปใช้ชีวิตเป็นทหาร กินนอนในค่ายทหารเป็นเวลาไม่เกิน 2 เดือน
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า ชาย ไทยที่อยู่ในข่ายต้องถูกเรียกกลับไปเป็นกำลังพลสำรองของ 3 เหล่าทัพ มี 4 กลุ่ม ดังนี้คือ
1.นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ
2.นายทหารชั้นประทวนนอกราชการ
3.ทหารกองหนุนประเภท 1 (คือผู้ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว หรือผู้ที่ได้รับยกเว้นเนื่องจากเรียน รด. ที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี)
4.ทหารกองหนุนประเภท 2 (คือผู้ที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารแต่โชคดีจับได้ ใบดำ รวมถึงทหารกองหนุนประเภท 1 ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีถึง 60 ปี)
ผู้มีคุณสมบัติตามสเปกใน 4 กลุ่มนี้ จะได้รับจดหมายเรียกตัวจากกระทรวงกลาโหมให้ไปเข้าค่ายฝึกกำลังพลสำรอง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนปีละ 4.5 หมื่นคน
โดนหมด ไม่ว่าบิ๊กเนม หรือโนเนม
โดนหมด ไม่ว่าคนรวย หรือคนจน
โดนหมด ไม่ว่าทำราชการ หรือ ทำงานเอกชน
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า การเรียก ระดมกำลังพลสำรองไม่ใช่ขึ้นกับความสมัครใจของแต่ละคน แต่เป็น “คำสั่ง” ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
ใครเบี้ยว...ไม่ยอมกลับไปฝึกวิชาทหารมีความผิดอาญา
นายจ้างที่ไม่จ่ายค่าแรงลูกจ้างที่ถูกเรียกไปฝึกกำลังพลสำรองก็มีความผิดอาญาเช่นกัน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม อธิบายขยายความว่า กำลังพลสำรองที่ถูกเรียกตัวกลับเข้ารับการฝึกวิชาทหาร จะได้รับเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ตามระเบียบราชการ
ส่วนระยะเวลาการฝึกวิชาทหาร จริงๆ จะไม่นานถึง 2 เดือน เพื่อไม่ให้กระทบการประกอบอาชีพส่วนตัวมากเกินไป
“แม่ลูกจันทร์” มองแง่ดีว่า การเรียกระดมกำลังพลสำรองปีละ 4.5 หมื่นคนจะเกิดประโยชน์ต่อกองทัพ 3 ประการ คือ
1.สร้างความพร้อมรบของกำลังพลสำรองให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับทหารประจำการ
2.ถ้าหากเกิดภัยพิบัติร้ายแรงก็สามารถระดมกำลงพลจำนวนมากออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
3.ในสภาวะที่สังคมไทยแตกแยกอย่างรุนแรง การระดมกำลังพลสำรองจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ ตามโรดแม็ป คสช.
อนึ่ง สำหรับท่านสุภาพบุรุษที่มีอายุทะลุ 60 ปีขึ้นไป
ถือว่าได้พ้นจากบัญชีกำลังพลสำรองอย่างเป็นทางการ
อายุปูนนี้แล้วไม่ต้องเกณฑ์ไปรบกับใคร
รบกับต่อมลูกหมากตัวเองก็แย่แล้วโยม.
“แม่ลูกจันทร์”
สอบถามความคิดเห็นเรื่องแนวคิดในการเรียกระดมทหารกองหนุนมาฝึก ตามร่างพรบ.กำลังพลสำรอง พ.ศ....
กองทัพไทยมีกำลัง ทหารประจำการทั้งสิ้น 3.5 แสนนาย
ถือว่าไทยมีกำลังพลพร้อมรบมากกว่าเพื่อน บ้านในพิกัดเดียวกัน
แต่กระนั้น รัฐบาล คสช.ยังเห็นว่ากำลังทหารประจำ การ 3.5 แสนนาย ยังน้อย...เกินไป
จำเป็นต้องเรียกระดมทหารกองหนุนที่มีอยู่ 1 ล้าน 2 แสนคนให้หมุนเวียนกลับเข้ารับการฝึกทหารซ้ำใหม่ปีละ 4.5 หมื่นคน
หรือคิดเป็น 2.5 เปอร์เซ็นต์ของกำลังพลสำรอง
ล่าสุด ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติเห็นชอบ “ร่าง พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง” (วาระแรก) อย่างสะดวกโยธิน
“แม่ลูกจันทร์” สรุปว่า สาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือให้อำนาจกระ- ทรวงกลาโหมสั่งเรียกระดมทหารกองหนุนทุกนาย ให้กลับมาฝึกอาวุธใหม่ ฝึกวินัยทหารใหม่ เพื่อให้มีความฟิตเปรี๊ยะพร้อมใช้งานได้จริงๆ
ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการออกกฎหมายเพื่อเรียกระดมชายไทยที่เป็นทหารกองหนุนให้กลับไปใช้ชีวิตเป็นทหาร กินนอนในค่ายทหารเป็นเวลาไม่เกิน 2 เดือน
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า ชาย ไทยที่อยู่ในข่ายต้องถูกเรียกกลับไปเป็นกำลังพลสำรองของ 3 เหล่าทัพ มี 4 กลุ่ม ดังนี้คือ
1.นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ
2.นายทหารชั้นประทวนนอกราชการ
3.ทหารกองหนุนประเภท 1 (คือผู้ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว หรือผู้ที่ได้รับยกเว้นเนื่องจากเรียน รด. ที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี)
4.ทหารกองหนุนประเภท 2 (คือผู้ที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารแต่โชคดีจับได้ ใบดำ รวมถึงทหารกองหนุนประเภท 1 ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีถึง 60 ปี)
ผู้มีคุณสมบัติตามสเปกใน 4 กลุ่มนี้ จะได้รับจดหมายเรียกตัวจากกระทรวงกลาโหมให้ไปเข้าค่ายฝึกกำลังพลสำรอง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนปีละ 4.5 หมื่นคน
โดนหมด ไม่ว่าบิ๊กเนม หรือโนเนม
โดนหมด ไม่ว่าคนรวย หรือคนจน
โดนหมด ไม่ว่าทำราชการ หรือ ทำงานเอกชน
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า การเรียก ระดมกำลังพลสำรองไม่ใช่ขึ้นกับความสมัครใจของแต่ละคน แต่เป็น “คำสั่ง” ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
ใครเบี้ยว...ไม่ยอมกลับไปฝึกวิชาทหารมีความผิดอาญา
นายจ้างที่ไม่จ่ายค่าแรงลูกจ้างที่ถูกเรียกไปฝึกกำลังพลสำรองก็มีความผิดอาญาเช่นกัน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม อธิบายขยายความว่า กำลังพลสำรองที่ถูกเรียกตัวกลับเข้ารับการฝึกวิชาทหาร จะได้รับเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ตามระเบียบราชการ
ส่วนระยะเวลาการฝึกวิชาทหาร จริงๆ จะไม่นานถึง 2 เดือน เพื่อไม่ให้กระทบการประกอบอาชีพส่วนตัวมากเกินไป
“แม่ลูกจันทร์” มองแง่ดีว่า การเรียกระดมกำลังพลสำรองปีละ 4.5 หมื่นคนจะเกิดประโยชน์ต่อกองทัพ 3 ประการ คือ
1.สร้างความพร้อมรบของกำลังพลสำรองให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับทหารประจำการ
2.ถ้าหากเกิดภัยพิบัติร้ายแรงก็สามารถระดมกำลงพลจำนวนมากออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
3.ในสภาวะที่สังคมไทยแตกแยกอย่างรุนแรง การระดมกำลังพลสำรองจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ ตามโรดแม็ป คสช.
อนึ่ง สำหรับท่านสุภาพบุรุษที่มีอายุทะลุ 60 ปีขึ้นไป
ถือว่าได้พ้นจากบัญชีกำลังพลสำรองอย่างเป็นทางการ
อายุปูนนี้แล้วไม่ต้องเกณฑ์ไปรบกับใคร
รบกับต่อมลูกหมากตัวเองก็แย่แล้วโยม.
“แม่ลูกจันทร์”