เคยถามตัวเองไหม? แรงบันดาลใจในการเรียนของตัวเองมาจากไหน บางคนเลือกเรียนตามเพื่อนหรือเรียนตามความต้องการของพ่อแม่ บางคนเลือกเรียนตามความฝัน บางคนเลือกเรียนตามความถนัด และบางคนก็เลือกเรียนตามคนที่ตัวเองชื่นชอบ  หรือ “ไอดอล” เช่นเดียวกับน้องนิคที่เลือกเรียนในสายวิศวะฯ ไฟฟ้า เหมือนผู้เป็นพ่อ
     น้องนิค ชาติศิริ ศิริกุล  จบมัธยมต้นจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี ปัจจุบัน อยู่ ปวช. 2 โรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (วทอ.) สาขาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์



     เท้าความว่าทำไม น้องนิคถึงได้เลือกเรียนสายนี้ น้องนิคเล่าให้ฟังว่า “คุณพ่อจบวิศวะไฟฟ้าและทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้าอยู่แล้ว ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากเป็นวิศวกรไฟฟ้าเหมือนท่านบ้าง เลยเลือกที่จะเรียนสาขาไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์” แม้จะเลือกเรียนในสาขาเดียวกันกับคุณพ่อ ทว่าน้องนิคกลับเลือกเส้นทางที่แตกต่าง เพราะน้องเลือกเรียนในสาย “ช่าง” หรือสายอาชีวะ  พอสอบถามจึงได้คำตอบว่า“ที่เลือกเรียนสายอาชีวะเพราะรู้มาว่าเรียนแล้วได้เปรียบ การเรียนอาชีวะจะได้ลงมือปฏิบัติจริง ต่อยอดชีวิต ไม่ว่าในอนาคตจะทำงานหรือศึกษาต่อ ”

     น้องนิคเล่าต่อไปว่า “ตอนแรกที่ตัดสินใจจะเรียนอาชีวะ คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุน แต่มีข้อกังวลในเรื่องความปลอดภัยอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ได้อธิบายกับท่านว่าจริงๆ แล้ว นักเรียนอาชีวะที่ตีกันมันเป็นส่วนน้อยแต่มักจะเป็นข่าวดังเสมอ ซึ่งไม่ใช่ทุกที่จะเจอปัญหาแบบนี้ สถานศึกษาที่ผมเลือกเรียนก็ไม่มีปัญหาตีกัน การเรียนการสอนก็สนุก และผมมั่นใจว่าสิ่งที่เรียนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ไม่ได้แค่ท่องตำราไปวันๆ แน่นอน”
      
     “สำหรับการเรียนสาขาไฟฟ้า มีทั้งเรื่องตื่นเต้นและท้าทายอยู่ตลอด โดยเฉพาะเครื่องมือแปลกๆ ใหม่ๆ ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้สัมผัสกับเทคโนโลยีต่างๆ อย่างเช่น เครื่องออสซิลโลสโคป (oscilloscope) เป็นเครื่องวัดสัญญาณไฟฟ้า แสดงผลออกมาเป็นกราฟ และยังมีเครื่องฟังก์ชันเจนเนเรเตอร์ (Function Generator) เป็นเครื่องกำเนิดสัญญาณ อย่างไรก็ตามการเรียนในสาขานี้เราต้องเจอไฟฟ้าจริงๆ ก็ต้องระมัดระวัง และเชื่อฟังอาจารย์ ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด

     น้องนิคเล่าอย่างภาคภูมิใจต่อไปว่า “ผมเป็นนักเรียนทุนด้วยนะ เป็นทุนของมูลนิธิเอสซีจี ชื่อทุนฝีมือชน คนสร้างชาติผมว่ามันเท่มากเลย เพราะเป็นทุนการศึกษาที่ให้กับนักเรียนอาชีวะที่เรียนดี มีความประพฤติดี  นอกจากนี้ ทางมูลนิธิ ฯ เค้าก็ดูแลจัดกิจกรรมให้นักเรียนทุนอยู่ตลอด ทั้งกิจกรรมพัฒนาศักยภาพและกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และจิตอาสา โดยหลังจากได้ทุนแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือ “ตั้งใจเรียน” ซึ่งเป็นหน้าที่หลัก สำหรับน้องๆ ม.3 ที่อยากเรียนต่อด้านนี้และชอบปฏิบัติ มากกว่าเรียนแค่ทฤษฎี การเรียนสายช่างก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจนะครับ เพราะเรียนละจบมามีงานทำแน่นอน มาเป็นฝีมือชน คนสร้างชาติ ด้วยกันนะครับ”

     จะเห็นได้ว่าการเรียนแบบได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้ให้ “ฝีมือ” ติดตัวกับเรา สามารถทำอะไรได้ด้วยตนเอง เด็กอายุ 16 – 17 น้อยคนนัก ที่สามารถเดินสายไฟในอาคารได้ เดินสายไฟต่อพัดลม ต่อสวิตช์ได้ แถมสามารถนำ “ฝีมือ” ที่มีติดตัวเหล่านี้ไปสร้างรายได้ รวมถึงสามารถซ่อมแซมสิ่งของต่างๆภายในบ้านได้ ทำให้ช่วยพ่อแม่ลดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี



ปล.บทความนี้ น้องนิค ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ใน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.dek-d.com/activities/37369/ ถ้าอยากอ่านแบบละเอียดสามารถคลิกดูได้ที่ลิงค์