ดูกรภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษบางพวกในกรณีนี้ เล่าเรียนปริยัติธรรม (นานาชนิด) คือ สุตตะ ฯลฯ เวทัลละ,
พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น ครั้นเล่าเรียน ธรรมนั้น ๆ แล้ว ไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา.
เมื่อไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความด้วยปัญญา ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมไม่ทน ต่อการเพ่งพิสูจน์ ของโมฆบุรุษเหล่านั้น;
พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียน ธรรมด้วยการเพ่งหาข้อบกพร่อง (ของธรรมหรือของลัทธิใดลัทธิหนึ่ง) และ
มีความคิดที่จะใช้เป็นเครื่องทำลายลัทธิใดลัทธิหนึ่ง เป็นอานิสงส์. ผู้รู้ทั้งหลาย เล่าเรียนพระปริยัติธรรม เพื่อคุณประโยชน์อันใด,
พวกโมฆบุรุษ เหล่านั้น หาได้รับคุณประโยชน์อันนั้นแห่งธรรมไม่, ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ก็เลยเป็นธรรมที่โมฆบุรุษเหล่านั้น
ถือเอาไม่ดี เป็นไปเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่เขาเหล่านั้นตลอดกาลนาน. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะ ความที่ธรรมทั้งหลายอันโมฆบุรุษเหล่านั้นถือเอาไม่ดีเป็นเหตุ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการใคร่จะได้งู
เที่ยวเสาะแสวงงูอยู่, บุรุษนั้น ครั้นเห็นงูตัวใหญ่ก็เข้าจับงูนั้นที่ตัวหรือที่หาง,
อสรพิษตัวนั้น ก็จะพึงกลับฉกเอามือหรือแขนหรืออวัยวะแห่งใดแห่งหนึ่งของบุรุษนั้น;
บุรุษนั้น ก็จะตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย
เพราะการฉกเอาของ อสรพิษนั้นเป็นเหตุ. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะความที่บุรุษนั้นจับงูไม่ดี (คือไม่ถูกวิธี) เป็นเหตุ, ข้อนี้ฉันใด ;
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษบางพวกในกรณีนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน, เขา
เล่าเรียนปริยัติธรรม (นานาชนิด) คือ สุตตะ ฯลฯ เวทัลละ,
พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น ครั้นเล่าเรียนธรรมนั้น ๆ แล้ว ไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้น ด้วยปัญญา
เมื่อไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความด้วยปัญญา ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมไม่ทนต่อการเพ่งพิสูจน์ของโมฆบุรุษเหล่านั้น ;
โมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียน ธรรมด้วยการเพ่งหาข้อบกพร่อง (ของธรรมหรือของลัทธิใดลัทธิหนึ่ง) และมีความ
คิดที่จะใช้เป็นเครื่องทำลายลัทธิใดลัทธิหนึ่งเป็นอานิสงส์. ผู้รู้ทั้งหลาย เล่าเรียน ปริยัติธรรม เพื่อคุณประโยชน์อันใด,
โมฆบุรุษเหล่านั้น หาได้รับคุณประโยชน์ อันนั้นแห่งธรรมไม่ ; ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ก็เลยเป็นธรรมที่โมฆบุรุษเหล่านั้น
ถือเอาไม่ดี เป็นไปเพื่อความไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่เขาเหล่านั้น ตลอดกาลนาน. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะความที่ธรรมทั้งหลาย อันโมฆบุรุษ เหล่านั้นถือเอาไม่ดีเป็นเหตุ แล.
_________________________________________________________
อลคัททูปมสูตร มู.ม. ๑๒/๒๗๘/๒๖๗ ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน.
การเพ่งพิสูจน์ในที่นี้ หมายถึงเพ่งโทษ หรือเพ่งจับผิดรวมอยู่ด้วย.
ว่าด้วยการหละหลวมในธรรม(ปริยัติที่เป็นงูพิษ)
พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น ครั้นเล่าเรียน ธรรมนั้น ๆ แล้ว ไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา.
เมื่อไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความด้วยปัญญา ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมไม่ทน ต่อการเพ่งพิสูจน์ ของโมฆบุรุษเหล่านั้น;
พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียน ธรรมด้วยการเพ่งหาข้อบกพร่อง (ของธรรมหรือของลัทธิใดลัทธิหนึ่ง) และ
มีความคิดที่จะใช้เป็นเครื่องทำลายลัทธิใดลัทธิหนึ่ง เป็นอานิสงส์. ผู้รู้ทั้งหลาย เล่าเรียนพระปริยัติธรรม เพื่อคุณประโยชน์อันใด,
พวกโมฆบุรุษ เหล่านั้น หาได้รับคุณประโยชน์อันนั้นแห่งธรรมไม่, ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ก็เลยเป็นธรรมที่โมฆบุรุษเหล่านั้น
ถือเอาไม่ดี เป็นไปเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่เขาเหล่านั้นตลอดกาลนาน. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะ ความที่ธรรมทั้งหลายอันโมฆบุรุษเหล่านั้นถือเอาไม่ดีเป็นเหตุ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความต้องการใคร่จะได้งู
เที่ยวเสาะแสวงงูอยู่, บุรุษนั้น ครั้นเห็นงูตัวใหญ่ก็เข้าจับงูนั้นที่ตัวหรือที่หาง,
อสรพิษตัวนั้น ก็จะพึงกลับฉกเอามือหรือแขนหรืออวัยวะแห่งใดแห่งหนึ่งของบุรุษนั้น;
บุรุษนั้น ก็จะตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย
เพราะการฉกเอาของ อสรพิษนั้นเป็นเหตุ. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะความที่บุรุษนั้นจับงูไม่ดี (คือไม่ถูกวิธี) เป็นเหตุ, ข้อนี้ฉันใด ;
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษบางพวกในกรณีนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน, เขา
เล่าเรียนปริยัติธรรม (นานาชนิด) คือ สุตตะ ฯลฯ เวทัลละ,
พวกโมฆบุรุษเหล่านั้น ครั้นเล่าเรียนธรรมนั้น ๆ แล้ว ไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้น ด้วยปัญญา
เมื่อไม่สอดส่องใคร่ครวญเนื้อความด้วยปัญญา ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมไม่ทนต่อการเพ่งพิสูจน์ของโมฆบุรุษเหล่านั้น ;
โมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียน ธรรมด้วยการเพ่งหาข้อบกพร่อง (ของธรรมหรือของลัทธิใดลัทธิหนึ่ง) และมีความ
คิดที่จะใช้เป็นเครื่องทำลายลัทธิใดลัทธิหนึ่งเป็นอานิสงส์. ผู้รู้ทั้งหลาย เล่าเรียน ปริยัติธรรม เพื่อคุณประโยชน์อันใด,
โมฆบุรุษเหล่านั้น หาได้รับคุณประโยชน์ อันนั้นแห่งธรรมไม่ ; ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ก็เลยเป็นธรรมที่โมฆบุรุษเหล่านั้น
ถือเอาไม่ดี เป็นไปเพื่อความไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่เขาเหล่านั้น ตลอดกาลนาน. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะความที่ธรรมทั้งหลาย อันโมฆบุรุษ เหล่านั้นถือเอาไม่ดีเป็นเหตุ แล.
_________________________________________________________
อลคัททูปมสูตร มู.ม. ๑๒/๒๗๘/๒๖๗ ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน.
การเพ่งพิสูจน์ในที่นี้ หมายถึงเพ่งโทษ หรือเพ่งจับผิดรวมอยู่ด้วย.