ทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน โดย วีรพงษ์ รามางกูร

กระทู้คำถาม
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1437633040

ภาพที่โทรทัศน์ทุกช่อง วิทยุทุกสถานี และหนังสือพิมพ์ทุกฉบับนำเสนออยู่ในขณะนี้คือภาพที่ชาวนาขวนขวายรวมตัวกันต่อรองแย่งน้ำ
เพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าวที่ตนได้ลงทุนลงแรงปลูกไปแล้วไม่ให้แห้งตายในที่ราบลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งเป็นพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทยมาแต่โบราณกาล
เป็นภาพที่สะเทือนใจ เป็นภาพที่เศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งได้ยินคำสำทับของผู้นำรัฐบาลอย่างมะนาวไม่มีน้ำ ก็ยิ่งเศร้าสลดใจหดหู่ใจเป็นอย่างมาก

......................................................

อย่างที่พวกเราได้เห็นเป็นข่าวรายวันอยู่ทุกวัน.....เห็นความพยายาม"ดิ้นรนเพื่อช่วยตัวเอง" ของชาวนา อย่างยากลำบาก
  ทำให้คิดถึงคำดูถูกของคนบางกลุ่ม แม้บางคนเป็นถึงนักวิชาการที่มีภูมิความรู้สูง แต่กลับพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า
  ปชช.คนรากหญ้าเหล่านี้ มีแต่คอย "แบมือ" รอความช่วยเหลือจากรัฐบาล

ภาพการดิ้นรนต่อสู้ของพวกเขา มันต่างจากคำสบประมาทเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง
ความอคติของคนที่มี "โอกาส" ที่ดีกว่า เหนือกว่า...แทนที่จะให้ความเห็นใจกัน ช่วยหยิบยื่นแบ่งปันโอกาสให้แก่กัน แทนการชี้หน้าด่า ประเทศมันก็สงบสุข
และเจริญรุดหน้าไปได้ด้วยการที่ทุกคนมีอาชีพที่ดี หาเงินได้อย่างคล่องตัว มีกำลังซื้อ รัฐก็ได้ภาษี ใครจะเสียภาษีมาก เสียภาษีน้อยไม่ต้องพูดถึง
เพราะด้วยจำนวนคนที่มาก เมื่อรวมกัน เงินภาษีมันก็มากได้เอง เหมือนหยดน้ำที่ละหยดใส่ตุ่ม น้ำมันก็เต็มตุ่มได้

คนเมืองอยู่ไม่ได้โดยลำพัง ทุกฝ่ายต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน เหมือน "น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า"
ในขณะที่ดูแลคนในเมือง รัฐก็ต้องดูแลชาวบ้านด้วย อย่าเท่าเทียม....พวกเขาไม่ต้องการการ"แจกเงิน" พวกเขาต้องการ"โอกาสในการทำกิน"
    และขออย่าเห็นพวกเขาเป็นพลเมืองชั้น 2 ... ที่ต้องเสียสละทั้งยามน้ำท่วมและน้ำแล้งเพื่อคนในเมืองหลวงแต่เพียงฝ่ายเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่