เทคนิคการเลือกซื้อพลอย

สวัสดีค่าา
เมื่อวันเสาร์มีโอกาสได้ไปเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการเลือกซื้อพลอยเบื้องต้นมาค่ะ

เลยอยากจะนำความรู้มาแบ่งปันเพื่อนๆชาวพันทิปที่สนใจ เผื่อมีใครจะไปซื้อเครื่องประดับที่มีพลอย จะได้มีความรู้ไว้ช่วยตัดสินใจนะคะ

ส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างสนใจในเครื่องประดับ แต่ที่ผ่านๆมาไม่กล้าซื้ออะไรที่แพงมาก เพราะกลัวจะโดนหลอก คราวนี้ได้มีความรู้ขึ้นมานิดหน่อย เลยดีใจมากค่ะ

ขั้นตอนการสมัครเข้าอบรม
1. โทรไปลงทะเบียนที่เบอร์ที่ระบุบนโปสเตอร์ (เราเห็นโปสเตอร์ตอนไปเดินช๊อปปิ้งค่ะ)
2. ไปตามวันและเวลาที่กำหนด หน้างานจะมีโต๊ะลงทะเบียนค่ะ
3. เซนต์ชื่อ และรับอุปกรณ์การเรียน

มีป้ายอบรมอยู่หน้าห้องค่ะ


ตอนเราไปถึงยังไม่ค่อยมีคนมาเลยค่ะ


แอบถ่ายอาจารย์ มานั่งรอแล้ว


มีขนมและกาแฟกับโอวัลตินเตรียมไว้ให้ด้วยค่ะ


มีชีทเรียนแล้วก็ดินสอให้ค่ะ


เริ่มเรียนกันเลยดีกว่าค่ะ

คุณสมบัติหลักๆของอัญมณีก็คือ ความสวยงาม ความคงทน ความหายาก และก็ความนิยมค่ะ

การประเมินราคาของอัญมณีแต่ละเม็ดนั้น ขึ้นอยู่กับ 4C's ค่ะ
1. สี (Color)
2. ความสะอาด (Clarity)
3. การเจียระไน (Cutting)
4. น้ำหนัก (Carat weight)

ในเรื่องของสีนั้น มีปัจจัยหลายอย่างค่ะ เช่น สีของตัวพลอย สีของแสงอาทิตย์ หรือสีของหลอดไฟต่างๆค่ะ
การดูพลอยให้สวยควรจะดูผ่านแสงธรรมชาติค่ะ

เรื่องของความสะอาด แบ่งเป็น 2 ชนิดค่ะ
ตำหนิภายนอก และ ตำหนิภายใน
ตำหนิภายนอกก็คือเราจับแล้วรู้ค่ะ มองเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า แต่ไม่ได้มีผลต่อความแข็งแรงของพลอย เพราะว่ามันสามารถถูกขัดออกไปได้
ส่วนตำหนิภายในนั้น มักเกิดจากการเจริญเติบโตของพลอย มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือผ่านกล้องขยายค่ะ

การวัดเกรดความสะอาดของพลอยนั้นจะแตกต่างจะเพชรค่ะ
หลักๆจะแบ่งเป็น 3 ประเภท
1. เนื้อพลอยสะอาด ไม่มีตำหนิเลย
2. พลอยมีตำหนิที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้กล้องขยาย 10 เท่า
3. พลอยมีตำหนิที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าค่ะ

การให้เกรดไล่จากสะอาดมากจนมีรอยชัดมากค่ะ
C = Clean
LI1 - LI2 = Lightly Included
MI1 - MI2 = Moderately Included
VI1 - VI2 = Visibly Included
HI = Heavily Included

นอกจากความสะอาดและการชักเงาของพลอยแล้ว การเจียระไนก็มีส่วนสำคัญในการเล่นแสงของพลอยด้วย ยิ่งเจียรได้ถูกมุม ถูกองศา และได้สัดส่วน พลอยก็จะยิ่งมีความแวววาวมากขึ้น

รูปแบบการเจียรของพลอยนั้นมีหลายชนิดค่ะ

ขออนุญาติยืมรูปมาใช้นะคะ

หน่วยของพลอยคิดเป็นกะรัต Carat (ct.) ค่ะ โดย 1 กะรัต เท่ากับ 0.2 กรัมค่ะ
ส่วนหน่วยของทองจะเป็น Karat หรือที่เราเรียกกันว่าทอง K ค่ะ

มาถึงเรื่องชนิดของพลอยกันบ้างค่ะ

พลอยชนิดหลักๆเลยคือพลอยตระกูลคอรันดัมค่ะ (Corundum)
ประกอบไปด้วย พลอยประเภท แซฟไฟร์ Sapphire มีหลากสีมากค่ะ ทั้งขาว น้ำเงิน เหลือง แดง เขียว ชมพู ม่วง ส้ม และอื่นๆ



สีขาวนั้น เราเรียนกันว่า White Sapphire ค่ะ เป็นคอรันดัมบริสุทธิ์ ไม่มีธาตุอื่นๆเจือปน
สีน้ำเงิน เรารู้จักกันในนาม ไพลิน หรือ นิลกาฬค่ะ (Blue Sapphire)
สีแดง เรารู้จักกันในนาม ทับทิม (Ruby)
สีเหลือง เราเรียกกันว่า บุษราคัม (Yellow Sapphire)
สีเขียว เรียกว่า เขียวส่อง (Green Sapphire)
และยังมีปรากฎการณ์อีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า Star Sapphire หรือมีรูปดาวปรากฎอยู่บนพลอยค่ะ


พลอยตระกูลนี้มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 9 ซึ่งน้อยกว่าเพชรเพียง 1 ระดับ

ทับทิมเป็นพลอยประจำเดือนเกิด กรกฎาคม
ทับทิมในภาษาสันสกฤตโบราณ หมายถึง เจ้าแห่งอัญมณีทั้งปวง และยังถูกขนานนามให้เป็นอัญมณีแห่งราชาอีกด้วย
โดยทับทิมสีแดงสดเข้ม จะมีราคาสูงสุด
ทับทิมที่หายากที่สุดคือ สีแดงเลือดนกพิราบ (Pigeon's blood)
ทับทิมคุณภาดี สีจะไม่มืดคล้ำ ไม่ควรติดสีส้มหรือม่วงมากเกินไป ควรเลือกที่มีสีเต็มเม็ด และมีประกายไฟดี
ในเรื่องของความสะอาดนั้น ทับทิมที่ไม่มีตำหนิเลย ไม่ปรากฎอยู่ในตลาด
ส่วนใหญ่เนื้อจะขุ่นและมีตำหนิมาก


ไพลินเป็นพลอยประจำเดือนเกิดกันยายน
บางประเทศนิยมใช้ไพลินเป็นแหวนหมั้น เพราะเป็นสัญลักษณ์ของรักที่ มั่นคง นิรันดร์
แหล่งไพลินคุณภาพดีได้แก่ ไทย กัมพูชา ซีลอน ออสเตรเลีย แคชเมียร์ มาดากัสการ์
ควรเลือกไพลินที่มีสีเข้มจัดสดใส ไม่คล้ำจนมืด หรือติดสีเทาหรือสีเขียว
ไพลินที่มีราคาสูงคือสีน้ำเงินสด ถึง อมม่วง
โดยทั่วไปไพลินจะสะอาดกว่าทับทิม
ตำหนิที่พบในไพลินได้แก่ ตำหนิเส้นเข็ม ตำหนิเส้นไหม ผลึก ตำหนิลายนิ้วมือ แถบสี และ หย่อมสี


การปรับปรุงคุณภาพของอัญมณีนั้นมีหลายแบบ ตั้งแต่การเผา การซ่านสี การอุดแก้ว
การตรวจหาร่องรอยของการเผานั้น ดูได้ด้วยกล้อง
เราจะสามารถมองเห็นการหลอมละลายของตำหนิได้
ภาพก่อนและหลังการเผา


การซ่านสีคือการใส่สีลงไปในขณะที่เผา แต่จะทำให้สีติดเฉพาะส่วนตื้นๆของพลอย

การปรับปรุงคุณภาพขั้นสูงด้วยความร้อน จะทำให้พลอยมีสีที่สว่างสดใสมากขึ้น แต่ผลลัพธ์อาจจะไม่ถาวร

ก่อนและหลังการปรับปรุงคุณภาพพลอย


ธาตุที่ใช้ในการปรับปรุงพลอยหลักๆคือ เบริลเลี่ยม และ Chrysoberyl ซึ่งได้มาจากการบดอัญมีชนิดนั้น

การอุดทับทิมด้วยแก้วตะกั่ว จะทำให้ความสะอาดของทับทิมดีขึ้น แต่จะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างเช่น ฟองอากาศ เส้นใยสีน้ำเงินหรือสีส้ม
แต่หากนำไปจุ่มในโซดาไฟ จะทำให้ทับทิมกลับคืนสู่สภาพเดิม



โคลัมเบียจัดเป็นแหล่งผลิตคุณภาพมรกตที่ดีที่สุดในโลก
โดยสีจะเข้ม สด สวยและสะอาด
มรกตคุณภาพดีที่น้ำหนักมากกว่า 2 กะรัต จะมีราคาสูงถึง 30,000 เหรียญต่อกะรัต
ประเทศอื่นๆที่เป็นแหล่งมรกตคือ แซมเบีย บราซิล และ ซิมบับเว

สีที่นิยมที่สุดคือสีเขียวน้ำเงิน และ เขียวสด
ตามทฤษฎี มรกตโคลัมเบียจะมีสีเขียวเข้มและบริสุทธิ์ ในขณะที่มรกตแซมเบียจะออกโทนเขียวน้ำเงิน
โดยทั่วไปแล้ว มรกตจะมีตำหนิที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดพลอย แต่ไม่ควรชัดเจนจนบดบังความโปร่งใส

มรกตนั้นมีความบอบบางเนื่องจะมีรอยแตกค่อนข้างเยอะ การเจียรไนจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษรวมถึงการใช้งานด้วย
รูปแบบการเจียรไนมักจะมีการตัดมุมเพื่อป้องกันการเสียหายเมื่อเข้าตัวเรือน



การชุบมรกตลงในน้ำมันนั้นเป็นเรื่องที่ทำกันโดยทั่วไป เพื่อป้องกันความเสียหายในการขนส่งมรกต โดยน้ำมันจะระเหยไปเองหลังจากชุบประมาณ 6 เดือน



การปรับปรุงคุณภาพของพลอยนั้นเป็นที่ยอมรับกันในหลายประเทศค่ะ โดยประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่โด่งดังในเรื่องการเผาพลอย จนทำให้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งส่งออกพลอยที่สำคัญที่สุดของโลกค่ะ

แต่การปรับปรุงพลอยด้วยธาตุชนิดต่างๆนั้น ยังมีความขัดแย้งกันอยู่บ้างในบางประเทศ ดังนั้น ก่อนซื้อหรือขายควรเช็คให้ดีนะคะเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาค่ะ

การดูพลอยปลอมแบบเบสิคคือ ให้ดูที่สีค่ะ ถ้าเม็ดไหนส่องแล้วเห็นสีเข้มชัดเจนตรงขอบพลอย เหมือนเวลาเราตัดเส้นขอบตอนวาดรูป ให้เดาว่าเป็นของปลอมค่ะ

ราคาของพลอยนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ
หลักๆก็ ขนาด ยิ่งเม็ดใหญ่ยิ่งหายากค่ะ

สี จริงๆขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่แล้วพลอยสีเข้มจะมีราคาสูงกว่าค่ะ

การเจียร ช่างเจียรส่วนใหญ่จะพยายามเจียรให้เก็บน้ำหนักพลอยให้ได้มากที่สุด ดังนั้นบางทีพลอยอาจจะเบี้ยวหรือไม่เป็นทรงสวย แต่ก็มีร้านค้าอีกหลายร้านที่ยอมเสียน้ำหนักเพื่อให้ได้พลอยที่มีคุณภาพ เล่นไฟ และทรงสวยค่ะ โดยที่พลอยเหล่านั้นอาจจะมีราคาสูงกว่าพลอยเม็ดใหญ่ทั่วๆไปค่ะ

การปรับปรุงคุณภาพ พลอยสวยๆที่ไม่ได้ผ่านการเผานั้น ราคาจะสูงมากๆๆ เพราะเป็นของหายากค่ะ ถ้าจะเปรียบเทียบก็คือ เหมือนผู้หญิงที่สวยแบบธรรมชาติโดยไม่ผ่านการศัลยกรรม ต่างจากพลอยที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพ จะมีราคาที่ถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัดค่ะ

แหล่งที่มา บางทีพลอยชนิดเดียวกัน แต่มาจากคนละประเทศ ราคาก็ต่างกันค่ะ

พลอยเนื้อแข็งมีตั้งแต่กะรัตละหลักร้อยถึงหลักล้านค่ะ ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่กล่าวมา ใครสนใจควรจะหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อนะคะ

การดูพลอยแท้พลอยปลอม ต้องอาศัยความชำนาญ แต่ปัจจุบันมีแลปที่ทุกคนสามารถนำพลอยไปเช็คได้ ดังนั้น ขอแนะนำว่าถ้าต้องการจะซื้อพลอยที่มีราคาสูง ควรมีใบเซอร์จากห้องแลปที่ได้มาตราฐานค่ะ

หลังจากเรียนทฤษฎีจบก็มีการให้ส่องกล้องพอเป็นน้ำจิ้มค่ะ



ถึงจะไม่แอ๊ดวานซ์ขนาดที่จะดูออกว่าพลอยจริงหรือปลอม แต่ก็ดูได้ที่ระดับนึงในเรื่องของการสังเกตุด้วยตาเปล่า หรือคุณภาพโดยรวมของพลอย ซึ่งก็นับว่าดีมากแล้วสำหรับการมาอบรมฟรีในครั้งนี้ค่ะ

นอกจากพลอยชนิดที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังมีพลอยอีกหลายชนิดที่ไม่ได้กล่าวถึง เนื่องจากเรียนเป็นคอร์สสั้นๆ ระยะเวลาแค่ 3 ชั่วโมงค่ะ
เนื้อหานอกจากพลอยแล้วยังมีเกี่ยวกับไข่มุกอีก ซึ่งยาวมากค่ะ ไว้โอกาสหน้าจะนำมาแบ่งปันให้เพื่อนๆที่สนใจได้อ่านกันนะคะ

โดยรวมแล้วการจัดงานถือว่าโอเคค่ะ มีคนเข้าร่วมเยอะ ที่นั่งเต็ม แต่สถานที่แอบรู้สึกว่าคับแคบไป มีเสาต้นใหญ่ๆบังด้วยค่ะ
แต่ก็ต้องขอบคุณจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์นะคะ ที่จัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ให้ลูกค้า
ใครที่สนใจ ลองติดต่อไปดูนะคะ เห็นว่าจะมีจัดอีก แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ค่ะ

หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังสนใจจะซื้อพลอยไม่มากก็น้อยนะคะ

ปล. รูปบางรูปถ่ายเอง แต่รูปที่เกี่ยวกับการเรียนยืมมาจากใน Google นะคะ
ขออนุญาติเจ้าของรูปทุกรูปมา ณ ที่นี้ด้วย หากรูปไหนมีลิขสิทธิ์ต้องการให้ลบ สามารถแจ้งได้เลยนะคะ จะรีบลบให้ค่ะ
ปล2. หากมีข้อมูลไหนที่ผิดพลาด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่