“ ผมชื่อหัตถากานต์ ยินดีอย่างยิ่งที่คุณทั้งสองมาเยี่ยมเยียนถึงที่นี่ ”
“ ผมชื่อบุญลือครับผม มีอะไรจะให้ผมรับใช้ผมก็ยินดีนะครับ ”
“ บ้านของคุณสวยจัง มองข้างนอกสวยแล้วได้เข้ามายิ่งสวยมาก ”
“ มันเป็นเรือนพักยามที่ผมได้ขึ้นมาพำนักที่นี่เท่านั้น ”
“ แสดงว่าคุณไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำ ”
เจ้าหัตถากานต์ยิ้มแต่สายตามองภควัตแทบไม่ละสายตาบุญลือรู้สึกว่าสายตาของหัตถากานต์ผู้นี้น่ากลัวนักแม้ใบหน้าที่ยิ้มละมัยแต่แววตาช่างดุดันเสียเหลือเกินไม่รู้ว่าภควัตจะรู้สึกเหมือนเขาไหม บุญลือยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูกที่นั่งคุยกับหัตถากานต์
“ ถ้าคุณชอบที่บ้านหลังนี้ก็ยินดีต้อนรับคุณทั้งสองเสมอ ”
“ ขอบคุณมากครับ ผมอาจจะมาเป็นแขกที่นี่บ่อยๆถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณกานต์และครอบครัวจนเกินไป ”
“ ผมไม่เคยคิดว่าเพื่อนมาเยือนเป็นการรบกวนแต่อย่างใด ”
“ แล้ว เอ่อ ภรรยาของคุณล่ะครับ ”
เจ้าหัตถากานต์ทรงพระสรวลเบาๆ
“ ผมอยู่ที่นี่กับน้องสาวของผมและบริวารเพียงกี่คนเท่านั้น ”
“ โอ ที่คุณกานต์ยังเป็นโสด ผมต้องขอโทษด้วยที่คิดว่าคุณมีภรรยาแล้ว ”
“ ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับน้องสาวของผม ”
เจ้าหัตถากานต์ตรัสแล้วหันไปรับสั่งให้นางกำนัลที่นั่งรอถวายการรับใช้ไปเชิญองค์นักขวราชออกมา
“ เจ้าไปเชิญน้องหญิงออกมาพบข้าบอกนางว่าข้ามีแขกคนสำคัญจะให้นางรู้จัก ”
แม้สรรพนามที่เจ้าหัตถากานต์รับสั่งกับนางกำนัลจะฟังดูเปร่งๆหูแต่ภควัตกับบุญลือก็ไม่ได้เฉลียวใจสงสัย ภควัตกับบุญลือดื่มน้ำหวานที่เจ้าของบ้านเลี้ยงรับรอง ความหอมหวานที่นุ่มชื่นในลำคออย่างที่สุดกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นของลูกไม้หรือผลไม้ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามันคือผลไม้ชนิดใดแต่รสชาติชวนดื่มเหลือเกิน ไม่นานน้องสาวของหัตถากานต์ก็เดินตามหญิงรับใช้สองคนออกมา ทั้งภควัตทั้งบุญลือและองค์นักขวราชต่างตกตะลึงที่ได้เห็นกันเพียงแต่อาการตะลึงของทั้งสามแตกต่างกันออกไป บุญลือนั้นตกตะลึงในความงามที่เขาถึงกับอุทานในใจว่า อุแม่เจ้าเอ๋ยน้องสาวของหัตถากานต์ช่างสะสวยงดงามเสียเหลือเกิน แต่ภควัตเขาจ้องมองนักขวราชเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่หนึ่งที่ใดมาก่อน สำหรับนักขวราชนั้นพระนางตื่นเต้นตกพระทัยอย่างไม่คาดคิดว่าจะทรงได้พบกับยอดดวงใจที่พระนางรอคอยมาอย่างยาวนาน พระพักต์ที่งามผุดผาดซีดเผือดจนเจ้าหัตถากานต์ที่ทอดพระเนตรอิริยาบถของทุกคนอย่างไม่ว่างพระเนตรยิ้มเยาะ
“ นักขวราช น้องมารู้จักเพื่อนใหม่ของพี่หน่อยสิ เขาชื่อว่า ภควัตเป็นเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าที่มาสร้างเขื่อนใกล้กับบ้านเรา ”
สุรเสียงที่ฟังดูนุ่มนวลนั้นองค์นักขวราชรู้ดีว่าพระนางถูกเจ้าพี่หยามเยาะเอาซึ่งหน้าแล้ว
“ สวัสดีครับยินดีที่รู้จักครับ ”
ภควัตบอก เขายิ้มให้เธอตามมารยาท นักขวราชลงนั่งข้างๆพี่ชายและยกมือไหว้ภควัตหากจิตใจของพระนางนั้นสั่นระริกต้องควบคุมความรู้สึกตื่นเต้นอย่างเต็มที่
เจ้าหัตถากานต์ปรายดวงเนตรมองพระนางอย่างสะใจ ภควัตพูดคุยกับพระองค์และนักขวราชอย่างธรรมดาและไม่นานเขาก็ลากลับไป
“ ฮ่า ๆๆๆ ”
เจ้าหัตถากานต์พระสรวลดังลั่นอย่างสาแก่พระทัย นักขวราชลุกขึ้นจะเดินหนี
“ เดี๋ยวสิ เจ้าจะรีบไปไหนเล่าเทวี หรือจะรีบไปแสดงอาการลิงโลดใจที่มันคับหัวอกจนอกจะแตกออกมา ”
“ เจ้าพี่ ”
น้ำพระเนตรไหลพรั่งพรูออกมาอย่างสุดที่จะสะกดกลั้น
“ ทำไม ตื่นเต้นดีใจจนร้องไห้เชียวหรือน้องพี่ ขนาดนั้นเชียวหรือ ”
“ ทำไม เจ้าพี่ต้องการอะไร ต้องการอะไร ”
ทรงสะอื้นจนร่างไหวเจ้าหัตถากานต์จ้องมองผู้ที่สะอึกสะอื้นอย่างทั้งรักทั้งแค้น
“ ต้องการอะไรอย่างนั้นหรือ นี่ไงชายคนรักของเจ้า ยอดดวงใจของเจ้า เขากลับมาแล้วไง ”
“ โหดร้าย หม่อนฉันไม่เคยเห็นใครจิตใจโหดร้ายได้เท่าเจ้าพี่ ”
“ โหดร้ายหรือ คนรักของเจ้ากลับมาแล้วไฉนมาว่าพี่โหดร้าย ความรักที่ยิ่งใหญ่ รักจนยอมทำลายเกียรติของนครทิพย์ แล้วเป็นอย่างไร การรอคอยของเจ้าสมหวังแล้วนี่ สมหวังใช่ไหม ”
นักขวราชเชิดพระพักต์ตรัสทั้งสะอื้น
“ ใช่ หม่อมฉันรัก รักเจ้าพี่นควัจ รักถึงแม้รู้ว่าพระองค์จะไม่มีวันเหมือนเดิม แต่ความรักของหม่อนฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่มีวัน ”
นักขวราชตรัสจบก็วิ่งหนีออกไปเจ้าหัตถากานต์กำพระหัตถ์แน่น เจ็บในอกแทบกระอัก ทำไมน้องรักจึงไร้ซึ่งจิตสำนึกเช่นนี้
****
ภควัตได้รับการติดต่อจากสรีดาว่าจะเดินทางมาร่วมงานอัญมณีแฟร์ที่เชียงใหม่แล้วจะเลยขึ้นมาหาเขาที่น่านโดยเธอจะเดินทางมากับเพื่อนสาวที่มาจากสิงคโปร์ด้วย
“ แฟนโทรมาหรือครับพอวางสายก็ยิ้มคนเดียว ”
“ เปล่าครับ ”
“ เปล่า แต่ท่าทางมันฟ้องนะ แหมแฟนโทรมาก็ไม่เห็นต้องปิดกันเลย หนุ่มรูปหล่ออย่างคุณมีแฟนแล้วถือเป็นเรื่องธรรมดา ”
“ ไม่ใช่แฟนจริงๆ เพื่อนน่ะ พอดีเขามาที่เชียงใหม่แล้วจะขึ้นมาหา ”
“ จริงหรือครับ แล้วมาเมื่อไหร่ล่ะครับ ”
“ คงถึงที่นี่พรุ่งนี้ตอนเย็น ผมต้องไปรับที่สถานีขนส่ง ”
“ แหมผมก็คิดว่าเป็นแฟนคุณโทรมา ความจริงรูปหล่อหน้าที่การงานดีอย่างคุณไม่น่าเชื่อนะว่าจะหัวใจยังว่าง ”
“ จะรีบไปทำไมล่ะครับ ผมยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ถึงเวลาที่จะคิดแบบนั้น ”
“ แหมฟังแล้วแปลกใจ คุณคิดว่าตัวเองยังไม่ถึงเวลาจะมีแฟน นี่ถ้าใครฟังเขาคงขำคุณตาย ดีไม่ดีจะมองคุณแบบอื่นนะ ”
“ แบบไหนครับ อย่าบอกนะว่าคิดว่าผมผิดปรกติทางด้วยจิตใจ ผมชายร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ชอบไม้ป่าเดียวกันเด็ดขาด ”
“ แล้วเมื่อไหร่จะมีแฟนล่ะครับ สาวเหนือถิ่นนี้ก็สวยเย้ายวนใจไม่เบานะคุณ สนใจใครเป็นพิเศษก็บอกผมได้เลยนะถ้าผมพอช่วยได้ผมยินดีเต็มที่เลย ”
“ ผมคงไม่รบกวนคุณหรอก ”
อุดมหัวเราะชอบใจที่ภควัตตอบแบบนั้น ภควัตนึกถึงใบหน้างดงามของใครคนหนึ่งแต่เขาก็รีบสลัดความคิดนั้นออกไปจากใจแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานของเขาไปเมื่อสายตาและจิตใจจดจ่อกับงานความรู้สึกต่างๆก็เลือนหายไปจากใจ
****
แสงจันทร์ในวันนี้ช่างสุกสว่างกระจ่างฟ้าเหลือเกิน ภควัตพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับจนเกือบเที่ยงคืนจึงตัดสินใจลุกออกมาเดินเล่นที่หน้าระเบียงบ้านพัก แสงสว่างจากพระจันทร์คืนวันเพ็ญสว่างนวลไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มจึงลงมาเดินชมแสงจันทร์ข้างล่าง อากาศยามดึกเย็นจนหนาว ยามเฝ้าแคมป์สองคนเดินไปเดินมาภควัตคิดจะเข้าไปคุยด้วย แต่เปลี่ยนใจเมื่อเห็นรถจักรยานจอดอยู่ ขี่รถเล่นตอนดึกน่าจะดีเพราะถ้าร่างกายเหนื่อยล้าก็คงจะหลับได้อย่างสบาย ขี่รถผ่านหน้ายาม ยามจึงตะโกนทัก
“ คุณวัตดึกดื่นป่านนี้คุณจะไปไหนครับ ”
“ แถวๆนี้แหละ คืนนี้พระจันทร์สว่างขอขี่รถชมจันทร์สักหน่อย ”
“ ไปที่แหลมสิครับ พระจันทร์สว่างอย่างนี้มองลงไปที่กลางลำน้ำสวยอย่าบอกใครเชียวคุณ ”
“ เฮ้ย มันไกลนะเอ็งไปแนะนำคุณวัตได้อย่างไรนี่มันกลางคืนนะไม่ใช่กลางวัน ”
ยามอีกคนแย้ง
“ ก็กลางคืนน่ะสิ ถ้ากลางวันจะแนะนำไปทำไม คืนพระจันทร์เต็มดวงอย่างนี้น้ำในบึงสะท้อนแสงจันทร์มันสวยจับตานักเชียว ”
ดังนั้นภควัตจึงขี่รถจักรยานมุ่งหน้าไปที่แหลมตามที่ยามแนะนำ ถนนลูกลังเมื่อสะท้อนกับแสงจันทร์ที่สว่างนวลจึงขาวกระจ่างเหมือนลำตัวของพญางูยักษ์ที่เลื้อยทอดยาวไปเบื้องหน้า เนินที่จะขึ้นไปยังแหลมเริ่มจะชันภควัตจึงจอดรถจักรยานเอาไว้แล้วเดินเท้าขึ้นไปเอง เมื่อขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดของแหลมแล้วมองลงไปยังท้องน้ำที่สะท้อนแสงจันทร์ระยิบระยับมันช่างงดงามสมกับคำบอกความจริง แต่ภควัตต้องชะงักเมื่อเขามองเห็นคนสองคนที่ยืนอยู่เบื้องล่างจากเนินลงไป มองก็รู้ว่าทั้งสองนั้นเป็นชายหนึ่งและหญิงหนึ่ง ภควัตกลัวจะเป็นการเสียมารยาทที่เขามาเป็นบุคคลที่สามโดนไม่เจตนาเขาจึงหันหลังจะกลับ
“ เดี๋ยวก่อนสินควัจ เจ้ามาถึงที่นี่แล้วใยจะรีบกลับเล่า ”
ภควัตชะงัก เขาจำได้ว่าผู้ที่เรียกเขานั้นคือหัตถากานต์เจ้าของเรือนทรงโบราณหลังนั่นเอง
“ คุณกานต์ เป็นคุณเองหรอกหรือ มาชมจันทร์จนถึงที่นี่เชียวนะครับ ”
ภควัตรีบเดินเข้าไปหาคนทั้งสองที่ยืนอยู่ชายเนินลงไป
“ ที่นี่หากใครมายืนตรงบริเวณนี้จะสามารถมองเห็นอาณาจักรแห้งท้องน้ำได้ทั่ว ”
“ คุณมากันอย่างไรครับนี่ ”
“ ขับรถมา ”
ภควัตมองน้องสาวของหัตถากานต์ที่ยืนฟังเงียบไม่พูดไม่จา แสงจันทร์ที่ส่องสว่างทำให้ใบหน้าที่งดงามของ
นักขวราชงามนัก เส้นผมที่พลิ้วไหวต้องสายลมภควัตเผลอมองอย่างลืมตัว
“ พระจันทร์คืนนี้สวยจังเลยนะครับ ไม่มีเมฆมาบังให้หมองแสงเลย ”
“ ผมพาคนที่รอคอยมาดื่มด่ำกับแสงจันทร์เพื่อจะกลับไปเริ่มต้นการรอที่ไม่มีวันสมหวัง ”
ภควัตขมวดคิ้ว คำพูดของหัตถากานต์ฟังแล้วเขาไม่เข้าใจเลย
“ คุณเคยรออะไรที่ยาวนานบ้างไหม คุณนควัจ ”
“ ไม่เคยครับ ”
เสียงหัวเราะเบาๆจากหัตถากานต์ภควัตยิ่งรู้สึกแปลกๆ เขามองนักขวราชที่ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นความรู้ของเขาบอกว่าสองพี่น้องคู่นี้น่าจะกำลังมีปัญหาอะไรกันแน่ๆ
“ นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ”
“ ประเดี๋ยวก่อนสิ ผมกับนักขวราชยังอยากคุยกับคุณ ”
“ แต่ฉันอยากจะกลับ ”
น้ำเสียงฟังก็รู้ว่าอยู่ในภาวะอารมณ์ไม่ปรกติของนักขวราช ภควัตเงียบ แน่แล้วสองพี่น้องนี่ต้องมีเรื่องขัดใจกันแน่
“ ผมก็ต้องขอตัวกลับ ราตรีสวัสดิ์นะครับคุณกานต์คุณนักขวราช
ภควัตหันหลังเดินลิ่วกลับลงมาจากเนินโดยไม่ได้หันกลับไปมองว่าเบื้องหลังของเขานั้นคนทั้งสองจะเป็นอย่างไร
...พิมพ์พิลาสฒ์...
เหนือมนตรา ตอนที่ 4
“ ผมชื่อบุญลือครับผม มีอะไรจะให้ผมรับใช้ผมก็ยินดีนะครับ ”
“ บ้านของคุณสวยจัง มองข้างนอกสวยแล้วได้เข้ามายิ่งสวยมาก ”
“ มันเป็นเรือนพักยามที่ผมได้ขึ้นมาพำนักที่นี่เท่านั้น ”
“ แสดงว่าคุณไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำ ”
เจ้าหัตถากานต์ยิ้มแต่สายตามองภควัตแทบไม่ละสายตาบุญลือรู้สึกว่าสายตาของหัตถากานต์ผู้นี้น่ากลัวนักแม้ใบหน้าที่ยิ้มละมัยแต่แววตาช่างดุดันเสียเหลือเกินไม่รู้ว่าภควัตจะรู้สึกเหมือนเขาไหม บุญลือยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูกที่นั่งคุยกับหัตถากานต์
“ ถ้าคุณชอบที่บ้านหลังนี้ก็ยินดีต้อนรับคุณทั้งสองเสมอ ”
“ ขอบคุณมากครับ ผมอาจจะมาเป็นแขกที่นี่บ่อยๆถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณกานต์และครอบครัวจนเกินไป ”
“ ผมไม่เคยคิดว่าเพื่อนมาเยือนเป็นการรบกวนแต่อย่างใด ”
“ แล้ว เอ่อ ภรรยาของคุณล่ะครับ ”
เจ้าหัตถากานต์ทรงพระสรวลเบาๆ
“ ผมอยู่ที่นี่กับน้องสาวของผมและบริวารเพียงกี่คนเท่านั้น ”
“ โอ ที่คุณกานต์ยังเป็นโสด ผมต้องขอโทษด้วยที่คิดว่าคุณมีภรรยาแล้ว ”
“ ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับน้องสาวของผม ”
เจ้าหัตถากานต์ตรัสแล้วหันไปรับสั่งให้นางกำนัลที่นั่งรอถวายการรับใช้ไปเชิญองค์นักขวราชออกมา
“ เจ้าไปเชิญน้องหญิงออกมาพบข้าบอกนางว่าข้ามีแขกคนสำคัญจะให้นางรู้จัก ”
แม้สรรพนามที่เจ้าหัตถากานต์รับสั่งกับนางกำนัลจะฟังดูเปร่งๆหูแต่ภควัตกับบุญลือก็ไม่ได้เฉลียวใจสงสัย ภควัตกับบุญลือดื่มน้ำหวานที่เจ้าของบ้านเลี้ยงรับรอง ความหอมหวานที่นุ่มชื่นในลำคออย่างที่สุดกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นของลูกไม้หรือผลไม้ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามันคือผลไม้ชนิดใดแต่รสชาติชวนดื่มเหลือเกิน ไม่นานน้องสาวของหัตถากานต์ก็เดินตามหญิงรับใช้สองคนออกมา ทั้งภควัตทั้งบุญลือและองค์นักขวราชต่างตกตะลึงที่ได้เห็นกันเพียงแต่อาการตะลึงของทั้งสามแตกต่างกันออกไป บุญลือนั้นตกตะลึงในความงามที่เขาถึงกับอุทานในใจว่า อุแม่เจ้าเอ๋ยน้องสาวของหัตถากานต์ช่างสะสวยงดงามเสียเหลือเกิน แต่ภควัตเขาจ้องมองนักขวราชเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่หนึ่งที่ใดมาก่อน สำหรับนักขวราชนั้นพระนางตื่นเต้นตกพระทัยอย่างไม่คาดคิดว่าจะทรงได้พบกับยอดดวงใจที่พระนางรอคอยมาอย่างยาวนาน พระพักต์ที่งามผุดผาดซีดเผือดจนเจ้าหัตถากานต์ที่ทอดพระเนตรอิริยาบถของทุกคนอย่างไม่ว่างพระเนตรยิ้มเยาะ
“ นักขวราช น้องมารู้จักเพื่อนใหม่ของพี่หน่อยสิ เขาชื่อว่า ภควัตเป็นเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าที่มาสร้างเขื่อนใกล้กับบ้านเรา ”
สุรเสียงที่ฟังดูนุ่มนวลนั้นองค์นักขวราชรู้ดีว่าพระนางถูกเจ้าพี่หยามเยาะเอาซึ่งหน้าแล้ว
“ สวัสดีครับยินดีที่รู้จักครับ ”
ภควัตบอก เขายิ้มให้เธอตามมารยาท นักขวราชลงนั่งข้างๆพี่ชายและยกมือไหว้ภควัตหากจิตใจของพระนางนั้นสั่นระริกต้องควบคุมความรู้สึกตื่นเต้นอย่างเต็มที่
เจ้าหัตถากานต์ปรายดวงเนตรมองพระนางอย่างสะใจ ภควัตพูดคุยกับพระองค์และนักขวราชอย่างธรรมดาและไม่นานเขาก็ลากลับไป
“ ฮ่า ๆๆๆ ”
เจ้าหัตถากานต์พระสรวลดังลั่นอย่างสาแก่พระทัย นักขวราชลุกขึ้นจะเดินหนี
“ เดี๋ยวสิ เจ้าจะรีบไปไหนเล่าเทวี หรือจะรีบไปแสดงอาการลิงโลดใจที่มันคับหัวอกจนอกจะแตกออกมา ”
“ เจ้าพี่ ”
น้ำพระเนตรไหลพรั่งพรูออกมาอย่างสุดที่จะสะกดกลั้น
“ ทำไม ตื่นเต้นดีใจจนร้องไห้เชียวหรือน้องพี่ ขนาดนั้นเชียวหรือ ”
“ ทำไม เจ้าพี่ต้องการอะไร ต้องการอะไร ”
ทรงสะอื้นจนร่างไหวเจ้าหัตถากานต์จ้องมองผู้ที่สะอึกสะอื้นอย่างทั้งรักทั้งแค้น
“ ต้องการอะไรอย่างนั้นหรือ นี่ไงชายคนรักของเจ้า ยอดดวงใจของเจ้า เขากลับมาแล้วไง ”
“ โหดร้าย หม่อนฉันไม่เคยเห็นใครจิตใจโหดร้ายได้เท่าเจ้าพี่ ”
“ โหดร้ายหรือ คนรักของเจ้ากลับมาแล้วไฉนมาว่าพี่โหดร้าย ความรักที่ยิ่งใหญ่ รักจนยอมทำลายเกียรติของนครทิพย์ แล้วเป็นอย่างไร การรอคอยของเจ้าสมหวังแล้วนี่ สมหวังใช่ไหม ”
นักขวราชเชิดพระพักต์ตรัสทั้งสะอื้น
“ ใช่ หม่อมฉันรัก รักเจ้าพี่นควัจ รักถึงแม้รู้ว่าพระองค์จะไม่มีวันเหมือนเดิม แต่ความรักของหม่อนฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่มีวัน ”
นักขวราชตรัสจบก็วิ่งหนีออกไปเจ้าหัตถากานต์กำพระหัตถ์แน่น เจ็บในอกแทบกระอัก ทำไมน้องรักจึงไร้ซึ่งจิตสำนึกเช่นนี้
****
ภควัตได้รับการติดต่อจากสรีดาว่าจะเดินทางมาร่วมงานอัญมณีแฟร์ที่เชียงใหม่แล้วจะเลยขึ้นมาหาเขาที่น่านโดยเธอจะเดินทางมากับเพื่อนสาวที่มาจากสิงคโปร์ด้วย
“ แฟนโทรมาหรือครับพอวางสายก็ยิ้มคนเดียว ”
“ เปล่าครับ ”
“ เปล่า แต่ท่าทางมันฟ้องนะ แหมแฟนโทรมาก็ไม่เห็นต้องปิดกันเลย หนุ่มรูปหล่ออย่างคุณมีแฟนแล้วถือเป็นเรื่องธรรมดา ”
“ ไม่ใช่แฟนจริงๆ เพื่อนน่ะ พอดีเขามาที่เชียงใหม่แล้วจะขึ้นมาหา ”
“ จริงหรือครับ แล้วมาเมื่อไหร่ล่ะครับ ”
“ คงถึงที่นี่พรุ่งนี้ตอนเย็น ผมต้องไปรับที่สถานีขนส่ง ”
“ แหมผมก็คิดว่าเป็นแฟนคุณโทรมา ความจริงรูปหล่อหน้าที่การงานดีอย่างคุณไม่น่าเชื่อนะว่าจะหัวใจยังว่าง ”
“ จะรีบไปทำไมล่ะครับ ผมยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ถึงเวลาที่จะคิดแบบนั้น ”
“ แหมฟังแล้วแปลกใจ คุณคิดว่าตัวเองยังไม่ถึงเวลาจะมีแฟน นี่ถ้าใครฟังเขาคงขำคุณตาย ดีไม่ดีจะมองคุณแบบอื่นนะ ”
“ แบบไหนครับ อย่าบอกนะว่าคิดว่าผมผิดปรกติทางด้วยจิตใจ ผมชายร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ชอบไม้ป่าเดียวกันเด็ดขาด ”
“ แล้วเมื่อไหร่จะมีแฟนล่ะครับ สาวเหนือถิ่นนี้ก็สวยเย้ายวนใจไม่เบานะคุณ สนใจใครเป็นพิเศษก็บอกผมได้เลยนะถ้าผมพอช่วยได้ผมยินดีเต็มที่เลย ”
“ ผมคงไม่รบกวนคุณหรอก ”
อุดมหัวเราะชอบใจที่ภควัตตอบแบบนั้น ภควัตนึกถึงใบหน้างดงามของใครคนหนึ่งแต่เขาก็รีบสลัดความคิดนั้นออกไปจากใจแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานของเขาไปเมื่อสายตาและจิตใจจดจ่อกับงานความรู้สึกต่างๆก็เลือนหายไปจากใจ
****
แสงจันทร์ในวันนี้ช่างสุกสว่างกระจ่างฟ้าเหลือเกิน ภควัตพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับจนเกือบเที่ยงคืนจึงตัดสินใจลุกออกมาเดินเล่นที่หน้าระเบียงบ้านพัก แสงสว่างจากพระจันทร์คืนวันเพ็ญสว่างนวลไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มจึงลงมาเดินชมแสงจันทร์ข้างล่าง อากาศยามดึกเย็นจนหนาว ยามเฝ้าแคมป์สองคนเดินไปเดินมาภควัตคิดจะเข้าไปคุยด้วย แต่เปลี่ยนใจเมื่อเห็นรถจักรยานจอดอยู่ ขี่รถเล่นตอนดึกน่าจะดีเพราะถ้าร่างกายเหนื่อยล้าก็คงจะหลับได้อย่างสบาย ขี่รถผ่านหน้ายาม ยามจึงตะโกนทัก
“ คุณวัตดึกดื่นป่านนี้คุณจะไปไหนครับ ”
“ แถวๆนี้แหละ คืนนี้พระจันทร์สว่างขอขี่รถชมจันทร์สักหน่อย ”
“ ไปที่แหลมสิครับ พระจันทร์สว่างอย่างนี้มองลงไปที่กลางลำน้ำสวยอย่าบอกใครเชียวคุณ ”
“ เฮ้ย มันไกลนะเอ็งไปแนะนำคุณวัตได้อย่างไรนี่มันกลางคืนนะไม่ใช่กลางวัน ”
ยามอีกคนแย้ง
“ ก็กลางคืนน่ะสิ ถ้ากลางวันจะแนะนำไปทำไม คืนพระจันทร์เต็มดวงอย่างนี้น้ำในบึงสะท้อนแสงจันทร์มันสวยจับตานักเชียว ”
ดังนั้นภควัตจึงขี่รถจักรยานมุ่งหน้าไปที่แหลมตามที่ยามแนะนำ ถนนลูกลังเมื่อสะท้อนกับแสงจันทร์ที่สว่างนวลจึงขาวกระจ่างเหมือนลำตัวของพญางูยักษ์ที่เลื้อยทอดยาวไปเบื้องหน้า เนินที่จะขึ้นไปยังแหลมเริ่มจะชันภควัตจึงจอดรถจักรยานเอาไว้แล้วเดินเท้าขึ้นไปเอง เมื่อขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดของแหลมแล้วมองลงไปยังท้องน้ำที่สะท้อนแสงจันทร์ระยิบระยับมันช่างงดงามสมกับคำบอกความจริง แต่ภควัตต้องชะงักเมื่อเขามองเห็นคนสองคนที่ยืนอยู่เบื้องล่างจากเนินลงไป มองก็รู้ว่าทั้งสองนั้นเป็นชายหนึ่งและหญิงหนึ่ง ภควัตกลัวจะเป็นการเสียมารยาทที่เขามาเป็นบุคคลที่สามโดนไม่เจตนาเขาจึงหันหลังจะกลับ
“ เดี๋ยวก่อนสินควัจ เจ้ามาถึงที่นี่แล้วใยจะรีบกลับเล่า ”
ภควัตชะงัก เขาจำได้ว่าผู้ที่เรียกเขานั้นคือหัตถากานต์เจ้าของเรือนทรงโบราณหลังนั่นเอง
“ คุณกานต์ เป็นคุณเองหรอกหรือ มาชมจันทร์จนถึงที่นี่เชียวนะครับ ”
ภควัตรีบเดินเข้าไปหาคนทั้งสองที่ยืนอยู่ชายเนินลงไป
“ ที่นี่หากใครมายืนตรงบริเวณนี้จะสามารถมองเห็นอาณาจักรแห้งท้องน้ำได้ทั่ว ”
“ คุณมากันอย่างไรครับนี่ ”
“ ขับรถมา ”
ภควัตมองน้องสาวของหัตถากานต์ที่ยืนฟังเงียบไม่พูดไม่จา แสงจันทร์ที่ส่องสว่างทำให้ใบหน้าที่งดงามของ
นักขวราชงามนัก เส้นผมที่พลิ้วไหวต้องสายลมภควัตเผลอมองอย่างลืมตัว
“ พระจันทร์คืนนี้สวยจังเลยนะครับ ไม่มีเมฆมาบังให้หมองแสงเลย ”
“ ผมพาคนที่รอคอยมาดื่มด่ำกับแสงจันทร์เพื่อจะกลับไปเริ่มต้นการรอที่ไม่มีวันสมหวัง ”
ภควัตขมวดคิ้ว คำพูดของหัตถากานต์ฟังแล้วเขาไม่เข้าใจเลย
“ คุณเคยรออะไรที่ยาวนานบ้างไหม คุณนควัจ ”
“ ไม่เคยครับ ”
เสียงหัวเราะเบาๆจากหัตถากานต์ภควัตยิ่งรู้สึกแปลกๆ เขามองนักขวราชที่ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นความรู้ของเขาบอกว่าสองพี่น้องคู่นี้น่าจะกำลังมีปัญหาอะไรกันแน่ๆ
“ นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ”
“ ประเดี๋ยวก่อนสิ ผมกับนักขวราชยังอยากคุยกับคุณ ”
“ แต่ฉันอยากจะกลับ ”
น้ำเสียงฟังก็รู้ว่าอยู่ในภาวะอารมณ์ไม่ปรกติของนักขวราช ภควัตเงียบ แน่แล้วสองพี่น้องนี่ต้องมีเรื่องขัดใจกันแน่
“ ผมก็ต้องขอตัวกลับ ราตรีสวัสดิ์นะครับคุณกานต์คุณนักขวราช
ภควัตหันหลังเดินลิ่วกลับลงมาจากเนินโดยไม่ได้หันกลับไปมองว่าเบื้องหลังของเขานั้นคนทั้งสองจะเป็นอย่างไร