วันที่สาม เช่ารถมอเตอร์ไซด์ อำเภอเมืองประจวบ-หาดวนกร
วันที่สี่ เช่ารถมอเตอร์ไซด์ หาดวนกร-อำเภอเมืองประจวบ
รถตู้ ประจวบคีรีขันธ์-หัวหิน
รถไฟฟรี หัวหิน-กรุงเทพมหานคร
(แค่วางแผนเห็นแล้วแอบเหนื่อย 555)
#08/07/2558
เหมือนเคย Tip กับคุณชายออกเดินทางด้วยรถไฟฟรีขบวน 134 ขอนแก่นปลายทางกรุงเทพมหานคร ตามกำหนดการรถออกเวลา 20.45 น.ถึงเวลา 05.32 น.
บรรยากาศในรถไฟก็เดิมๆ หรืออาจเป็นเพราะนั่งสายนี้บ่อยจนชิน เลยเล่นเกมสักพักแล้วก็หลับไป
#09/07/2558
เอาเข้าจริงรถไฟไทยไม่เคยทำให้ผิดหวัง รถเทียบชานชาลาขอนแก่น 22.10 น. ถึงเวลา 07.50 น. ถึงแล้วก็เดินออกไปยืนรอรอเมล์สาย7 เพื่อไปลงที่สถานีวงเวียนใหญ่ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเมื่อหาข้อมูลจึงรู้ว่าสถานีวงเวียนใหญ่เป็นสถานีท้องถิ่นที่วิ่งไปยังมหาชัย แยกวงเวียนมีหลายแยกมาถึงก็ตาลาย ตามประสาบ้านนอกเข้ากรุง อาศัยถามทางไปเรื่อยๆ คือแบบตรงที่ตั้งของสถานีถ้าไม่สังเกตดีๆจะมองไม่เห็นเลย แต่สุดท้ายก็มาจนได้ ได้รถรอบ 09.45 น. ซึ่งรถไฟออกจากที่นี่ค่อนข้างตรงเวลา (เพราะเป็นสถานีต้นทาง) ผู้โดยสารในขบวนมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ อีกทั้งคนในท้องถิ่น
ภาพถ่ายจากบนสถานีวงเวียนใหญ่ บรรยากาศของที่นี่ก็จะเป็นชุมชนเก่าที่ค่อนข้างแออัดนิดนึง
รถไฟขบวนนี้ก็จะผ่านตลาดพลูด้วย ดูๆแล้วได้บรรยาาศสมัยก่อน
เผลอแปปเดียวประมาณเกือบๆชั่วโมงก็เดินทางมาถึงสถานีมหาชัย
ตรงสถานีก็จะมีตลาดอยู่สองข้างทางของรางรถไฟ อารมณ์คล้ายๆตลาดร่มหุบ
สายนี้ที่ตลาดมหาชัยคนยังคงคึกคักหนาแน่น
ด้วยความเป็นบ้านนอก Tipและคุณชายเลยตกตะลึงในความสด ถูกของอาหารทะเลที่มหาชัย จนลืมตัวกันเผลอเอ่ยปากชวนกันว่าคืนนี้จะค้างกันที่นี่จะนอนกินอาหารทะเลให้พุงกางกันไปเลย ระหว่างเดินน้ำลายไหล Tip ก็รีบลงมือหาที่พักทันที เนื่องจากอยู่นอกแผนการเลยต้องใช้เวลาในการค้นหา ระหว่างนั้นก็เดินไปเรื่อยๆจนมาถึงท่าเรือมหาชัย แป๊ปเดียวสติก็กลับมา ทำให้ระลึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายครั้งนี้อยู่ที่ไหน (จริงๆแล้วที่จะไปก็ทะเลนะ แต่เห็นแก่กินเลยลืมไปชั่วขณะ)
สติมาแล้วซื้อตั๋วข้ามฝากในราคา 3 บาท เพื่อไปยังท่าฉลอม คนในพื้นที่ตรงนี้ข้ามไปมาเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะแก็งค์รถมอเตอร์ไซด์ขี่รถขึ้นเรือแบบบ่ยั่น (ไม่กลัว) ทั้งๆที่เรือยังจอดเทียบท่าไม่เสร็จเลย
ถึงแล้วท่าฉลอม พอข้ามมาปุ๊บเลยทำให้นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาทันทีเป็นเพลงที่คุณชายชอบร้อง (หน้าบ้านๆยังชอบเพลงเชยอีก 55)
บรรยากาศของฝั่งท่าฉลอมจะแตกต่างจากมหาชัยโดยสิ้นเชิงที่นี่คนจะน้อย และส่วนใหญ่จะมีแต่อาหารแปรรูปขาย อย่างเช่น หมึกแห้ง ปลาเส้น ปลาอินทรีย์ตากแห้ง จะว่าไปก็หอมตุๆดีเหมือนกัน และที่นี่ก็จะมีหนุ่มต่างชาติ (เมียนมาร์) ที่จ้องมองเราด้วยตาเป็นมัน
ระหว่างนั้นก็จะมีชาวบ้านคอยถามเราว่าจะไปไหน Tip บอกว่าจะไปวัดบ้านแหลม จะไปขึ้นรถไฟไป ชาวบ้านอุตส่าห์บอกว่าช่วงนี้รถไฟปิดซ่อม ไอ้เราก็ยังดื้อกันไม่เป็นไรค่ะขอเดินไปดู สุดท้ายหอบรับประทานแถมด้วยอาบเหงื่ออีกคนละเปียกใหญ่ ไม่มีรถไฟ ไม่มีอะไร และต้องแบกหน้าเดินผ่านชาวบ้านที่เค้าหวังดีข้ามฟากกลับไปมหาชัย
#เกร็ดความรู้นิดนึง
ถ้าจะไปวัดบ้านแหลม จะหมายถึงวัดบ้านแหลมที่อยู่ฝั่งท่าฉลอม ซึ่งเป็นคนละวัดกันกับหลวงพ่อบ้านแหลม (วัดเพชรสมุทรวรวหาร) อยู่ที่แม่กลอง
จากวัดบ้านแหลมท่าฉลอม ถ้าเดินทะลุวัดไปก็จะถึงสถานีรถไฟที่จะไปตลาดร่มหุบ และสามารถเดินไปต่อที่วัดหลวงพ่อบ้านแหลมได้ แต่ในระยะนี้ (กรกฎาคม 2558) รถไฟได้ทำการปิดปรับปรุงชั่วคราว
เมื่อไม่ได้ไปรถไฟ ก็ต้องมาหารถไปแม่กลอง สุดท้ายก็ได้รถตู้มหาชัย - แม่กลอง ท่ารถอยู่แถวๆตลาด ค่ารถโดยสารคนละ 30 บาท เหนื่อยกับรถไฟมาทั้งคืนขึ้นรถตู้เจอแอร์ หลับสิครับท่าน
และแล้วก็มาถึงได้ทำตามความตั้งใจนั่นคือการไปกราบนมัสการหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ระหว่างเดินจากท่ารถต้องผ่านตลาด แน่นอนว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่เลยแวะฝากท้องกับร้านก๋วยเตี๋ยวในตลาดสักหน่อยให้พอมีแรงเดินต่อไป
หลังจากอยากมานานในที่สุดก็สมใจอยาก แถมวันนี้คนน้อยมากเลยได้เข้ามาถึงในอุโบสถ (ชดเชยเมื่อสามปีก่อนที่เบียดคนเข้ามาไม่ได้)
และแล้วก็ต้องทำเวลาเพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดราชบุรี
เป็นรถมินิบัสแม่กลอง-ราชบุรี ที่มีแอร์ธรรมชาติ ราคาค่าโดยสารคนละ 34 บาท
Tip รีบแจ้งคุณลุงคนขับว่าหนูอยากไปให้ทันรถไฟรอบ 14.25 น. คุณลุงก็บอกว่าอาจจะถึงประมาณ 15.30 น. เราเลยแอบบ่นกันสองคน (ให้คุณลุงได้ยิน) จะทันไหมถ้าไม่ทันจะทำไงดี (น่าสงสารเข้าไว้)
เราเลือกที่นั่งแถวยาวหลังสุดจะได้มีที่ไว้ของและไว้ขา
แอร์เย็นมากมาจากทุกทิศทุกทาง (รูปแอบซกมกนั่งรถไฟต่อรถนั่นนี่ น้ำยังไม่ได้อาบ)
ถึงราชบุรีเรารีบถามคนขับว่าต่อรถไปสถานีรถไฟไปอย่างไร ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อคุณลุงมีน้ำใจมากยอมขับรถเลยจุดจอดมาส่งเราที่หอนาฬิการาชบุรี เดินไปอีกสามร้อยเมตรก็ถึงสถานีรถไฟ #ซึ้งใจน้ำใจของคุณลุงมาก
อีกห้านาทีใกล้ถึงเวลารถออก Tip และคุณชายรีบจ้ำอ้าวเดินไปให้ทัน สุดท้ายก็มีเรื่องที่ไม่เกินคาดหมายรถ Delay ตอนนี้ (14.30 น.) ยังไม่ออกจากนครปฐม เจ้าหน้าที่บอกว่ารถไคาดว่าจะมาถึงราวๆสี่โมงเย็น ทำไงดีของฟรีก็ต้องรอกันไป จะให้นั่งรอเหมือนชาวบ้านก็กระไรๆ หาของกินดีกว่า
ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ ใกล้สถานีรถไฟ รสชาติพอได้ แต่ราคาโดนใจสองอย่าง 30 บาท
เริ่มสับสนตกลงว่าคุณชาย หรือยาจก
เห็นรูปนี้แล้วแอบชอบ สุขนิยม แต่กระผม สุขคละทุกข์นิยม 55
รถไฟมาจริงๆราว 16.07 น. คาดว่าถึงประจวบฯราวๆ สองทุ่มกว่าๆ ระหว่างนั้นทำอะไร เหนื่อยมาทั้งวัน กินอิ่มแล้ว นอนสขอรับท่าน
ถึงประจวบฯสามทุ่มนิดๆ (จงอย่าคาดหวังคำว่าตรงเวลากับรถไไทย) คืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรมยุติชัย
เป็นโรงแรมใกล้สถานีรถไฟ ใกล้ตลาด ร้านสะดวกซื้อ อีกทั้งราคาห้องถูกมีตั้งแต่ร้อยกว่าบาทยันห้าร้อย เลือกได้หลายแบบ
เตียงเดี่ยวห้องน้ำในตัว 300 บาท
แม้ตลาดจะอยู่ใกล้ที่พักแต่ด้วยความที่มาเที่ยวทะเล ก็เลยอยากได้บรรยากาศริมทะเล จัดการเช่าจักรยานคันละ 50 ต่อวัน แต่ด้วยคืนนี้เรามาถึงดึกเลยได้จักรยานเป็นของแถมสองคัน
สองแบบสองสไตล์
ชอบบรรยากาศยามค่ำคืนที่นี่มากเป็นเมืองที่เงียบสงบโอบล้อมไปด้วยภูเขาและทะเล มองออกไปไกลๆเห็นเรือชาวประมงมีไฟส่องระยิบระยับมองดูแล้วก็รู้สึกดี ปั่นจักรยานกินลมชมวิวไปได้สักพัก แน่นอนต้องทำเรื่องใหญ่สุดตามเคย นั่นคือการกิน ปั่นไปปั่นมามองดูผู้คนเลยหยุดแวะร้านหนึ่ง จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว
อาหารริมทะเลมื้อแรก กุ้งชุบแป้งทอด หอยแครงลวก ต้มยำกุ้ง 360 บาท รู้สึกสบายอกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกดินเนอร์ริมทะเล บรรยากาศสบายๆ
#จบทริปค่ำคืนวันที่สอง
T(R)IP TEAW THAI "นั่งรถไฟจากอีสานไปหาดวนกร"
หลังจากต้นเดือนกรกฎาคม 2558 ได้นั่งวีออสเที่ยวสุโขทัย พิษณุโลก เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์กับเพื่อนๆมาแล้ว 3 วัน 2 คืน โดยรวมถือว่าสนุก แต่มันยังเหมือนขาดอะไรแบบว่ายังไม่สุด ยังเหนื่อยไม่พอ
เมื่อเดินทางกลับถึงขอนแก่นก็เริ่มมองหาเป้าหมายที่จะไป คอนเซ็ป คือ ต้องลุย ต้องลำบาก ต้องสาหัส เพราะ Tip เชื่อเสมอมาว่า "การเดินทางไม่ได้สำคัญที่ปลายทาง ระหว่างทางต่างหากที่สำคัญ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางจะก่อให้เกิดความทรงจำตลอดไป" (ก็แหงล่ะไปแต่ละทีสาหัส สากรรจ์) หลังจากอ่านกระทู้หาข้อมูลก็ไปสะดุดที่กระทู้พันเดียวก็เที่ยวได้ เลยกะจะลองเลียนแบบบ้าง หลังจากกลับมานอนขอนแก่นได้หนึ่งคืน ก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ โดยมีเป้าหมายคือหาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยยานพาหนะที่มีมาเนินนานหลายยุคหลายสมัยนั่นคือ "รถไฟไทย" ของคู่บ้านคู่เมือง
รถไฟฟรี วงเวียนใหญ่-มหาชัย
เรือข้ามฟาก ท่ามหาชัย-ท่าฉลอม
รถไฟฟรี วัดแหลม-แม่กลอง
เรือข้ามฟาก ท่าฉลอม-ท่ามหาชัย
รถตู้ มหาชัย-แม่กลอง
รถประจำทาง แม่กลอง-ราชบุรี
รถไฟฟรี ราชบุรี-ประจวบคีรีขันธ์
รถตู้ ประจวบคีรีขันธ์-หัวหิน
รถไฟฟรี หัวหิน-กรุงเทพมหานคร
(แค่วางแผนเห็นแล้วแอบเหนื่อย 555)
#08/07/2558
เหมือนเคย Tip กับคุณชายออกเดินทางด้วยรถไฟฟรีขบวน 134 ขอนแก่นปลายทางกรุงเทพมหานคร ตามกำหนดการรถออกเวลา 20.45 น.ถึงเวลา 05.32 น.
บรรยากาศในรถไฟก็เดิมๆ หรืออาจเป็นเพราะนั่งสายนี้บ่อยจนชิน เลยเล่นเกมสักพักแล้วก็หลับไป
#09/07/2558
เอาเข้าจริงรถไฟไทยไม่เคยทำให้ผิดหวัง รถเทียบชานชาลาขอนแก่น 22.10 น. ถึงเวลา 07.50 น. ถึงแล้วก็เดินออกไปยืนรอรอเมล์สาย7 เพื่อไปลงที่สถานีวงเวียนใหญ่ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเมื่อหาข้อมูลจึงรู้ว่าสถานีวงเวียนใหญ่เป็นสถานีท้องถิ่นที่วิ่งไปยังมหาชัย แยกวงเวียนมีหลายแยกมาถึงก็ตาลาย ตามประสาบ้านนอกเข้ากรุง อาศัยถามทางไปเรื่อยๆ คือแบบตรงที่ตั้งของสถานีถ้าไม่สังเกตดีๆจะมองไม่เห็นเลย แต่สุดท้ายก็มาจนได้ ได้รถรอบ 09.45 น. ซึ่งรถไฟออกจากที่นี่ค่อนข้างตรงเวลา (เพราะเป็นสถานีต้นทาง) ผู้โดยสารในขบวนมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ อีกทั้งคนในท้องถิ่น
ภาพถ่ายจากบนสถานีวงเวียนใหญ่ บรรยากาศของที่นี่ก็จะเป็นชุมชนเก่าที่ค่อนข้างแออัดนิดนึง
รถไฟขบวนนี้ก็จะผ่านตลาดพลูด้วย ดูๆแล้วได้บรรยาาศสมัยก่อน
เผลอแปปเดียวประมาณเกือบๆชั่วโมงก็เดินทางมาถึงสถานีมหาชัย
ตรงสถานีก็จะมีตลาดอยู่สองข้างทางของรางรถไฟ อารมณ์คล้ายๆตลาดร่มหุบ
สายนี้ที่ตลาดมหาชัยคนยังคงคึกคักหนาแน่น
ด้วยความเป็นบ้านนอก Tipและคุณชายเลยตกตะลึงในความสด ถูกของอาหารทะเลที่มหาชัย จนลืมตัวกันเผลอเอ่ยปากชวนกันว่าคืนนี้จะค้างกันที่นี่จะนอนกินอาหารทะเลให้พุงกางกันไปเลย ระหว่างเดินน้ำลายไหล Tip ก็รีบลงมือหาที่พักทันที เนื่องจากอยู่นอกแผนการเลยต้องใช้เวลาในการค้นหา ระหว่างนั้นก็เดินไปเรื่อยๆจนมาถึงท่าเรือมหาชัย แป๊ปเดียวสติก็กลับมา ทำให้ระลึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายครั้งนี้อยู่ที่ไหน (จริงๆแล้วที่จะไปก็ทะเลนะ แต่เห็นแก่กินเลยลืมไปชั่วขณะ)
สติมาแล้วซื้อตั๋วข้ามฝากในราคา 3 บาท เพื่อไปยังท่าฉลอม คนในพื้นที่ตรงนี้ข้ามไปมาเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะแก็งค์รถมอเตอร์ไซด์ขี่รถขึ้นเรือแบบบ่ยั่น (ไม่กลัว) ทั้งๆที่เรือยังจอดเทียบท่าไม่เสร็จเลย
ถึงแล้วท่าฉลอม พอข้ามมาปุ๊บเลยทำให้นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาทันทีเป็นเพลงที่คุณชายชอบร้อง (หน้าบ้านๆยังชอบเพลงเชยอีก 55)
บรรยากาศของฝั่งท่าฉลอมจะแตกต่างจากมหาชัยโดยสิ้นเชิงที่นี่คนจะน้อย และส่วนใหญ่จะมีแต่อาหารแปรรูปขาย อย่างเช่น หมึกแห้ง ปลาเส้น ปลาอินทรีย์ตากแห้ง จะว่าไปก็หอมตุๆดีเหมือนกัน และที่นี่ก็จะมีหนุ่มต่างชาติ (เมียนมาร์) ที่จ้องมองเราด้วยตาเป็นมัน
ระหว่างนั้นก็จะมีชาวบ้านคอยถามเราว่าจะไปไหน Tip บอกว่าจะไปวัดบ้านแหลม จะไปขึ้นรถไฟไป ชาวบ้านอุตส่าห์บอกว่าช่วงนี้รถไฟปิดซ่อม ไอ้เราก็ยังดื้อกันไม่เป็นไรค่ะขอเดินไปดู สุดท้ายหอบรับประทานแถมด้วยอาบเหงื่ออีกคนละเปียกใหญ่ ไม่มีรถไฟ ไม่มีอะไร และต้องแบกหน้าเดินผ่านชาวบ้านที่เค้าหวังดีข้ามฟากกลับไปมหาชัย
#เกร็ดความรู้นิดนึง
ถ้าจะไปวัดบ้านแหลม จะหมายถึงวัดบ้านแหลมที่อยู่ฝั่งท่าฉลอม ซึ่งเป็นคนละวัดกันกับหลวงพ่อบ้านแหลม (วัดเพชรสมุทรวรวหาร) อยู่ที่แม่กลอง
จากวัดบ้านแหลมท่าฉลอม ถ้าเดินทะลุวัดไปก็จะถึงสถานีรถไฟที่จะไปตลาดร่มหุบ และสามารถเดินไปต่อที่วัดหลวงพ่อบ้านแหลมได้ แต่ในระยะนี้ (กรกฎาคม 2558) รถไฟได้ทำการปิดปรับปรุงชั่วคราว
เมื่อไม่ได้ไปรถไฟ ก็ต้องมาหารถไปแม่กลอง สุดท้ายก็ได้รถตู้มหาชัย - แม่กลอง ท่ารถอยู่แถวๆตลาด ค่ารถโดยสารคนละ 30 บาท เหนื่อยกับรถไฟมาทั้งคืนขึ้นรถตู้เจอแอร์ หลับสิครับท่าน
และแล้วก็มาถึงได้ทำตามความตั้งใจนั่นคือการไปกราบนมัสการหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ระหว่างเดินจากท่ารถต้องผ่านตลาด แน่นอนว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่เลยแวะฝากท้องกับร้านก๋วยเตี๋ยวในตลาดสักหน่อยให้พอมีแรงเดินต่อไป
หลังจากอยากมานานในที่สุดก็สมใจอยาก แถมวันนี้คนน้อยมากเลยได้เข้ามาถึงในอุโบสถ (ชดเชยเมื่อสามปีก่อนที่เบียดคนเข้ามาไม่ได้)
และแล้วก็ต้องทำเวลาเพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดราชบุรี
เป็นรถมินิบัสแม่กลอง-ราชบุรี ที่มีแอร์ธรรมชาติ ราคาค่าโดยสารคนละ 34 บาท
Tip รีบแจ้งคุณลุงคนขับว่าหนูอยากไปให้ทันรถไฟรอบ 14.25 น. คุณลุงก็บอกว่าอาจจะถึงประมาณ 15.30 น. เราเลยแอบบ่นกันสองคน (ให้คุณลุงได้ยิน) จะทันไหมถ้าไม่ทันจะทำไงดี (น่าสงสารเข้าไว้)
เราเลือกที่นั่งแถวยาวหลังสุดจะได้มีที่ไว้ของและไว้ขา
แอร์เย็นมากมาจากทุกทิศทุกทาง (รูปแอบซกมกนั่งรถไฟต่อรถนั่นนี่ น้ำยังไม่ได้อาบ)
ถึงราชบุรีเรารีบถามคนขับว่าต่อรถไปสถานีรถไฟไปอย่างไร ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อคุณลุงมีน้ำใจมากยอมขับรถเลยจุดจอดมาส่งเราที่หอนาฬิการาชบุรี เดินไปอีกสามร้อยเมตรก็ถึงสถานีรถไฟ #ซึ้งใจน้ำใจของคุณลุงมาก
อีกห้านาทีใกล้ถึงเวลารถออก Tip และคุณชายรีบจ้ำอ้าวเดินไปให้ทัน สุดท้ายก็มีเรื่องที่ไม่เกินคาดหมายรถ Delay ตอนนี้ (14.30 น.) ยังไม่ออกจากนครปฐม เจ้าหน้าที่บอกว่ารถไคาดว่าจะมาถึงราวๆสี่โมงเย็น ทำไงดีของฟรีก็ต้องรอกันไป จะให้นั่งรอเหมือนชาวบ้านก็กระไรๆ หาของกินดีกว่า
ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ ใกล้สถานีรถไฟ รสชาติพอได้ แต่ราคาโดนใจสองอย่าง 30 บาท
เริ่มสับสนตกลงว่าคุณชาย หรือยาจก
เห็นรูปนี้แล้วแอบชอบ สุขนิยม แต่กระผม สุขคละทุกข์นิยม 55
รถไฟมาจริงๆราว 16.07 น. คาดว่าถึงประจวบฯราวๆ สองทุ่มกว่าๆ ระหว่างนั้นทำอะไร เหนื่อยมาทั้งวัน กินอิ่มแล้ว นอนสขอรับท่าน
ถึงประจวบฯสามทุ่มนิดๆ (จงอย่าคาดหวังคำว่าตรงเวลากับรถไไทย) คืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรมยุติชัย
เป็นโรงแรมใกล้สถานีรถไฟ ใกล้ตลาด ร้านสะดวกซื้อ อีกทั้งราคาห้องถูกมีตั้งแต่ร้อยกว่าบาทยันห้าร้อย เลือกได้หลายแบบ
เตียงเดี่ยวห้องน้ำในตัว 300 บาท
แม้ตลาดจะอยู่ใกล้ที่พักแต่ด้วยความที่มาเที่ยวทะเล ก็เลยอยากได้บรรยากาศริมทะเล จัดการเช่าจักรยานคันละ 50 ต่อวัน แต่ด้วยคืนนี้เรามาถึงดึกเลยได้จักรยานเป็นของแถมสองคัน
สองแบบสองสไตล์
ชอบบรรยากาศยามค่ำคืนที่นี่มากเป็นเมืองที่เงียบสงบโอบล้อมไปด้วยภูเขาและทะเล มองออกไปไกลๆเห็นเรือชาวประมงมีไฟส่องระยิบระยับมองดูแล้วก็รู้สึกดี ปั่นจักรยานกินลมชมวิวไปได้สักพัก แน่นอนต้องทำเรื่องใหญ่สุดตามเคย นั่นคือการกิน ปั่นไปปั่นมามองดูผู้คนเลยหยุดแวะร้านหนึ่ง จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว
อาหารริมทะเลมื้อแรก กุ้งชุบแป้งทอด หอยแครงลวก ต้มยำกุ้ง 360 บาท รู้สึกสบายอกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกดินเนอร์ริมทะเล บรรยากาศสบายๆ
#จบทริปค่ำคืนวันที่สอง