ตอนที่ 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ http://ppantip.com/topic/33963491
ตอนที่ 2
อันโตนิโอและทิมมี่เดินย่องไปตามท้องถนนในเมืองที่เวิ้งว้างไร้ผู้คน เศษขยะปลิวว่อน บ้านบางหลังถูกทำลายยับ ต้นไม้ตามท้องถนนหักล้มลงมากองกันระเนระนาดที่นี้เริ่มจะดูเหมือนเมืองร้างที่ถูกทิ้งมาหลายเดือนเลยก็ว่าได้ อันโตนิโอเดินตามหลังทิมมี่มาติดๆ ทิมมี่คลาน เขาก็ทำตาม ทิมมี่หมอบ ย่องเดินช้า เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ เอาเป็นว่าทุกอย่างที่ทิมมี่ทำอันโตนิโอก็ทำตามทั้งหมด เขาเป็นประเภทที่มีความคิดติดหัวเสมอว่า เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม
ทิมมี่เด็กชายอายุเพียงสิบสามปี เขาเป็นคนตัวเล็กผอมแห้งเหมือนคนที่ขาดสารอาหารและค่อนข้างจะเตี้ยกว่าเด็กรุ่นราวคร่าวเดียวกับเขา ทิมมี่สูงแค่เอวของอันโตนิโอดูไปแล้วก็ออกจะน่าตลกขบขันคนหนึ่งผอมแห้งแต่สูงโลดอีกคนผอมแห้งแต่เตี้ยแคระ ดูไปดูมาเหมือนพ่อกับลูกก็ไม่ปาน
ทิมมี่กวักมือเรียกอันโตนิโฮที่ยืนอยู่อีกฝากหนึ่งของถนนให้วิ่งมาที่ๆที่เขายืนอยู่ ทั้งสองเดินเขาไปในปั๊มๆเล็กแห่งหนึ่งที่รกร้างและมีเศษขยะเกลื่อนทั่วพื้น
กระจกจากร้านสะดวกซื้อแตกกระจาย ทั้งสองค่อยๆย่องเดินอย่างระมัดระวัง แต่ก็ต้องหยุดสงัดเมื่อได้ยินเสียงกู่ร้องของยักษ์สองตนที่แว่วมาแต่ไกล เหมือนกับว่ามันทั้งสองกำลังคุยกันอยู่
“คืนนี้พวกมันเตรียมตัวบุกเมืองแน่” ทิมมี่หันมาพูดกับอันโตนิโอ
“ไม่ยักรู้ว่าเธอเข้าใจภาษายักษ์ด้วยนะ”
“ผมฟังแบบนี้มาอาทิตย์หนึ่งแล้วนะฮะ มันร้องแบบนี้ทีไรมันเข้ามาทำลายเมืองทุกที มันจะยากตรงไหน” ทิมมี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่แสนจะทำธรรมดา
อันโตนิโอเริ่มจะห่วงยานแล้วซิ ถ้าพวกมันเกิดพังยานขึ้นมาจะทำอย่างไรคงไม่ติดแง่กอยู่ที่นี้นะ อันโตนิโอได้แต่นึกภวนาอย่าให้พวกยักษ์ทำยานพัง
“เธอว่ามันจะพังยานฉันหรือเปล่า” อันโตนิโอหันมาถามทิมมี่ทันทีเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิด
“อันนี้เดายากฮะ แต่ถ้าไม่มีใครอยู่ในยานมันก็คงไม่ไปยุ่งหรอกฮะ” ทิมมี่ตอบอย่างผู้รอบรู้
โล่งอกไปที ฮัน อันโตนิโอ คิดในใจ
“เราจะไปไหนกัน”เขาเปลี่ยนคำถามเมื่อได้คำตอบที่พอใจ
ทิมมี่พาเขาเข้ามาที่ร้านสะดวกซื้อแล้วเดินมุ่งไปข้างหลัง
“ไปหาตาแก่เซ็กตัน แกต้องรู้ว่าเชื้อเพลิงถูกเก็บไว้ที่ไหน” ทิมมี่บอก
“แล้วตาแก่เซ็กตัน ไม่ไปหลบภัยกับคนอื่นหรอก” อันโตนิโอถามต่อ
“เหมือนผมฮะ คนที่นี้ไม่ชอบแก แกค่อนข้างจะ เอ่อ ไม่ปกติเท่าไร แต่แกมีที่หลบภัยเอง” ทิมมี่ตอบแบบไม่มองหน้าคนถาม ที่ตอนนี้ซักสีหน้าไม่ดีเสียแล้ว
ไม่ปกติเหรอแล้วคนไม่ปกติจะบอกที่เก็บเชื้อเพลิงได้อย่างไรกัน อันโตนิโอได้แต่ครุ่นคิดในใจ
ส่วนทิมมี่เริ่มทุบแผ่นใบกระดานที่อยู่ใต้เท้าของเขา เขากระทืบมันสามครั้งแต่ทุกอย่างยังคงเงียบ เขากระทืบมันอีกครั้งหนึ่งก่อนจะพูดกับไม้กระดานใต้เท้าว่า
“คุณเซ็กตัน นี่ผมทิมมี่นะฮะ คุณยังอยู่ไหม” ทิมมี่ก้มหน้าลอดผ่านช่องใต้ข้างล่าง เขาได้ยินเสียงข้าวของข้างในตกแตกดูเหมือนจะเป็นเสียงแก้วแตก และตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ใส่บูทเดินมาตรงที่เขาอยู่
“นี่นายยังไม่ตายอีกเหรอ” เซ็กตันพูดกับทิมมี่ด้วยใจเป็นมิตร
“ไปให้พ้นทิมมี่ ที่นี้ไม่ต้อนรับแขก” เซ็กตันพูดต่อไม่รอช้า
“ผมต้องการความช่วยเหลือฮะ เอ่อ ถ้าคุณจะกรุณา” ทิมมี่พูดติดขัดแล้วเงยหน้ามองอันโตนิโอที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกระซิบบอกอันโตนิโอว่า
“ผมรู้เรื่องคุณจากตาแก่เซ็กตันนี่ล่ะฮะ”
“ฉันไม่แบ่งอาหารให้นายหรอกนะไปหาที่อื่นเลย” เซ็กตันไล่ เสียงที่ตอบโต้มาจากข้างล่าง คนที่อยู่ข้างบนได้ยินชัดเจน
“ผมไม่ได้ต้องการอาหารหรอกฮะ ผมอยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่เขาเก็บพลังงานเชื้อเพลิงไว้ที่ไหนเชื้อเพลิงไนโตรเจนเหลวนะ ถ้าคุณจะกรุณาบอกผม” ทิมมี่ทำเสียงอ้อนวอน
“นั่น นายมากับใคร” เซ็กตันเริ่มมองเห็นอีกคนที่ยืนอยู่ข้างทิมมี่
“ฮัน อันโตนิโอฮะ เชื้อเพลิงที่ยานเขาหมด เขาต้องการความช่วยเหลือฮะ” ทิมมี่พูดกับเซ็กตัน
ฮัน อันโตนิโอ ฮัน อันโตนิโอ เซ็กตันยืนพูดชื่อฮันพึมพร่ำอยู่คนเดียวเหมือนกำลังนึกอะไรออก
“เขาเป็นนักเล่าเรื่อง คุณเคยเล่าให้ผมฟังนิครับจำได้ไหม” ทิมมี่เตือนความจำเขา
“เขามาทำอะไรที่นี้” เซ็กตันถามขึ้นเมื่อนึกได้ว่าเขาเป็นใคร
“เปิดประตูให้พวกเราลงไปได้ไหมฮะ ผมได้ยินยักษ์กำลังเดินมาทางนี้ ได้โปรดเถอะฮะ” ทิมมี่แสร้งแกล้งอ้อนวอน
“พวกเธอจะได้มาแย้งอาหารฉันกินนะซิ” เซ็กตันเกิดหวาดระแวง
“วางใจได้เลยครับ ผมไม่แย้งอาหารคุณหรอก ผมมีอาหารเพียบแถมมีเผื่อให้คุณด้วยนะ” คราวนี้อันโตนิโอพูดขึ้นบ้าง พลางกับตบเป้ที่อยู่ข้างหลัง เพื่อแสดงให้คนที่อยู่ข้างล่างได้เห็นว่าเขาพบของกินมาด้วย
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นจากข้างใน อันโตนิโอหันมายิ้มให้กับทิมมี่ และไม่ลืมที่จะขยิบตาให้ทิมมี่ด้วยความพอใจ
“รีบๆเข้ามา” เซ็กตันกวาดต้อนพวกเขาลงไปที่ชั้นใต้ดินแล้วปิดประตูลงทันที
“ตามมา” เซ็กตันเดินนำหน้าคนทั้งสองตรงไปอีกฝั่งหนึ่งทางเดินมืดมิดและก็เหม็นอับไปด้วยกลิ่นฉี่ของเซ็กตัน อันโตนิโอกับทิมมี่มองหน้ากันอย่างรู้ทันคามคิดของกันและกัน
“ถ้าพวกนายไม่มีอาหาร ฉันจะกินพวกนายแทน” เซ็กตันขู่ เขาเป็นชายแก่ที่ค่อนข้างจะอวบ แต่จะว่าไปค่อนไปทางอ้วนเลยทีเดียว ท่าเดินของเขาเชื่องช้าเอืดอาด ผมหงอกขาวทั้งหัว ใบหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาเหมือนไม่เคยจะยิ้มและคงไม่รู้ว่ายิ้มเป็นอย่างไร
“เขาไม่ทำหรอกฮะ เขาขู่ผมแบบนี้ประจำแต่เขาก็ให้อาหารผมกลับมาทุกที” ทิมมี่กระซิบบอกอันโตนิโอพร้อมขยิบตาให้
เซ็กตันเปิดประตูไม้อีกบานหนึ่งที่เดินเข้าไปในห้องที่สว่างไสวไปด้วยเสียงไฟจากตะเกียงสองตัวที่ตั้งอยู่สองมุมห้อง ในห้องไม่มีอะไรมากมาย มีตะกร้าที่ใส่อาหารกระป๋อง ขวดน้ำวางอยู่มุมหนึ่ง และเตียงนอนเล็กๆที่อยู่ข้างผนังกับเก้าอี้สองตัวที่ล้มอยู่กับพื้น ทิมมี่เห็นเศษแก้วแตกเกลื่อนตรงที่เก้าอี้ล้ม
“ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็ได้ยินเสียงคนเรียกเลยตกใจทำแก้วแตก” เซ็กตันเดินไปจับเก้าอี้ขึ้นแล้วเก็บกวาดเศษแก้ว
“นั่งก่อนๆ” เซ็กตันเรียกทั้งสองให้ไปนั่งที่เก้าอี้
“ผมขอโทษครับที่ทำให้คุณตกใจ” ทิมมี่บอกเขาอย่างรู้สึกผิดจริงๆ
“ฉันดีใจที่เธอไม่เป็นอะไร” เซ็กตันบอกเขา นั่นทำให้ทิมมี่รู้สึกขอบคุณที่เขาเป็นห่วง เซ็กตันเป็นเพื่อนคนเดียวที่ทิมมี่มีถึงเขาจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ทิมมี่รู้ดีว่าเซ็กตันเป็นคนดีเพียงแต่ชอบทำตัวให้ร้ายเข้าไว้เพราะไม่อยากให้ใครมายุ่งกับแก
“ไหนล่ะอาหารของฉัน” เซ็กตันลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งรวมกับพวกเขาแล้วหันมาทางอันโตนิโอ
อันโตนิโอลวงมือหยิบของในเป้ออกมาสามสี่อย่าง มีอาหารถุงสามถุง ขวดน้ำส้มหนึ่งขวดและแถมด้วยซ็อตโกแลกอีกหนึ่งซอง
“นี่ครับ ของคุณทั้งหมด” อันโตนิโอวางของทั้งหมดไว้ที่โต๊ะ เซ็กตันมองอย่างพอใจก่อนจะกวาดของพวกนั่นเอามาไว้ที่ฝั่งตัวเอง
ทิมมี่มองสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าสายตาลุกวาว เขากลืนน้ำลายลงคอทันที่ที่เห็นซ็อกโกแลกเขาหันมามองหน้าอันโตนิโอ แววตาบ่งบอกว่าเสียดายของเหล่านั้นอย่างที่สุดเกิดมาเขายังไม่เคยได้กินซ็อตโกแลตเลย ระหว่างนั่นเซ็กตันก็เดินเอาของไปเก็บไว้ในที่ของตัวเอง
“ที่ยานฉันมีเยอะกว่านี้” อันโตนิโอกระซิบบอกทิมมี่เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงความเสียดายของเหล่านั่น
“เธอจะได้กินทุกอย่างเมื่อไปที่นั่น” อันโตนิโอกระซิบบอกอีกครั้ง ทิมมี่ยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ แววตากลับมาสดใสอีกครั้ง
“พวกนายสองคนจะกินอะไรไหม” เซ็กตันหันมาถาม
“ไม่ล่ะครับ” ทั้งสองตอบพร้อมกัน
แต่เซ็กตันก็ยังรินชาอุ่นๆที่อยู่ในกาใส่แก้วสองใบถือมาวางที่โต๊ะให้พวกเขา ตามด้วยคุกกี้สี่ชิ้นในจานสีขาว เซ็กตันวางจานคุกกี้ลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงอย่างยากลำบากและดูจะยุ่งยากเหลือเกินเมื่อเขาเคลื่อนไหวตัวเอง
“ว่าไงนะ คุณต้องการเชื้อเพลิงไปใส่ที่ยานคุณใช่ไหม” เซ็กตันหันมาพูดกับอันโตนิโอ ระหว่างนั้นทิมมี่ก็กวาดคุกกี้สี่ชิ้นใส่ปากจนหมดเกลี้ยง เซ็กตันเหล่ตามองจานนิดหนึ่งแต่ก็ไม่พูดอะไร
“ครับ ผมต้องการซื้อเชื้อเพลิงถ้าคุณมีขายให้ผม”
“โอ๊ยๆ ไม่มีๆ” เซ็กตันโบกไม้โบกมือไปมาปฎิเสธการซื้อขายใดๆทั้งสิ้น
“แต่ถ้าคุณต้องการผมบอกที่เก็บมันได้” เซ็กตันพูดต่อ
“อยู่ที่ไหนฮะ” ทิมมี่พูดเสียงอู้อี้เพราะคุกกี้เต็มปาก
“เธอควรจะเคี้ยวให้หมดก่อนพูดนะทิมมี่” เซ็กตันปราม
“มันอยู่ที่คลังเก็บของ เอ่อ พวกของเก่านะ อยู่ใกล้กับแท็งน้ำใหญ่ที่ศูนย์ระบายน้ำมาสู่ตัวเมืองอยู่ใกล้กับเหมืองนะ” เซ็กตันบอกกับอันโตนิโอ
“แล้วผมจะไปที่นั่นได้อย่างไร” อันโตนิโอถาม
“ผมรู้ ผมรู้ฮะ” ทิมมี่พูดขึ้นหลังจากที่พยายามกลืนคุกกี้ลงคอ
“เท่าที่ผมรู้นะ คุณอันโตนิโอ พื้นที่ตรงนั่นยักษ์มันใช้เป็นที่พักอาศัย เพราะมีน้ำให้มันไว้ดื่มกิน” เซ็กตันพูดอย่างหนักแน่น
“เยี่ยม แล้วมีที่อื่นอีกไหมครับที่พอจะหาได้ โดยไม่ต้องเข้าไปใกล้พวกมัน” อันโตนิโอลองถามหาทางอื่น
“เท่าที่รู้ ไม่มี” เซ็กตันยืนยันคำตอบอีกครั้ง
“เราก็แอบไปเอาตอนที่ยักษ์มันหลับ ตอนกลางคืนพวกมันจะนอนหลับฮะ ผมไปเอาน้ำและผลไม้แถวที่นั่นบ่อยเห็นพวกมันนอนกรนไม่รู้เรื่องตอนผมเข้าไปนะ” ทิมมี่หันมาพูดกับคนทั้งสอง
“อืม เข้าท่าดี ไปอย่างเงียบๆแล้วออกมาอย่างเงียบๆ” อันโตนิโอพูดเพ้ออยู่คนเดียว ก่อนจะหันไปเห็นรูปถ่ายทหารหมู่ที่ถ่ายรวมกันในยานอวกาศที่ไหนซักที่ติดอยู่ข้างผนังตรงเตียงนอนของเซ็กตัน
“ผมว่าเป็นความคิดที่ฆ่าตัวตายชัดๆ” เซ็กตันส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“คุณเคยเป็นทหารหรือครับ” อันโตนิโอถาม
“อ่อ อืม เคยเป็นแค่เคยเป็นนะ” เซ็กตันตอบตะกุกตะกัก
“ผมนึกออกแล้ว ยักษ์บุกโจมตีผู้คนมากขนาดนี้ทั้งล้มตายไปก็เยอะ ทำไมผู้คนในเมืองถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากสหพันธ์อวกาศให้เขาส่งกองกำลังมาช่วย ผมว่าเขตพื้นตรงนี้เป็นอาณานิคมของสหพันธ์นะ” ฮัน อันโตนิโอเริ่มสงสัยที่ไม่มีกองกำลังของสหพันธ์อวกาศเข้ามาช่วยเหลือเลย
“ฮ่าๆ” เซ็กตันหัวเราะ
“ใครว่า พวกเราไม่ขอไปล่ะ ขอไปตั้งแต่วันแรกที่ถูกยักษ์โจมตีแล้ว พวกสหพันธ์รึจะสนใจดาวอาณานิคมที่ให้ประโยชน์อะไรกับพวกมันไม่ได้ จะเป็นจะตายพวกสหพันธ์ก็ไม่เคยมาสนใจหรอก พวกเรามันเป็นแค่ดาวชายขอบมีประชากรสองร้อยกว่าคนตอนนี้คงไม่ถึงร้อยล่ะมั้งโดนยักษ์กินหมดแล้ว สหพันธ์อวกาศไอ้พวกสวะดีๆนี่เอง” เซ็กตันใส่อารมณ์อย่างโกรธแค้นและชิงชังพวกสหพันธ์อวกาศเป็นยิ่งนัก
ฮัน อันโตนิโอ นักเล่าเรื่องแห่งจักรวาล ตอนที่ 2 .... (เรื่องสั้น 5 ตอนจบ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันโตนิโอและทิมมี่เดินย่องไปตามท้องถนนในเมืองที่เวิ้งว้างไร้ผู้คน เศษขยะปลิวว่อน บ้านบางหลังถูกทำลายยับ ต้นไม้ตามท้องถนนหักล้มลงมากองกันระเนระนาดที่นี้เริ่มจะดูเหมือนเมืองร้างที่ถูกทิ้งมาหลายเดือนเลยก็ว่าได้ อันโตนิโอเดินตามหลังทิมมี่มาติดๆ ทิมมี่คลาน เขาก็ทำตาม ทิมมี่หมอบ ย่องเดินช้า เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ เอาเป็นว่าทุกอย่างที่ทิมมี่ทำอันโตนิโอก็ทำตามทั้งหมด เขาเป็นประเภทที่มีความคิดติดหัวเสมอว่า เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม
ทิมมี่เด็กชายอายุเพียงสิบสามปี เขาเป็นคนตัวเล็กผอมแห้งเหมือนคนที่ขาดสารอาหารและค่อนข้างจะเตี้ยกว่าเด็กรุ่นราวคร่าวเดียวกับเขา ทิมมี่สูงแค่เอวของอันโตนิโอดูไปแล้วก็ออกจะน่าตลกขบขันคนหนึ่งผอมแห้งแต่สูงโลดอีกคนผอมแห้งแต่เตี้ยแคระ ดูไปดูมาเหมือนพ่อกับลูกก็ไม่ปาน
ทิมมี่กวักมือเรียกอันโตนิโฮที่ยืนอยู่อีกฝากหนึ่งของถนนให้วิ่งมาที่ๆที่เขายืนอยู่ ทั้งสองเดินเขาไปในปั๊มๆเล็กแห่งหนึ่งที่รกร้างและมีเศษขยะเกลื่อนทั่วพื้น
กระจกจากร้านสะดวกซื้อแตกกระจาย ทั้งสองค่อยๆย่องเดินอย่างระมัดระวัง แต่ก็ต้องหยุดสงัดเมื่อได้ยินเสียงกู่ร้องของยักษ์สองตนที่แว่วมาแต่ไกล เหมือนกับว่ามันทั้งสองกำลังคุยกันอยู่
“คืนนี้พวกมันเตรียมตัวบุกเมืองแน่” ทิมมี่หันมาพูดกับอันโตนิโอ
“ไม่ยักรู้ว่าเธอเข้าใจภาษายักษ์ด้วยนะ”
“ผมฟังแบบนี้มาอาทิตย์หนึ่งแล้วนะฮะ มันร้องแบบนี้ทีไรมันเข้ามาทำลายเมืองทุกที มันจะยากตรงไหน” ทิมมี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่แสนจะทำธรรมดา
อันโตนิโอเริ่มจะห่วงยานแล้วซิ ถ้าพวกมันเกิดพังยานขึ้นมาจะทำอย่างไรคงไม่ติดแง่กอยู่ที่นี้นะ อันโตนิโอได้แต่นึกภวนาอย่าให้พวกยักษ์ทำยานพัง
“เธอว่ามันจะพังยานฉันหรือเปล่า” อันโตนิโอหันมาถามทิมมี่ทันทีเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิด
“อันนี้เดายากฮะ แต่ถ้าไม่มีใครอยู่ในยานมันก็คงไม่ไปยุ่งหรอกฮะ” ทิมมี่ตอบอย่างผู้รอบรู้
โล่งอกไปที ฮัน อันโตนิโอ คิดในใจ
“เราจะไปไหนกัน”เขาเปลี่ยนคำถามเมื่อได้คำตอบที่พอใจ
ทิมมี่พาเขาเข้ามาที่ร้านสะดวกซื้อแล้วเดินมุ่งไปข้างหลัง
“ไปหาตาแก่เซ็กตัน แกต้องรู้ว่าเชื้อเพลิงถูกเก็บไว้ที่ไหน” ทิมมี่บอก
“แล้วตาแก่เซ็กตัน ไม่ไปหลบภัยกับคนอื่นหรอก” อันโตนิโอถามต่อ
“เหมือนผมฮะ คนที่นี้ไม่ชอบแก แกค่อนข้างจะ เอ่อ ไม่ปกติเท่าไร แต่แกมีที่หลบภัยเอง” ทิมมี่ตอบแบบไม่มองหน้าคนถาม ที่ตอนนี้ซักสีหน้าไม่ดีเสียแล้ว ไม่ปกติเหรอแล้วคนไม่ปกติจะบอกที่เก็บเชื้อเพลิงได้อย่างไรกัน อันโตนิโอได้แต่ครุ่นคิดในใจ
ส่วนทิมมี่เริ่มทุบแผ่นใบกระดานที่อยู่ใต้เท้าของเขา เขากระทืบมันสามครั้งแต่ทุกอย่างยังคงเงียบ เขากระทืบมันอีกครั้งหนึ่งก่อนจะพูดกับไม้กระดานใต้เท้าว่า
“คุณเซ็กตัน นี่ผมทิมมี่นะฮะ คุณยังอยู่ไหม” ทิมมี่ก้มหน้าลอดผ่านช่องใต้ข้างล่าง เขาได้ยินเสียงข้าวของข้างในตกแตกดูเหมือนจะเป็นเสียงแก้วแตก และตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ใส่บูทเดินมาตรงที่เขาอยู่
“นี่นายยังไม่ตายอีกเหรอ” เซ็กตันพูดกับทิมมี่ด้วยใจเป็นมิตร
“ไปให้พ้นทิมมี่ ที่นี้ไม่ต้อนรับแขก” เซ็กตันพูดต่อไม่รอช้า
“ผมต้องการความช่วยเหลือฮะ เอ่อ ถ้าคุณจะกรุณา” ทิมมี่พูดติดขัดแล้วเงยหน้ามองอันโตนิโอที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกระซิบบอกอันโตนิโอว่า
“ผมรู้เรื่องคุณจากตาแก่เซ็กตันนี่ล่ะฮะ”
“ฉันไม่แบ่งอาหารให้นายหรอกนะไปหาที่อื่นเลย” เซ็กตันไล่ เสียงที่ตอบโต้มาจากข้างล่าง คนที่อยู่ข้างบนได้ยินชัดเจน
“ผมไม่ได้ต้องการอาหารหรอกฮะ ผมอยากรู้ว่าเจ้าหน้าที่เขาเก็บพลังงานเชื้อเพลิงไว้ที่ไหนเชื้อเพลิงไนโตรเจนเหลวนะ ถ้าคุณจะกรุณาบอกผม” ทิมมี่ทำเสียงอ้อนวอน
“นั่น นายมากับใคร” เซ็กตันเริ่มมองเห็นอีกคนที่ยืนอยู่ข้างทิมมี่
“ฮัน อันโตนิโอฮะ เชื้อเพลิงที่ยานเขาหมด เขาต้องการความช่วยเหลือฮะ” ทิมมี่พูดกับเซ็กตัน
ฮัน อันโตนิโอ ฮัน อันโตนิโอ เซ็กตันยืนพูดชื่อฮันพึมพร่ำอยู่คนเดียวเหมือนกำลังนึกอะไรออก
“เขาเป็นนักเล่าเรื่อง คุณเคยเล่าให้ผมฟังนิครับจำได้ไหม” ทิมมี่เตือนความจำเขา
“เขามาทำอะไรที่นี้” เซ็กตันถามขึ้นเมื่อนึกได้ว่าเขาเป็นใคร
“เปิดประตูให้พวกเราลงไปได้ไหมฮะ ผมได้ยินยักษ์กำลังเดินมาทางนี้ ได้โปรดเถอะฮะ” ทิมมี่แสร้งแกล้งอ้อนวอน
“พวกเธอจะได้มาแย้งอาหารฉันกินนะซิ” เซ็กตันเกิดหวาดระแวง
“วางใจได้เลยครับ ผมไม่แย้งอาหารคุณหรอก ผมมีอาหารเพียบแถมมีเผื่อให้คุณด้วยนะ” คราวนี้อันโตนิโอพูดขึ้นบ้าง พลางกับตบเป้ที่อยู่ข้างหลัง เพื่อแสดงให้คนที่อยู่ข้างล่างได้เห็นว่าเขาพบของกินมาด้วย
เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นจากข้างใน อันโตนิโอหันมายิ้มให้กับทิมมี่ และไม่ลืมที่จะขยิบตาให้ทิมมี่ด้วยความพอใจ
“รีบๆเข้ามา” เซ็กตันกวาดต้อนพวกเขาลงไปที่ชั้นใต้ดินแล้วปิดประตูลงทันที
“ตามมา” เซ็กตันเดินนำหน้าคนทั้งสองตรงไปอีกฝั่งหนึ่งทางเดินมืดมิดและก็เหม็นอับไปด้วยกลิ่นฉี่ของเซ็กตัน อันโตนิโอกับทิมมี่มองหน้ากันอย่างรู้ทันคามคิดของกันและกัน
“ถ้าพวกนายไม่มีอาหาร ฉันจะกินพวกนายแทน” เซ็กตันขู่ เขาเป็นชายแก่ที่ค่อนข้างจะอวบ แต่จะว่าไปค่อนไปทางอ้วนเลยทีเดียว ท่าเดินของเขาเชื่องช้าเอืดอาด ผมหงอกขาวทั้งหัว ใบหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาเหมือนไม่เคยจะยิ้มและคงไม่รู้ว่ายิ้มเป็นอย่างไร
“เขาไม่ทำหรอกฮะ เขาขู่ผมแบบนี้ประจำแต่เขาก็ให้อาหารผมกลับมาทุกที” ทิมมี่กระซิบบอกอันโตนิโอพร้อมขยิบตาให้
เซ็กตันเปิดประตูไม้อีกบานหนึ่งที่เดินเข้าไปในห้องที่สว่างไสวไปด้วยเสียงไฟจากตะเกียงสองตัวที่ตั้งอยู่สองมุมห้อง ในห้องไม่มีอะไรมากมาย มีตะกร้าที่ใส่อาหารกระป๋อง ขวดน้ำวางอยู่มุมหนึ่ง และเตียงนอนเล็กๆที่อยู่ข้างผนังกับเก้าอี้สองตัวที่ล้มอยู่กับพื้น ทิมมี่เห็นเศษแก้วแตกเกลื่อนตรงที่เก้าอี้ล้ม
“ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็ได้ยินเสียงคนเรียกเลยตกใจทำแก้วแตก” เซ็กตันเดินไปจับเก้าอี้ขึ้นแล้วเก็บกวาดเศษแก้ว
“นั่งก่อนๆ” เซ็กตันเรียกทั้งสองให้ไปนั่งที่เก้าอี้
“ผมขอโทษครับที่ทำให้คุณตกใจ” ทิมมี่บอกเขาอย่างรู้สึกผิดจริงๆ
“ฉันดีใจที่เธอไม่เป็นอะไร” เซ็กตันบอกเขา นั่นทำให้ทิมมี่รู้สึกขอบคุณที่เขาเป็นห่วง เซ็กตันเป็นเพื่อนคนเดียวที่ทิมมี่มีถึงเขาจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ทิมมี่รู้ดีว่าเซ็กตันเป็นคนดีเพียงแต่ชอบทำตัวให้ร้ายเข้าไว้เพราะไม่อยากให้ใครมายุ่งกับแก
“ไหนล่ะอาหารของฉัน” เซ็กตันลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งรวมกับพวกเขาแล้วหันมาทางอันโตนิโอ
อันโตนิโอลวงมือหยิบของในเป้ออกมาสามสี่อย่าง มีอาหารถุงสามถุง ขวดน้ำส้มหนึ่งขวดและแถมด้วยซ็อตโกแลกอีกหนึ่งซอง
“นี่ครับ ของคุณทั้งหมด” อันโตนิโอวางของทั้งหมดไว้ที่โต๊ะ เซ็กตันมองอย่างพอใจก่อนจะกวาดของพวกนั่นเอามาไว้ที่ฝั่งตัวเอง
ทิมมี่มองสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าสายตาลุกวาว เขากลืนน้ำลายลงคอทันที่ที่เห็นซ็อกโกแลกเขาหันมามองหน้าอันโตนิโอ แววตาบ่งบอกว่าเสียดายของเหล่านั้นอย่างที่สุดเกิดมาเขายังไม่เคยได้กินซ็อตโกแลตเลย ระหว่างนั่นเซ็กตันก็เดินเอาของไปเก็บไว้ในที่ของตัวเอง
“ที่ยานฉันมีเยอะกว่านี้” อันโตนิโอกระซิบบอกทิมมี่เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงความเสียดายของเหล่านั่น
“เธอจะได้กินทุกอย่างเมื่อไปที่นั่น” อันโตนิโอกระซิบบอกอีกครั้ง ทิมมี่ยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ แววตากลับมาสดใสอีกครั้ง
“พวกนายสองคนจะกินอะไรไหม” เซ็กตันหันมาถาม
“ไม่ล่ะครับ” ทั้งสองตอบพร้อมกัน
แต่เซ็กตันก็ยังรินชาอุ่นๆที่อยู่ในกาใส่แก้วสองใบถือมาวางที่โต๊ะให้พวกเขา ตามด้วยคุกกี้สี่ชิ้นในจานสีขาว เซ็กตันวางจานคุกกี้ลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงอย่างยากลำบากและดูจะยุ่งยากเหลือเกินเมื่อเขาเคลื่อนไหวตัวเอง
“ว่าไงนะ คุณต้องการเชื้อเพลิงไปใส่ที่ยานคุณใช่ไหม” เซ็กตันหันมาพูดกับอันโตนิโอ ระหว่างนั้นทิมมี่ก็กวาดคุกกี้สี่ชิ้นใส่ปากจนหมดเกลี้ยง เซ็กตันเหล่ตามองจานนิดหนึ่งแต่ก็ไม่พูดอะไร
“ครับ ผมต้องการซื้อเชื้อเพลิงถ้าคุณมีขายให้ผม”
“โอ๊ยๆ ไม่มีๆ” เซ็กตันโบกไม้โบกมือไปมาปฎิเสธการซื้อขายใดๆทั้งสิ้น
“แต่ถ้าคุณต้องการผมบอกที่เก็บมันได้” เซ็กตันพูดต่อ
“อยู่ที่ไหนฮะ” ทิมมี่พูดเสียงอู้อี้เพราะคุกกี้เต็มปาก
“เธอควรจะเคี้ยวให้หมดก่อนพูดนะทิมมี่” เซ็กตันปราม
“มันอยู่ที่คลังเก็บของ เอ่อ พวกของเก่านะ อยู่ใกล้กับแท็งน้ำใหญ่ที่ศูนย์ระบายน้ำมาสู่ตัวเมืองอยู่ใกล้กับเหมืองนะ” เซ็กตันบอกกับอันโตนิโอ
“แล้วผมจะไปที่นั่นได้อย่างไร” อันโตนิโอถาม
“ผมรู้ ผมรู้ฮะ” ทิมมี่พูดขึ้นหลังจากที่พยายามกลืนคุกกี้ลงคอ
“เท่าที่ผมรู้นะ คุณอันโตนิโอ พื้นที่ตรงนั่นยักษ์มันใช้เป็นที่พักอาศัย เพราะมีน้ำให้มันไว้ดื่มกิน” เซ็กตันพูดอย่างหนักแน่น
“เยี่ยม แล้วมีที่อื่นอีกไหมครับที่พอจะหาได้ โดยไม่ต้องเข้าไปใกล้พวกมัน” อันโตนิโอลองถามหาทางอื่น
“เท่าที่รู้ ไม่มี” เซ็กตันยืนยันคำตอบอีกครั้ง
“เราก็แอบไปเอาตอนที่ยักษ์มันหลับ ตอนกลางคืนพวกมันจะนอนหลับฮะ ผมไปเอาน้ำและผลไม้แถวที่นั่นบ่อยเห็นพวกมันนอนกรนไม่รู้เรื่องตอนผมเข้าไปนะ” ทิมมี่หันมาพูดกับคนทั้งสอง
“อืม เข้าท่าดี ไปอย่างเงียบๆแล้วออกมาอย่างเงียบๆ” อันโตนิโอพูดเพ้ออยู่คนเดียว ก่อนจะหันไปเห็นรูปถ่ายทหารหมู่ที่ถ่ายรวมกันในยานอวกาศที่ไหนซักที่ติดอยู่ข้างผนังตรงเตียงนอนของเซ็กตัน
“ผมว่าเป็นความคิดที่ฆ่าตัวตายชัดๆ” เซ็กตันส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“คุณเคยเป็นทหารหรือครับ” อันโตนิโอถาม
“อ่อ อืม เคยเป็นแค่เคยเป็นนะ” เซ็กตันตอบตะกุกตะกัก
“ผมนึกออกแล้ว ยักษ์บุกโจมตีผู้คนมากขนาดนี้ทั้งล้มตายไปก็เยอะ ทำไมผู้คนในเมืองถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากสหพันธ์อวกาศให้เขาส่งกองกำลังมาช่วย ผมว่าเขตพื้นตรงนี้เป็นอาณานิคมของสหพันธ์นะ” ฮัน อันโตนิโอเริ่มสงสัยที่ไม่มีกองกำลังของสหพันธ์อวกาศเข้ามาช่วยเหลือเลย
“ฮ่าๆ” เซ็กตันหัวเราะ
“ใครว่า พวกเราไม่ขอไปล่ะ ขอไปตั้งแต่วันแรกที่ถูกยักษ์โจมตีแล้ว พวกสหพันธ์รึจะสนใจดาวอาณานิคมที่ให้ประโยชน์อะไรกับพวกมันไม่ได้ จะเป็นจะตายพวกสหพันธ์ก็ไม่เคยมาสนใจหรอก พวกเรามันเป็นแค่ดาวชายขอบมีประชากรสองร้อยกว่าคนตอนนี้คงไม่ถึงร้อยล่ะมั้งโดนยักษ์กินหมดแล้ว สหพันธ์อวกาศไอ้พวกสวะดีๆนี่เอง” เซ็กตันใส่อารมณ์อย่างโกรธแค้นและชิงชังพวกสหพันธ์อวกาศเป็นยิ่งนัก